กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม (กสอ.) เผยธุรกิจสตาร์ทอัพมาแรงกลุ่มผู้ประกอบการ และผู้บริโภคขณะนี้ จำนวน 3 ประเภท ได้แก่ สตาร์ทอัพที่เกี่ยวข้องกับการใช้ชีวิตประจำวันของผู้บริโภค สตาร์ทอัพด้านธุรกรรมทางการเงิน การซื้อขายสินค้าออนไลน์ และสตาร์ทอัพด้านบริการซอฟต์แวร์และการบริหารจัดการองค์กรทางออนไลน์ โดยล่าสุด กสอ. ได้ร่วมกับ บมจ.เดลต้า อีเลคโทรนิคส์ (ประเทศไทย) จัดโครงการ "Angel Fund for Startup" ต่อเนื่องเป็นปีที่ 2 เพื่อให้การสนับสนุนเงินทุนสำหรับการจัดตั้งธุรกิจในรูปแบบเงินให้เปล่ารายละไม่เกิน 5 แสนบาท ภายใต้แนวคิด Thailand 4.0 และ Energy Management
ดร.สมชาย หาญหิรัญ ปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม กล่าวว่า กระทรวงอุตสาหกรรม มีความมุ่งมั่นเป็นอย่างยิ่งที่จะเพิ่มมูลค่าทางเศรษฐกิจด้วยการเร่งผลักดันให้เกิดผู้ประกอบการและรูปแบบธุรกิจใหม่ ๆ โดยเฉพาะกลุ่มบุคคลที่เรียกว่า "สตาร์ทอัพ (Startup)" ให้เกิดขึ้นอย่างจริงจังและต่อเนื่อง เนื่องจากกลุ่มดังกล่าวนี้ถือเป็นบริบททางการดำเนินธุรกิจของคนเจเนอเรชั่นใหม่ที่มีทั้งการใช้เทคโนโลยี – นวัตกรรม มีความกล้าคิด ชอบเรียนรู้ที่จะทดลองสิ่งใหม่ ๆ และยังมีความคิดสร้างสรรค์ ซึ่งสิ่งเหล่านี้นับเป็นองค์ประกอบสำคัญในการช่วยให้การดำเนินธุรกิจสามารถเติบโตได้อย่างก้าวกระโดด แต่อย่างไรก็ตามการผลักดันด้วยการส่งเสริมความรู้ การฝึกอบรม การให้คำปรึกษาเพียงอย่างเดียวอาจยังไม่เพียงพอต่อการช่วยให้ธุรกิจเหล่านี้เติบโตได้อย่างรวดเร็ว เนื่องจากการดำเนินกิจการและเริ่มก่อตั้งธุรกิจจำเป็นต้องมีปัจจัยด้านเงินทุนมาร่วมส่งเสริมและสานฝันให้ธุรกิจประสบความสำเร็จได้ตามเป้าหมาย ดังนั้น ในปี พ.ศ. 2560 กระทรวงอุตสาหกรรม โดยกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม จึงร่วมกับ บมจ.เดลต้า อีเลคโทรนิคส์ (ประเทศไทย) ให้การส่งเสริมผู้ประกอบการใหม่และสตาร์ทอัพอย่างเป็นรูปธรรมและเต็มรูปแบบ โดยจัดโครงการ "Angel Fund for Startup" ต่อเนื่องเป็นปีที่ 2 เพื่อให้การสนับสนุนเงินทุนสำหรับการจัดตั้งธุรกิจในรูปแบบเงินให้เปล่ารายละไม่เกิน 5 แสนบาท ซึ่งเชื่อมั่นเป็นอย่างยิ่งว่ากลุ่มผู้นำการเปลี่ยนแปลงเหล่านี้จะทำให้มูลค่าทางเศรษฐกิจของประเทศเพิ่มขึ้น ทั้งยังนำมาซึ่งความได้เปรียบทางการแข่งขันในเวทีธุรกิจได้อย่างยั่งยืนในอนาคต
