กสิกรไทย พลิกโฉมโมบาย แบงกิ้ง ลุยเจาะลูกค้ารายย่อยและเอสเอ็มอี

ข่าวประชาสัมพันธ์ »

          กสิกรไทยพลิกโฉมโมบาย แบงกิ้ง ด้วยแนวคิด "เปลี่ยนให้ทุกเรื่องง่ายขึ้น" เน้นพัฒนาฟีเจอร์ทำธุรกรรมทางการเงินล้ำยุค ให้พร้อมจบได้ด้วยตัวเองบนสมาร์ทโฟน ลุยเจาะกลุ่มลูกค้ารายย่อยและลูกค้าเอสเอ็มอี เปลี่ยนชื่อและโลโก้ของแอพพลิเคชั่นธนาคารบนมือถืออันดับ 1 K-Mobile Banking PLUS เป็น K PLUS พร้อมเปิดตัว K PLUS SME ครั้งแรกของแอพพลิเคชั่นสำหรับลูกค้าเอสเอ็มอีโดยเฉพาะ ตั้งเป้าสิ้นปีลูกค้า 7 ล้านราย
          นายพัชร สมะลาภา รองกรรมการผู้จัดการอาวุโส ธนาคารกสิกรไทย เปิดเผยว่า แนวโน้มลูกค้าที่หันมาใช้บริการโมบาย แบงกิ้งมากขึ้น และจะเป็นช่องทางทำธุรกรรมทางการเงินอันดับหนึ่ง โดยมีจำนวนบัญชีผู้ใช้ทั้งระบบธนาคารพาณิชย์ของไทยในปี 2559 เติบโตขึ้น 50% สอดคล้องกับเทรนด์ไลฟ์สไตล์ "ดิจิทัล โมบิลิตี้" (Digital Mobility) ของคนในปัจุบันที่ไม่อยู่นิ่ง ต้องการความสะดวกและจัดการทุกสิ่งได้ด้วยตัวเองผ่านสมาร์ทโฟน ประกอบกับพฤติกรรมของลูกค้าที่เปิดรับการใช้งานและพบว่ารายการใช้งานต่าง ๆ สามารถช่วยบริหารจัดการการเงินให้สะดวกและง่ายมากขึ้น
          ธนาคารกสิกรไทยยังคงตั้งเป้ารักษาความเป็นผู้นำอันดับ 1 ด้านดิจิทัล แบงกิ้งอย่างต่อเนื่อง จึงเร่งพัฒนานวัตกรรมบริการด้านดิจิทัลให้เต็มรูปแบบมากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะโมบาย แบงกิ้ง ที่ได้ก้าวมาเป็นช่องทางอันดับ 1 ในการทำธุรกรรมการเงินของลูกค้าจะเน้นสร้างประสบการณ์การใช้งานที่ดีให้แก่ผู้บริโภค ด้วยการพัฒนาฟีเจอร์ภายใต้แนวคิด "เปลี่ยนให้ทุกเรื่องง่ายขึ้น" ทำให้ลูกค้าปรับเปลี่ยนการใช้งานได้ง่ายตามความต้องการ ซึ่งจะช่วยให้ลูกค้าจบทุกความต้องการด้านการเงินได้บนสมาร์ทโฟนเครื่องเดียว และสิ่งที่สำคัญที่สุดคือ การมีมาตรการในการรักษาความปลอดภัยทางข้อมูลขั้นสูง
          ล่าสุด ธนาคารกสิกรไทยได้รีแบรนดิ้งแอพพลิเคชั่นธนาคารบนมือถืออันดับ 1 โดยเปลี่ยนชื่อและโลโก้ของ K-Mobile Banking PLUS ใหม่ให้ง่ายต่อการจดจำเป็น K PLUS ซึ่งปัจจุบัน ในไตรมาส 1 ปี 2560 มียอดผู้ใช้แล้วกว่า 5 ล้านคน เติบโตขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 65% และเป็นผู้ใช้งานอย่างสม่ำเสมอถึง 80% โดยมีจำนวนการทำธุรกรรมในไตรมาสนี้เพิ่มขึ้น 102% เมื่อเทียบกับไตรมาส 1 ของปีก่อน
