พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ในฐานะประธานกรรมการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยแห่งชาติ (กปภ.ช.) เปิดเผยว่า รัฐบาลและคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ได้ให้ความสำคัญกับการจัดการสาธารณภัยที่เป็นระบบและมีประสิทธิภาพ เพื่อลดความสูญเสียชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน โดยส่งเสริมให้ภาคประชาชนร่วมเป็นเครือข่ายป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย และสนับสนุนภาครัฐในการช่วยเหลือผู้ประสบภัย ซึ่งที่ประชุมคณะกรรมการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยแห่งชาติ (กปภ.ช.) ได้พิจารณาร่างระเบียบคณะกรรมการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยแห่งชาติว่าด้วยค่าใช้จ่ายของอาสาสมัครในการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย พ.ศ. .... ซึ่งเป็นระเบียบปฏิบัติในการเบิกจ่ายค่าตอบแทนให้แก่อาสาสมัครป้องกันภัยฝ่ายพลเรือน (อปพร.) ผู้ปฏิบัติหน้าที่ช่วยเหลือเจ้าพนักงานในการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย โดยกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจะได้ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจัดทำร่างระเบียบ กปภ.ช. เกี่ยวกับค่าใช้จ่ายของอาสาสมัคร พร้อมกำหนดหลักเกณฑ์และวิธีการควบคุม ตรวจสอบ เบิกจ่ายค่าตอบแทน และค่าใช้จ่ายในการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยตามที่กฎหมายกำหนด ทั้งนี้ เมื่อได้รับความเห็นชอบจาก กปภ.ช. แล้ว จะส่งเรื่องเพื่อประกาศในราชกิจจานุเบกษา โดยจะมีผลบังคับใช้ภายใน 60 วัน นับแต่วันที่ประกาศ โดยกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น และกรุงเทพมหานคร จะนำระเบียบฉบับนี้ไปดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้อง และแจ้งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องถือปฏิบัติต่อไป เพื่อเป็นสวัสดิการและขวัญกำลังใจในการปฏิบัติหน้าที่ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยของอาสาสมัครป้องกันภัยฝ่ายพลเรือน (อปพร.) นอกจากนี้ ที่ประชุมได้พิจารณาปรับปรุงองค์ประกอบคณะอนุกรรมการ ภายใต้คณะกรรมการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยแห่งชาติ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการจัดการสาธารณภัยของประเทศ และให้มีความสอดคล้องกับระบบการบริหารจัดการและองค์กรการปฏิบัติภายใต้แผนการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยแห่งชาติ พ.ศ.2558 รวมถึงครอบคลุมการจัดการสาธารณภัยที่ประเทศไทยต้องประสบบ่อยครั้ง อาทิ อุทกภัย วาตภัย ดินโคลนถล่ม ภัยแล้ง อัคคีภัย แผ่นดินไหว สึนามิ ทั้งนี้ ได้เน้นย้ำให้หน่วยปฏิบัติภายใต้ กปภ.ช. บูรณาการขับเคลื่อนการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยเชิงรุกอย่างเป็นระบบและครอบคลุมทุกมิติ เชื่อมโยงการทำงานในทุกระดับอย่างมีประสิทธิภาพ ภายใต้แนวทางการดำเนินงานที่มีเอกภาพ ซึ่งมุ่งเน้นการลดความเสี่ยงจากสาธารณภัย การบูรณาการการจัดการในภาวะฉุกเฉิน การเพิ่มประสิทธิภาพการฟื้นฟูอย่างยั่งยืน และการยกระดับความร่วมมือระหว่างประเทศในการจัดการความเสี่ยงจากสาธารณภัยให้มีมาตรฐานสากล เพื่อสร้างประเทศไทยให้รู้รับ ปรับตัว ฟื้นกลับจากภัยพิบัติอย่างยั่งยืน (Resilience) สอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาล ภายใต้วาระ "ประเทศไทยปลอดภัย (Safety Thailand)"