ดร.พสุ โลหารชุน อธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม กล่าวว่า แม้หลายคนจะมองว่าสตาร์ทอัพเป็นเพียงแค่ธุรกิจเล็ก ๆ แต่ก็มีส่วนในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยให้สามารถพัฒนาและเติบโตได้ เนื่องจากกลุ่มดังกล่าวเป็นฟันเฟืองหนึ่งของการสร้างพลังทางการเปลี่ยนแปลงที่ยิ่งใหญ่ สามารถปรับเปลี่ยนเข้าสู่อุตสาหกรรมหรือตลาดกลุ่มใหม่ได้ในอนาคต ทั้งยังจะช่วยทำให้เกิดงานบริการ ผลิตภัณฑ์ นวัตกรรมใหม่ ๆ ได้มากยิ่งขึ้น ซึ่งสอดคล้องกับการคาดการณ์ของศูนย์วิจัยกสิกรไทยถึงแนวโน้มในระยะ 2 ปีนี้ จะมีการสนับสนุนการลงทุนกลุ่มเทคสตาร์อัพประมาณ 8,500 ล้านบาท จึงนับเป็นผลดีต่อระบบเศรษฐกิจโลกในยุคที่กระแสและความต้องการของผู้บริโภคมีการเปลี่ยนแปลงและสอดคล้องตามนโยบายประเทศไทย 4.0 โดย กสอ. พบว่าธุรกิจสตาร์ทอัพที่เป็นที่นิยมในกลุ่มผู้ประกอบการและผู้บริโภคในขณะนี้ ได้แก่
1. สตาร์ทอัพที่เกี่ยวข้องกับการใช้ชีวิตประจำวันของผู้บริโภค (Life style) อาทิ การค้นหางาน การให้บริการจองร้านอาหารหรือโรงแรม การท่องเที่ยว ซึ่งสิ่งเหล่านี้เป็นสิ่งที่ผู้บริโภคล้วนมีความต้องการและเกี่ยวข้องกับการดำเนินชีวิต อย่างต่อเนื่อง โดยคาดว่าจะขยายตัวไปพร้อมกับการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมของผู้บริโภคที่นิยมใช้ชีวิตประจำวันเกี่ยวข้องกับโลกออนไลน์มากขึ้น
2. สตาร์ทอัพด้านการให้บริการธุรกรรมทางการเงินและการซื้อขายสินค้าออนไลน์ เช่น การชำระเงิน การกู้ยืมเงิน การโอนเงิน การซื้อขายผ่านช่องทางอินเทอร์เน็ตและแอพพลิเคชั่น ซึ่งนับว่ามีการขยายตัวอย่างรวดเร็วในช่วง 1-2 ปีที่ผ่านมา เนื่องจากธุรกรรมทางการเงินได้สอดแทรกอยู่กับกิจวัตรประจำวันของผู้บริโภคในการเลือกซื้อสินค้าและบริการตามโลกออนไลน์ โดยในปีนี้ยังคงเชื่อว่าจะนำมาซึ่งโมเดลทางด้านธุรกรรมทางการเงินออนไลน์ที่แปลกใหม่และหลากหลายยิ่งขึ้น
3. สตาร์ทอัพด้านบริการซอฟต์แวร์และการบริหารจัดการองค์กรทางออนไลน์ (Enterprise) สตาร์ทอัพกลุ่มนี้ ถือว่ามีโอกาสเติบโตได้อีกมากในอนาคต ซึ่งสอดคล้องไปกับการเติบโตของภาคธุรกิจต่าง ๆ โดยเฉพาะภาคธุรกิจที่ดำเนินอยู่บนแพลตฟอร์มออนไลน์เป็นหลัก อาทิ ระบบบัญชีออนไลน์ ระบบเสนอราคาซื้อขายสินค้า หรือระบบสำหรับการบริหารจัดการคลังสินค้าหรือร้านอาหาร โดยทั้งสามกลุ่มที่กล่าวมานี้มีสัดส่วนร้อยละ 32.0 ร้อยละ 22.7 และร้อยละ 16.0 ตามลำดับ (ที่มา : ศูนย์วิจัยกสิกรไทย)