          นอกจากความง่ายในการใช้งานแอพฯ แล้ว ยังเพิ่มความสะดวกที่ทำให้ลูกค้าสามารถทำธุรกรรมการเงินได้ทุกที่ ทุกเวลา เช่น การขอออกบัตรเดบิตผ่าน K PLUS แล้วรอรับบัตรได้เลยที่บ้าน หรือซื้อประกันเดินทางระหว่างประเทศได้ ทั้งนี้ ธนาคารมีแผนเพิ่มลักษณะการใช้งานที่ให้ลูกค้าสามารถทำธุรกรรมได้โดยไม่ต้องไปที่สาขา เช่น การเปิดบัญชีกองทุน ซื้อขายสับเปลี่ยนกองทุน อายัดบัตรเครดิต โอนเงินต่างประเทศ การขอรายการเดินบัญชีย้อนหลัง 2 ปีได้ทันที ซึ่งคาดว่ารายการใช้งานเหล่านี้จะทำให้มีผู้ใช้งานธนาคารบนมือถือเพิ่มขึ้นเป็น 7 ล้านคนในสิ้นปีนี้
          สำหรับกลุ่มลูกค้าผู้ประกอบการ หรือเอสเอ็มอี ธนาคารได้เปิดตัวแอพพลิเคชั่นบนมือถือ K PLUS SME เป็นครั้งแรก ซึ่งเป็นแอพพลิเคชั่นที่ถูกพัฒนาขึ้นเพื่อตอบโจทย์ลูกค้าเอสเอ็มอีอย่างแท้จริง เนื่องจากในปัจจุบันปัญหาของผู้ประกอบการส่วนใหญ่ คือ มีความต้องการตรวจสอบยอดเงินเข้าออกบัญชีเป็นประจำ ไม่ว่าจะเป็นเงินที่เข้ามาจากการโอนเงินหรือการรับจ่ายเช็ค โดยเฉพาะเรื่องเช็คคืนเป็นสิ่งที่ผู้ประกอบการให้ความใส่ใจเป็นพิเศษเพราะต้องการรักษาเครดิตกับคู่ค้า ซึ่งในปัจจุบันยังไม่มีแอพพลิเคชั่นไหนที่สามารถตอบโจทย์ความต้องการดังกล่าวได้ 
          ธนาคารจึงได้พัฒนาช่องทางการทำธุรกรรมผ่านแอพพลิเคชั่นสำหรับธุรกิจที่สามารถใช้ได้ทั้งบัญชีบุคคลธรรมดา บัญชีร่วม และบัญชีนิติบุคคล อีกทั้งยังสามารถเพิ่มบัญชีได้สูงสุดถึง 25 บัญชี ทำให้ลูกค้าสามารถเข้าถึงข้อมูลและบริหารจัดการธุรกิจได้ด้วยตนเองอย่างสะดวก รวดเร็ว มีฟีเจอร์สำคัญที่แตกต่างจากแอพพลิเคชั่นอื่น ๆในตลาด ทั้งยังช่วยให้ผู้ประกอบการสามารถบริหารเงินและธุรกิจได้อย่างมืออาชีพ เช่น การจัดการกลุ่มบัญชีเพื่อดูภาพรวมของแต่ละธุรกิจได้อย่างง่ายดาย การตรวจสอบสถานะเช็คทั้งขารับและขาจ่าย พร้อมการแจ้งเตือนในกรณีที่เช็คมีปัญหา มีรายงานสินเชื่อที่จะรวบรวมข้อมูลรายงานสินเชื่อทุกประเภท ทั้งโอดี ตั๋วสัญญาใช้เงิน เงินกู้ หรือหนังสือค้ำประกัน รวมถึงสามารถดูการเคลื่อนไหวบัญชีแบบเรียลไทม์เพื่อช่วยให้ชีวิตธุรกิจง่ายขึ้นอย่างแท้จริง
          นายพัชร กล่าวในตอนท้ายว่า ธนาคารมุ่งผลักดันให้มีการใช้ช่องทางอิเล็กทรอนิกส์มากขึ้น โดยได้แต่งตั้งเจ้าหน้าที่แนะนำบริการด้านดิจิทัล หรือ Digital Service Officer (DSO) เพื่อประจำในสาขาทั่วประเทศ ทำหน้าที่ในการให้คำแนะนำการใช้ผลิตภัณฑ์และบริการด้านดิจิทัลของธนาคารให้กับลูกค้า ในขณะที่บทบาทของสาขาที่มีอยู่ประมาณ 1,100 สาขา จะเน้นการให้บริการการเงินส่วนบุคคลหรือสำหรับธุรกิจ โดยจะนำเทคโนโลยีต่าง ๆ มาใช้เพื่อเพิ่มความสะดวกสบายให้กับลูกค้า เช่น e-Application เพื่อให้ลูกค้าสมัครใช้บริการและผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ ได้เร็วขึ้น ลดเวลาการกรอกเอกสาร และลดการเก็บเอกสารของธนาคาร เป็นต้น


