“AECS” หวั่นนโยบายทรัมป์ทำหุ้นไทยQ2ผันผวน คงเป้ากรอบดัชนีทั้งปี 1,410-1,641 จุด –แนะลงทุนหุ้นพื้นฐานดีกำไรโต

ข่าวประชาสัมพันธ์ »

          บล.เออีซี ประเมินดัชนีตลาดหุ้นไทย ไตรมาส 2/60 ผันผวน และเพิ่มระดับขึ้นในไตรมาส 3/60 จากความกังวลในนโยบายของทรัมป์ บวกกับเศรษฐกิจไทยที่ยังมีการเติบโตค่อยเป็นค่อยไป แม้ GDP โต 3.5% แต่เมื่อลบกับอัตราเงินเฟ้อที่ระดับ 1.8% พบว่า Real GDP Growth อยู่ที่ระดับ 1.7% ต่ำสุดในรอบ 2 ปี ทำให้กังวลว่าจะมีผลต่อ Asset Allocation ของนักลงทุนต่างชาติ และการเกิดฟองสบู่ในตลาดหุ้น จึงคงเป้าดัชนีทั้งปีไว้ที่ 1,410-1,641 จุด แนะกลยุทธ์การลงทุนหุ้นที่มีปัจจัยรองรับ ผลการดำเนินงานเติบโตต่อเนื่อง ชูARROW-BA-EPG-JWD-ROBINS-TSR-WICE
          นายรณกฤต สารินวงศ์ กรรมการผู้จัดการฝ่ายวิจัยหลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ เออีซี จำกัด (มหาชน) หรือ AECS ประเมินกรอบดัชนีตลาดหุ้นไทยในไตรมาส 2/2560 ยังมีความผันผวนต่อเนื่อง และจะเพิ่มขึ้นในไตรมาส 3 โดยทั้งปีประเมินกรอบดัชนีตลาดหุ้นไทยไว้ที่ 1,410-1,641 จุด โดยอิงจากค่า PER จาก Band ในอดีต พบว่า จุดต่ำสุดในรอบ 5 ปีอยู่ที่ 13.8 เท่า และจุดเฉลี่ยเหมาะสมของFair PER อยู่ที่ 15.7 เท่า เนื่องจากประมาณการกำไรลดลงราว 4% ส่งผลให้กำไรต่อหุ้นของตลาดมีการเพิ่มขึ้นจากปี 2559 ที่ 8.1% 
          ทั้งนี้ตลาดหุ้นไทยยังมีปัจจัยเสี่ยง จากนโยบายของประธานาธิบดีของนายทรัมป์ตลอดทั้งปี และล่าสุดเฟดประกาศปรับขึ้น Fed Fund Rate ครั้งแรกในปี 2560 และเป็นครั้งที่สามในรอบ 10 ปี จนมาอยู่ที่ระดับ 1% ส่งผลให้เกิดความผันผวนของตลาดการลงทุนในเกือบทุกสินทรัพย์มีมากขึ้น และคาดเดาทิศทางได้ยากโดยเฉพาะค่าเงิน Dollar Index ที่เคยหนุน Dow Jones กลับกลายเป็นไม่สัมพันธ์กัน รวมไปถึงผลตอบแทนพันธบัตรที่สูงขึ้นจากการถูกลดการลงทุน กลับมาผลักดัน Dow Jones ขณะที่ก่อนหน้านี้ผลตอบแทนพันธบัตรลดลงกดดันดัชนีดาวโจนส์ ทองคำบ่อยครั้งที่สวนทางดาวโจนส์ แต่ในรอบต้นปีนี้กลับวิ่งไปพร้อมๆ กัน
          ขณะที่ตัวเลข GDP ของไทยในปี 2560 จะยังคงมีแนวโน้มเติบโตระดับ 3.5% เมื่อเทียบจากปีก่อน แต่เมื่อนำมาหักลบกับอัตราเงินเฟ้อที่ระดับ 1.8% พบว่า Real GDP Growth จะอยู่ที่ระดับ 1.7% จากปีก่อน ซึ่งต่ำที่สุดในรอบ 2 ปี และการลดลงนี้ทำให้กังวลว่าจะมีผลต่อ Asset Allocation ของนักลงทุนต่างชาติ และการเกิดฟองสบู่ในตลาดหุ้น 