ดร.พสุ กล่าวเพิ่มเติมว่า สำหรับการดำเนินงานในปี 2559 ที่ผ่านมานั้น กสอ. ได้ผลักดันและสร้างเครือข่ายผู้ประกอบการใหม่กว่า 2,500 ราย ในจำนวนนี้สามารถก่อตั้งเป็นธุรกิจได้ถึง 790 ราย ซึ่งส่วนใหญ่มีแนวคิดในการดำเนินธุรกิจด้วยไอเดียใหม่ ๆ และอยู่ในกระแสความต้องการของตลาดในปัจจุบัน แต่อย่างไรก็ตามก็ยังพบว่ากลุ่มดังกล่าว ยังประสบปัญหาในด้านการเขียนแผนจำลองธุรกิจ การเสนอแนวคิดต่อแหล่งทุน การเข้าถึงแหล่งสินเชื่อ การหาผู้ร่วมลงทุน การระดมทุน และการหาทุนแบบเงินให้เปล่าในช่วงเริ่มต้นธุรกิจ โดยปัญหาที่สำคัญเหล่านี้ กสอ. ได้นำมาวิเคราะห์และเร่งให้บริการพัฒนาผู้ประกอบการใหม่ด้วยโครงการและกิจกรรมต่าง ๆ อาทิ โครงการสร้างและพัฒนาผู้ประกอบการใหม่เชิงสร้างสรรค์และนวัตกรรม กิจกรรมเถ้าแก่น้อยเทคโนโลยี กิจกรรมเสริมสร้างผู้ประกอบการใหม่ (NEC)และการเรียนรู้เริ่มต้นธุรกิจผ่าน www.NEClearning.com เป็นต้น
ทั้งนี้ ในปี พ.ศ. 2560 ก็ยังคงเป็นอีกปีที่ กสอ. จะให้การพัฒนากลุ่มสตาร์ทอัพ โดยมีรูปแบบการส่งเสริมและพัฒนา ประกอบด้วย 1) การเข้าถึงแหล่งเงินทุน ด้วยการจัดให้มีกิจกรรมนำเสนอแผนธุรกิจของผู้ประกอบการ (Pitching) เพื่อแสวงหาโอกาสทางการเงินและการเข้าถึงแหล่งเงินทุน 2) การสร้างผู้ประกอบการรายใหม่ด้วยการส่งเสริมความรู้และทักษะ ในการดำเนินธุรกิจ เช่น การบ่มเพาะธุรกิจ หรือการฝึกอบรม 3) การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน เช่น การจัดให้มีพื้นที่ทำงานและการแบ่งบันความคิดสร้างสรรค์ร่วมกัน Co-Working Spaceเพื่อเป็นสถานที่แก่ผู้ประกอบการได้เข้ามาใช้บริการและพบปะแลกเปลี่ยนประสบการณ์ เป็นต้น โดยตั้งเป้าให้การส่งเสริมกลุ่มผู้ประกอบการดังกล่าวนี้ไม่ต่ำกว่า 4,000 ราย ภายใต้งบประมาณกว่า 80 ล้านบาท
นอกจากนี้ ยังได้ร่วมมือกับภาคเอกชนในการสนับสนุนเงินทุนในรูปแบบเงินให้เปล่า (Angel Fund) โดยได้รับความร่วมมือจาก บมจ.เดลต้า อิเลคโทรนิคส์ (ประเทศไทย) จัดกิจกรรมการนำเสนอแนวคิดต่อแหล่งเงินทุนเพื่อสนับสนุนการเริ่มต้นธุรกิจ ภายใต้ 2 แนวคิด คือ 1. Thailand 4.0 เน้นการขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยี ความคิดสร้างสรรค์ และนวัตกรรม แบ่งกลุ่ม อาทิ กลุ่มเทคโนโลยีอาหาร เกษตร เทคโนโลยีชีวภาพ กลุ่มสาธารณสุขและเทคโนโลยีการแพทย์ กลุ่มหุ่นยนต์อัจฉริยะ กลุ่มดิจิทัล เป็นต้น ส่วนแนวคิดที่ 2. Energy Managementเกี่ยวกับเทคโนโลยีการประหยัดพลังงาน การเก็บพลังงาน และการหมุนเวียนพลังงานหรือพลังงานที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม โดย กสอ. จะให้การสนับสนุนองค์ความรู้ การเข้าร่วม Business Camp และการฝึกทักษะการนำเสนแนวคิด (Pitching) เพื่อสร้างประสบการณ์ใหม่ในการเรียนรู้และฝึกทักษะวิธีการนำเสนออย่างมืออาชีพ หลังจากนั้นผู้สมัครจะทำการนำเสนอแผน/แนวคิดทางธุรกิจต่อ บมจ.