ข่าวธนาคารบนมือถืออันดับ+ทำธุรกรรมทางการเงินวันนี้

กรุงไทยสำรองเงินสด รองรับการใช้จ่ายเทศกาลปีใหม่ 37,950 ล้านบาท

ธนาคารกรุงไทย เตรียมสำรองเงินสด เพื่อรองรับการใช้จ่ายของลูกค้าและประชาชน ในช่วงเทศกาลปีใหม่ 2569 ระหว่างวันที่ 28 ธันวาคม 2568 4 มกราคม 2569 ทั้งการใช้บริการที่สาขาและเครื่อง ATM จำนวน 37,950 ล้านบาท แบ่งเป็นการสำรองในเขตกรุงเทพฯ จำนวน 7,650 ล้านบาท และเขตภูมิภาค จำนวน 30,300 ล้านบาท โดยสำรองสำหรับสาขาและจุดบริการทั่วประเทศ จำนวน 5,900 ล้านบาท และสำรองสำหรับเครื่อง ATM จำนวน 32,050 ล้านบาท อย่างไรก็ตาม เพื่อความสะดวกในการทำธุรกรรมทางการเงิน ลดการใช้เงินสด และลดการเดินทางในช่วงเทศกาล ลูกค้า

ทีเอ็มบีธนชาต หรือ ทีทีบี เตรียมสำรองเงิน... ทีทีบี สำรองเงินสด 11,000 ล้านบาท รองรับการใช้จ่ายช่วงเทศกาลปีใหม่ 2569 — ทีเอ็มบีธนชาต หรือ ทีทีบี เตรียมสำรองเงินสดให้บริการผ่านตู้เอทีเอ็มและสาขาธนาคาร...

ท่ามกลางกระแสการเปลี่ยนผ่านสู่ยุคดิจิทัล ... NITMX ชวนรู้จัก "Cardless ATM Withdrawal" บริการถอนเงินสดแบบไม่ใช้บัตรข้ามธนาคาร — ท่ามกลางกระแสการเปลี่ยนผ่านสู่ยุคดิจิทัล พฤติกรรมผู้บริโภคได้เปลี่ยนแปล...

ใบแจ้งหนี้เป็นเอกสารสำคัญในการดำเนินธุรกิ... 5 ข้อควรระวัง! ตรวจดูให้แน่ใจว่า ใบแจ้งหนี้ควรต้องมีข้อมูลอะไรบ้าง — ใบแจ้งหนี้เป็นเอกสารสำคัญในการดำเนินธุรกิจที่ช่วยให้การบริหารจัดการทางการเงินเป็นไปอย...