          ดังนั้นบริษัทฯแนะกลยุทธ์การลงทุนโดยเน้น Stock Selection มากกว่าการเลือกหุ้นอิงดัชนี โดยแนะนำหุ้นที่น่าสนใจและมีจุดเด่นเฉพาะตัวได้แก่ ARROW ให้ราคาเป้าหมายที่ 19.60 บาท คาดได้ประโยชน์จากการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานภาครัฐ คาดปี 2560-2561 ARROW จะมีกำไรสุทธิโตเฉลี่ยปีละ 15% สร้างสถิติกำไรรายปีสูงสุดใหม่ต่อเนื่อง และราคาหุ้นปัจจุบันยังมี Upside 13.3%
          รองลงมาหุ้น BA ให้ราคาเป้าหมายที่ 27.75 บาท ในปีนี้มีกลยุทธ์เชิงรุกมากขึ้นทั้งในการเพิ่มเส้นทางการบินใหม่ การเพิ่มความถี่ในเส้นทางการบินเดิม การเพิ่มพันธมิตรในสายการบินใหม่ (Code Share Agreement) การเพิ่มฝูงบิน และการปรับปรุงพื้นที่ในสนามบินสมุย โดยคาดปี 2560 มีกำไรสุทธิ 2,284 ล้านบาท เติบโต 29.2%
          หุ้น EPG ราคาเป้าหมายที่ 15.30 บาท คาดปี 59/60-60/61 กำไรปกติโตเฉลี่ยปีละ 18.6% จากยอดขายอุปกรณ์ตกแต่งยานยนต์ที่โตเด่น ตามการฟื้นตัวของยอดขายยานยนต์ในต่างประเทศ ยอดขายฉนวนยางฯ มีแนวโน้มโตดี จากโครงการก่อสร้างขนาดใหญ่สหรัฐฯ ที่จะเพิ่มขึ้น จากนโยบายทรัมป์ และเริ่มต้นรุกตลาดบรรจุภัณฑ์ที่มีคุณภาพกลาง-ล่าง หลังโรงงาน EPP Phase 2 ที่ระยองสามารถเดินเครื่องได้เต็มประสิทธิภาพ หนุนยอดขายและมาร์จิ้นปรับตัวดีขึ้น
          หุ้น JWD ราคาเป้าหมายที่ 10.40 บาท คาดได้อานิสงค์บวกจากเปิด AEC หลังเพิ่มการลงทุนในคลังสินค้าที่ประเทศเพื่อนบ้าน ส่วนผลดำเนินงานคาดพ้นจุดต่ำสุดปีก่อนหน้านี้แล้ว หลังกำไรปกติเริ่มฟื้นตัวติดต่อกันเป็นไตรมาสที่ 2 ตั้งแต่ช่วงไตรมาส 3/2559 อีกทั้งปี 2560 คาดกำไรปกติพลิกโตเด่นถึง 76.7%
          หุ้น ROBINS ราคาเป้าหมายที่ 74 บาท คาดได้ประโยชน์จากกำลังซื้อที่ดีขึ้นและไลฟ์สไตล์ที่เปลี่ยนไปของคนต่างจังหวัด โดยปี 2560 คาดกำไรปกติโต 12.8% ส่วนหุ้น TSR ราคาเป้าหมาย 6.60 บาท ปีนี้มีแผนเสริมทัพด้วยบุคลากรด้านการขาย ทั้งพนักงานขายทางโทรศัพท์ตัวแทนขาย และขยายสาขาเพิ่ม บวกกับ ค่าใช้จ่ายหนี้สงสัยจะสูญและหนี้สูญที่เริ่มเข้าสู่ระดับปกติ คาดปีนี้มีกำไรสุทธิ 198ล้านบาท พลิกกลับมาโตเด่น 146.1% สุดท้ายหุ้น WICH ราคาเป้าหมายที่ 4.80 บาท ปีนี้จะเป็นปีแรกที่บันทึกผลประกอบการของ SEL Singapore ในงบการเงินรวมแบบเต็มปี คาดมีกำไรสุทธิ 129 ล้านบาท โตเด่น 67.3%
“AECS” หวั่นนโยบายทรัมป์ทำหุ้นไทยQ2ผันผวน คงเป้ากรอบดัชนีทั้งปี 1,410-1,641 จุด –แนะลงทุนหุ้นพื้นฐานดีกำไรโต
 

