นายวีระพล จิรประดิษฐกุล กรรมการกำกับกิจการพลังงาน ในฐานะโฆษก กกพ. เปิดเผยภายหลังจากการประชุม กกพ. ว่า กกพ. ได้พิจารณาผลการคำนวณค่าเอฟทีสำหรับการเรียกเก็บในงวดเดือน พ.ค. – ส.ค. 60 ที่ -19.46 สตางค์ต่อหน่วย ปรับเพิ่มขึ้นจากงวดก่อน 17.83 สตางค์ต่อหน่วย ซึ่งเป็นไปตามที่คาดการณ์ในการพิจารณาค่าเอฟทีครั้งก่อนที่คาดว่าจะมีแนวโน้มสูงขึ้นต่อเนื่องจนถึงสิ้นปีนี้ และมีผลทำให้ค่าไฟฟ้าปีนี้อยู่ในช่วงขาขึ้นด้วย โดยสาเหตุหลักมาจากราคาก๊าซธรรมชาติซึ่งเป็นเชื้อเพลิงหลักในการผลิตไฟฟ้ามีการปรับตัวสูงขึ้นตามรอบการปรับราคาตามสัญญาจากทั้งอ่าวไทยและพม่า และมีแนวโน้มว่าจะเพิ่มขึ้นต่อเนื่องไปจนถึงสิ้นปีนี้ ดังนั้นเพื่อไม่ให้ค่าเอฟทีมีความผันผวนมากเกินไป กกพ. จึงมีมติปรับลดค่าเอฟทีจากที่คำนวณได้ในงวด พ.ค.- ส.ค. 60 ลงมาอยู่ที่ -24.77 สตางค์ต่อหน่วย หรือเพิ่มขึ้นจากงวดก่อนเพียง 12.52 สตางค์ต่อหน่วย โดยปรับลดค่าเชื้อเพลิงในช่วงที่แหล่งก๊าซยาดานา ประเทศพม่า หยุดซ่อม เมื่อวันที่ 25 มีนาคม – 2 เมษายน 2560 เนื่องจากความต้องการใช้ไฟฟ้าที่ลดลง 1.05 สตางค์ต่อหน่วย และนำเงินค่าปรับและค่าชดเชยต่างๆ ที่ได้รับจากการบริหารสัญญาจัดหาเชื้อเพลิงและสัญญาซื้อขายไฟฟ้าต่างๆ มาลดค่าเอฟทีอีก 4.26 สตางค์ต่อหน่วย
นอกจากนี้ โฆษก กกพ. ยังได้กล่าวสรุปถึงปัจจัยอื่นที่มีผลกระทบต่อราคาเชื้อเพลิงและการผลิตไฟฟ้าในช่วงเดือน พ.ค. – ส.ค. 60 ดังนี้
1. อัตราแลกเปลี่ยนค่าเงินบาทแข็งค่ากว่าช่วง ม.ค.-เม.ย. 60 อยู่ที่ 0.10 บาทต่อเหรียญสหรัฐ โดยใช้อัตราแลกเปลี่ยนขายถัวเฉลี่ยธนาคารแห่งประเทศไทยที่เกิดขึ้นจริงเฉลี่ยเดือน ก.พ. 60 ที่ 35.19 บาทต่อเหรียญสหรัฐ
2. ความต้องการพลังงานไฟฟ้าในช่วงเดือน พ.ค. – ส.ค. 60 เท่ากับ 68,198 ล้านหน่วย ปรับตัวเพิ่มขึ้นจากช่วงเดือน ม.ค. – เม.ย. 60 เท่ากับ 5,853 ล้านหน่วย คิดเป็นร้อยละ 9.39
3. สัดส่วนการใช้เชื้อเพลิงการผลิตไฟฟ้าในช่วงเดือน พ.ค. – ส.ค. 60 ยังคงใช้ก๊าซธรรมชาติเป็นเชื้อเพลิงหลัก ร้อยละ 65.14 รองลงมาเป็นรับซื้อไฟฟ้าจากลาว ร้อยละ 10.70 ถ่านหินนำเข้า ร้อยละ 8.58 และลิกไนต์ ร้อยละ 8.55




ราคาเชื้อเพลิง |
ม.ค. – เม.ย. 60 |
พ.ค. – ส.ค. 60 |
เปลี่ยนแปลง | ||
(1) |
(2) |
(2) – (1) |
% | ||
ก๊าซธรรมชาติ |
บาท/ล้านบีทียู |
235.23 |
244.58 |
+9.35 |
+3.97 |
น้ำมันเตา |
บาท/ลิตร |
15.86 |
12.47 |
-3.39 |
-21.37 |
น้ำมันดีเซล |
บาท/ลิตร |
20.64 |
20.73 |
+0.09 |
+0.44 |
ถ่านหินนำเข้า IPPs |
บาท/ตัน |
2,562.81 |
2,554.79 |
-8.02 |
-0.31 |
ลิกไนต์ กฟผ. |
บาท/ตัน |
693.00 |
693.00 |
- |
- |
สำหรับค่าใช้จ่ายในการส่งเสริมการรับซื้อไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนตามนโยบายของภาครัฐ ในส่วน Adder และ FiT ในเดือน พ.ค. – ส.ค. 60 ได้ปรับเพิ่มขึ้นจาก 13,148.10 ล้านบาทในงวดที่แล้ว มาอยู่ที่ 13,536.41 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 388.32 ล้านบาท แต่เนื่องจากจำนวนหน่วยไฟฟ้าในงวดเดือน พ.ค. – ส.ค. 60 มีสูงขึ้น ดังนั้นเมื่อเทียบเป็นอัตราต่อหน่วยแล้วจะทำให้อัตราการรับซื้อไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนในงวดเดือน พ.ค. – ส.ค. 60 ซึ่งอยู่ที่ 21.77 สตางค์ต่อหน่วย ลดลงจากงวด ม.ค. – เม.ย. 60 ที่ 22.97 สตางค์ต่อหน่วย เท่ากับ 1.20 สตางค์ต่อหน่วย
จากการปรับลดค่าเอฟทีเรียกเก็บงวดเดือน พ.ค. – ส.ค. 60 ในอัตรา -24.77 สตางค์ต่อหน่วย เพิ่มขึ้นจากงวดที่แล้ว 12.52 สตางค์ต่อหน่วย จะมีผลทำให้ค่าไฟฟ้าเฉลี่ยผู้ใช้ไฟฟ้าทุกประเภทอยู่ที่ 3.5079 บาทต่อหน่วย (ไม่รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม) หรือคิดเป็นร้อยละ 3.70 ของค่าไฟฟ้าทั้งหมด ซึ่งจากมติ กกพ. ดังกล่าวข้างต้น สำนักงาน กกพ. จะเผยแพร่รายละเอียดทั้งหมดผ่านทาง www.erc.or.th เพื่อรับฟังความคิดเห็นจากประชาชนและผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย ตั้งแต่วันที่ 19 เมษายน 2560 – 3 พฤษภาคม 2560 เวลา 12.00 น. ก่อนที่จะนำผลการรับฟังความคิดเห็น มาพิจารณาและให้การไฟฟ้าประกาศเรียกเก็บค่าไฟฟ้าตามสูตรการปรับค่าเอฟทีสำหรับเรียกเก็บในรอบดังกล่าวอย่างเป็นทางการต่อไป