นายคุณวุฒิ ธรรมพรหมกุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท โฮมโปรดักส์ เซ็นเตอร์ จำกัด (มหาชน)หรือ "โฮมโปร" ผู้นำธุรกิจศูนย์รวมวัสดุก่อสร้างและอุปกรณ์ตกแต่งบ้านครบวงจร เปิดเผยถึงผลการดำเนินงานของบริษัทฯ และบริษัทย่อย สำหรับงวด 9 เดือน สิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2559 ว่า บริษัทฯ มีผลกำไรสุทธิเท่ากับ 2,805.27ล้านบาท เพิ่มขึ้น 448.70ล้านบาท หรือ 19.04 % เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน
บริษัทฯ มีรายได้รวมจำนวน45,055.56ล้านบาท เพิ่มขึ้น 4,085.32ล้านบาท หรือ 9.97% เมื่อเทียบกับปีก่อน โดยเป็นผลมาจาก รายได้จากการขาย จำนวน 4,2074.14 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 3,655.69 ล้านบาท หรือ 9.52 %จากการเติบโตของสาขาใหม่ของธุรกิจโฮมโปร และเมกา โฮม รวมถึงจากการขายงาน โฮมโปรแฟร์รายได้ค่าเช่าและบริการ จำนวน 1,254.31 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 220.97ล้านบาท หรือ 21.38% จากรายได้ค่าเช่าที่เพิ่มขึ้นของพื้นที่เช่าภายในศูนย์การค้ามาร์เกต วิลเลจ โดยเฉพาะจากการขยายและปรับปรุงของศูนย์การค้ามาร์เกต วิลเลจ สาขาสุวรรณภูมิ ซึ่งเปิดให้บริการในเดือนพฤษภาคม 2558 รวมถึงรายได้ค่าเช่าที่สูงขึ้นจากพื้นที่ให้เช่าเพิ่มเติมของสาขาโฮมโปรและมีรายได้อื่น จำนวน 1,727.11 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 208.66ล้านบาท หรือ 13.74% โดยเป็นผลมาจากการเติบโตของรายได้การส่งเสริมการขาย รวมถึงรายได้จากค่าบริการ "โฮม เซอร์วิส" จากลูกค้า
ทั้งนี้ บริษัทฯ มีกำไรขั้นต้นเป็นจำนวนเงิน10,636.96 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 739.73ล้านบาท หรือ 7.47% เมื่อเทียบกับปีก่อน ซึ่งเป็นผลมาจากการเพิ่มขึ้นของยอดขาย อย่างไรก็ตามอัตรากำไรขั้นต้นต่อยอดขายลดลงจาก 25.76% เป็น 25.28% ซึ่งเป็นผลมาจากโครงสร้างอัตรากำไรขั้นต้นของธุรกิจเมกา โฮมที่ต่ำกว่าโฮมโปร และมีสัดส่วนของยอดขายของธุรกิจเมกา โฮมที่สูงขึ้น
บริษัทฯ มีค่าใช้จ่ายในการขายและบริหาร จำนวน 9,695.20 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 632.24 ล้านบาท หรือ6.98%เมื่อเทียบกับปีก่อน โดยเป็นผลมาจากการเพิ่มขึ้นของเงินเดือน ค่าเสื่อมราคา และค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องกับการให้บริการ "โฮม เซอร์วิส" ซึ่งปรับตัวเพิ่มขึ้นตามจำนวนการให้บริการแก่ลูกค้า อย่างไรก็ตาม สัดส่วนค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารต่อยอดขายมีการปรับตัวดีขึ้น โดยลดลงจาก 23.59% เป็น 23.04% ซึ่งเป็นผลจากการบริหารและควบคุมค่าใช้จ่ายที่มีประสิทธิภาพ
นายคุณวุฒิ กล่าวเพิ่มเติมว่า ในภาพรวมการประกอบธุรกิจของเศรษฐกิจในช่วงไตรมาสที่ 3 การบริโภคภาคเอกชนมีการขยายตัวอย่างช้าๆ รวมถึงด้านกำลังซื้อของผู้บริโภคในต่างจังหวัดยังไม่ฟื้นตัวอย่างชัดเจน อีกทั้งยังเป็นช่วงฤดูฝน ซึ่งในปีนี้อัตราการตกของฝนเฉลี่ยสูงกว่าหลายปีที่ผ่านมา ส่งผลกระทบต่อภาคการก่อสร้าง การตบแต่งและปรับปรุงบ้าน รวมถึงความสะดวกของลูกค้าในการจับจ่ายใช้สอย ทั้งนี้ส่งผลให้อัตราการเติบโตของยอดขายในสาขาเดิมของโฮมโปรชะลอตัวลงเมื่อเปรียบเทียบกับครึ่งปีแรก
อย่างไรก็ตามบริษัทฯ ได้มีการกระตุ้นยอดขายทั้งในรูปแบบการส่งเสริมการขายและการจัดกิจกรรมเพิ่มเติม เช่น การจัดงาน "โฮมโปร แฟร์" (HomePro Fair) ที่จัดในช่วงเดือนกรกฎาคมเป็นครั้งแรก ถือได้ว่าเป็นส่วนช่วยในการผลักดันยอดขายในไตรมาสที่ 3 ทางด้านธุรกิจเมกา โฮม ได้รับผลกระทบจากฤดูฝนเช่นกัน แต่ผลการดำเนินงานยังเติบโตในระดับที่น่าพอใจ
"ในไตรมาสที่ 3 บริษัทฯ ยังคงเดินหน้าขยายธุรกิจตามแผนที่วางไว้ โดยเปิดสาขาโฮมโปร 1 แห่ง ที่ "สาขาชลบุรี - บางเสร่" และเมกา โฮม 1 แห่ง ที่ "สาขาหาดใหญ่" ณ. สิ้นสุดไตรมาสที่ 3 บริษัทฯ เปิดดำเนินการแล้วทั้งสิ้น 88 สาขา โดยแบ่งเป็นธุรกิจโฮมโปร 78 สาขา ธุรกิจเมกา โฮม 9 สาขา และโฮมโปร ที่ประเทศมาเลเซีย 1 สาขา ตามลำดับ" นายคุณวุฒิ กล่าวสรุปในตอนท้าย
“โฮมโปร” เผยรายได้รวมปี 2558 อยู่ที่ 56,243.17 ล้านบาท ฟุ้งกำไรสุทธิ 3,498.81 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 185.48 ล้านบาท
"โฮมโปร เมกาโฮม" ร่วมมือ "กระทรวงแรงงาน" มุ่งมั่นทำหน้าที่จิตอาสา ส่งอุปกรณ์ไฟฟ้าและทีมช่างไฟฟ้าฝีมือดี ร่วมช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วม อำเภอแม่สาย จังหวัดเชียงราย
PROS มีเฮ!!! คว้างานใหญ่ มูลค่ารวมเฉียด 600 ล้านบาท
ภาพข่าว: “โฮมโปร” จัดใหญ่ งานแฟร์กลางปี ขนทัพสินค้าลดราคาสูงสุด 70% ในบรรยากาศตลาดย้อนยุค