ข่าวนโยบายทรัมป์+เศรษฐกิจไทยวันนี้

บล.ทิสโก้ชี้ หุ้นไทยปี 68 เจอแรงกดดันเพียบ ! แนะเลือกลงทุน "เน้นปลอดภัย - ทนต่อปัจจัยกดดัน"

บล.ทิสโก้เปิดข้อมูลหุ้นไทยปี 2567 ให้ผลตอบแทนติดลบสองปีซ้อนครั้งแรกในรอบ 26 ปี และผลตอบแทนแย่กว่าหุ้นโลก 2 ปีติด ชี้ปี 2568 จ่อเจอปัจจัยกดดันเพียบ ! ทั้งนโยบายทรัมป์ เศรษฐกิจไทยเผชิญสงครามการค้า กำไร บจ.อาจถูกลด และการเมืองในประเทศส่อแววร้อนแรง แนะลงทุนปีนี้ต้องเน้นความปลอดภัยสามารถต้านแรงเสียดทานจากปัจจัยภายในและภายนอกได้ นายอภิชาติ ผู้บรรเจิดกุล, CISA ผู้อำนวยการอาวุโส สายงานวิเคราะห์เชิงกลยุทธ์ บริษัทหลักทรัพย์ ทิสโก้ จำกัด เปิดเผยว่า ปี 2567 ที่ผ่านมาเป็นปีที่ดีสำหรับการลงทุน เพราะสินทรัพย์

บมจ.อาปิโก ไฮเทค ประเมิน นโยบายการค้าที่อ... AH เชื่อนโยบายทรัมป์ไม่กระทบธุรกิจอย่างมีนัยสำคัญ ชี้ส่งออกโดยตรงไปสหรัฐฯเพียง 0.6% — บมจ.อาปิโก ไฮเทค ประเมิน นโยบายการค้าที่อาจมีการปรับเปลี่ยนภายใต้การ...

บลจ.ทิสโก้เปิดเสนอขายกองทุนเปิด ทิสโก้ ยู... บลจ.ทิสโก้จับจังหวะออก " ทิสโก้ ยูเอส แนสแดค ทริกเกอร์ " มั่นใจใน 5 เดือนดัชนีแนสแดคพุ่งเกิน 5% — บลจ.ทิสโก้เปิดเสนอขายกองทุนเปิด ทิสโก้ ยูเอส แนสแดค ทริก...

บลจ.ทิสโก้เดินหน้าเพิ่มโอกาสสร้างผลตอบแทน... บลจ.ทิสโก้ แถลงกลยุทธ์ปี 2568 พาลูกค้าสร้างกำไรด้วยทริกเกอร์ฟันด์ - แนะ 2 ธีมเด่นแห่งปี — บลจ.ทิสโก้เดินหน้าเพิ่มโอกาสสร้างผลตอบแทนให้ลูกค้า เปิดกลยุทธ์ลง...

กรุงศรีคาดเงินบาทสัปดาห์นี้ซื้อขายในกรอบ 34.25-34.80 เกาะติดนโยบายทรัมป์

กลุ่มงานโกลบอลมาร์เก็ตส์ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) มีมุมมองต่อทิศทางค่าเงินบาทในสัปดาห์นี้ว่า เงินบาทสัปดาห์นี้มีแนวโน้มเคลื่อนไหวในกรอบ 34.25-34.80 บาท/ดอลลาร์ เทียบกับสัปดาห์ที่ผ่านมา เงินบาทปิดแข็งค่าที่ 34.45 บาท...

บล.โกลเบล็ก ประเมินแบงก์ประกาศผลงานไตรมาส... “บล.โกลเบล็ก” มองแบงก์ประกาศงบQ2 ดีหนุนดัชนี แนะเก็งกำไรหุ้นBANPU-CPF-WHAUP งบ Q2/61 โต — บล.โกลเบล็ก ประเมินแบงก์ประกาศผลงานไตรมาส 2/2561 ออกมาดีกว่าคาด ...