เดลต้า อีเลคโทรนิคส์ (ประเทศไทย) เพื่อพิจารณาคัดเลือกผู้ที่เหมาะสมให้ได้รับเงินทุนสนับสนุน ต่อไป ดร.พสุ กล่าวปิดท้าย
สำหรับผู้ประกอบการใหม่และกลุ่มสตาร์ทอัพที่สนใจ สามารถสมัครร่วมโครงการได้แล้วตั้งแต่วันนี้ - 19 พฤษภาคม 2560 และสามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ สำนักพัฒนาผู้ประกอบการ กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม โทรศัพท์ 0 2202 4570-4 หรือ เข้าไปที่http://nec.dip.go.th
กระทรวงอุตฯ ชูผลสำเร็จ 1 ทศวรรษ "Angel Fund" ดีพร้อม-เดลต้า ปั้น "ผู้ประกอบการอัจฉริยะ" 237 ราย สร้างมูลค่าเศรษฐกิจทะลุ 1,000 ล้านบาท พร้อมรุก 3 กลยุทธ์ใหม่ ดันดีพเทคดาวรุ่งสู่ตลาดอุตสาหกรรม
เดลต้า จับมือดีพร้อม เสริมแกร่งสตาร์ทอัพไทย ภายใต้โครงการ DIPROM x DELTA Angel Fund ส่งเสริมนวัตกรรม พร้อมนำทัพขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยให้โตขึ้น
ดีพร้อม - เดลต้า เร่งเพิ่มเอสเคิร์ฟสตาร์ทอัพ ปั้นผู้ผลิตนวัตกรรมช่วยภาคอุตฯ
"ธนกร" ประกาศ "พักหนี้-ดีพร้อม" ยกต้น : ยกดอก อัตโนมัติ 4 เดือน ช่วยลูกหนี้ SME น้ำท่วมภาคใต้ เร่งเพิ่มสภาพคล่องผ่านสินเชื่อ "เงินง่าย ฟื้นใต้ ช่วยภัยพิบัติ" ดอกเบี้ย 0% นาน 6 เดือน
"พลอยลภัสร์" เปิดตัวภาพยนตร์ "สำรับ สลับศตวรรษ My Century" ผนึกพลังสร้างสรรค์ ถ่ายทอดเสน่ห์อาหารไทย ผ่านภาพยนตร์ก้าวไกลสู่เวทีสากล
"ดีพร้อม" โชว์ความสำเร็จสร้าง Hidden Gems ยกระดับร้านอาหารเชฟชุมชนฯ ตอกย้ำเสน่ห์อาหารไทย รังสรรค์ 93 เมนู เชื่อมโยงการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม คาดสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจกว่า 140 ล้านบาท
"ธนกร" สั่งการ "ดีพร้อม" Quick Big Win อัดฉีดสินเชื่อ "เงินไว by DIPROM" ดอกเบี้ย 50 สตางค์ กระตุ้นสั้น โค้งสุดท้ายปลายปี ดีมานด์พุ่ง!! 30%
"ดีพร้อม" ปลุกพลังสร้างสุข ดัน SMEs เข้าร่วมกิจกรรม เลิกเหล้า-บุหรี่ ออมเงิน ได้ผลกว่า 17 ล้าน ขึ้นแท่น วิสาหกิจต้นแบบ SHAP ประจำปี 2567
"ดีพร้อม" เสริมศักยภาพผู้ประกอบการไทยสายแฟชั่น ดึงซอฟต์พาวเวอร์ เสริมอัตลักษณ์ รังสรรค์ผลิตภัณฑ์ใหม่ พร้อมชี้ 3 เทรนด์ที่ต้องเร่งปรับตัวตาม