พลเอก อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย รองประธานกรรมการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยแห่งชาติ (กปภ.ช.) กล่าวว่า ที่ประชุม กปภ.ช. ได้รับทราบความคืบหน้าการให้ความช่วยเหลือและฟื้นฟูพื้นที่ประสบอุทกภัยภาคใต้และจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ตามที่คณะรัฐมนตรีได้มอบหมายให้กระทรวงมหาดไทย โดยกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เป็นหน่วยงานหลักร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย โดยการซ่อมแซมบ้านเรือนประชาชนที่เสียหายรวม 11,818 หลัง แยกเป็น เสียหายบางส่วน 11,504 หลัง ดำเนินการแล้วเสร็จทั้งหมด เสียหายทั้งหลัง 314 หลัง ดำเนินการแล้วเสร็จ 284 หลัง อยู่ระหว่างดำเนินการ 30 หลัง โดยจังหวัดที่ดำเนินการช่วยเหลือด้านที่อยู่อาศัยแล้วเสร็จมี 10 จังหวัด ได้แก่ ชุมพร ระนอง ตรัง นครศรีธรรมราช กระบี่ พัทลุง สงขลา ปัตตานี ยะลา และนราธิวาส ส่วนด้านการประกอบอาชีพ มีพื้นที่การเกษตรเสียหาย 243,388 ไร่ เกษตรกรได้รับผลกระทบ 57,323 ราย มูลค่าความเสียหาย 522.84 ล้านบาท ซึ่งหน่วยงานต่างๆ ได้ให้การช่วยเหลือตามระเบียบของราชการแล้ว 305.79 ล้านบาท สำหรับการแก้ไขปัญหาอุทกภัยในระยะยาว รัฐบาลได้มอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมกับจังหวัดดำเนินการสำรวจ ปรับปรุง แก้ไขสิ่งกีดขวางทางน้ำ โดยใช้ผังเมืองเป็นเครื่องมือสำคัญในการป้องกันและแก้ไขปัญหาภัยพิบัติด้านน้ำ ซึ่งในระยะเร่งด่วน กรมโยธาธิการและผังเมืองได้วางแผนการจัดทำผังน้ำ เพื่อแสดงทิศทางการไหลของน้ำ แผนที่เสี่ยงภัยน้ำท่วม ผังระบบระบายน้ำของจังหวัด และปรับปรุงระบบระบายน้ำตามธรรมชาติ รวมถึงกำหนดพื้นที่น้ำหลาก (Flood way) ตลอดจนนำมาตรการด้านผังเมืองมาใช้ในการควบคุมและแก้ไขปัญหาสิ่งปลูกสร้างกีดขวางทางน้ำ เพื่อระบายน้ำลงสู่ทะเลได้อย่างรวดเร็ว ทั้งนี้ กปภ.ช. จะได้ติดตามและประสานการปฏิบัติร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้เป็นไปตามพระราชบัญญัติป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย พ.ศ.2550 แผนการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยแห่งชาติ พ.ศ.2558 และนโยบายของรัฐบาล
นายฉัตรชัย พรหมเลิศ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) เลขานุการคณะกรรมการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยแห่งชาติ (กปภ.ช.) กล่าวว่า กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจะได้นำข้อคิดเห็นและข้อเสนอแนะจากที่ประชุม กปภ.ช. ไปเป็นแนวทางในการพัฒนาระบบบริหารจัดการสาธารณภัยของประเทศให้มีความเชื่อมโยงในทุกระดับและครอบคลุมทุกมิติ พร้อมบูรณาการความร่วมมือกับทุกภาคส่วนในการพัฒนาศักยภาพการจัดการสาธารณภัยในภาวะฉุกเฉินที่มีประสิทธิภาพ เสริมสร้างความเข้มแข็งด้านการป้องกันและลดผลกระทบจากภัยพิบัติในภาคประชาชนและอาสาสมัคร เพื่อให้การช่วยเหลือผู้ประสบภัยเป็นไปอย่างรวดเร็ว ทั่วถึง และเป็นธรรม พื้นที่ประสบภัยได้รับการฟื้นฟูให้กลับสู่สภาพเดิมโดยเร็ว ซึ่งจะทำให้ประเทศไทยมีกลไกการจัดการสาธารณภัยที่เป็นระบบเทียบเท่ามาตรฐานสากล และคนไทยได้รับการดูแลด้านความปลอดภัยจากภัยพิบัติอย่างยั่งยืน
0-2243-0674 0-2243-2200 www.disaster.go.th
NT หนุนพัฒนาระบบแจ้งเตือนภัยแห่งชาติ "T-Alert" ยกระดับความปลอดภัยประชาชนทั่วประเทศ
เฝ้าระวังน้ำหลาก ดินโคลนถล่ม น้ำท่วมขัง น้ำล้นตลิ่ง และระดับน้ำแม่น้ำเจ้าพระยา
SAM ห่วงใยลูกหนี้ ออกมาตรการเร่งด่วนครอบคลุมทุกกลุ่ม ทั้งผู้ประสบสาธารณภัยพายุ "วิภา" พักเงินต้นและดอกเบี้ยสูงสุด 3 เดือน ส่วนผู้เป็นหนี้เสียบัตรเครดิต สินเชื่อส่วนบุคคล จัดดอกเบี้ยต่ำ 3-5% ผ่อนยาว 10 ปี เพื่อส่งมอบโอกาสเพื่อคนไทยเริ่มต้นใหม่อย่างยั่งยืน
มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง จับมือ กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ลงนามบันทึกความเข้าใจ ยกระดับ MOU ร่วมให้ความรู้
NT พร้อมแจ้งเตือนภัยผ่าน Cell Broadcast หลังการทดสอบประสบผลสำเร็จ ได้รับข้อความแจ้งเตือนภัยรวดเร็ว แม่นยำ
ชาวเชียงใหม่ อยุธยา อุดรฯ นครศรีฯ และกรุงเทพฯ เตรียมตัวให้พร้อม!
NT ร่วม ปภ. ทดสอบระบบ Cell Broadcast ในพื้นที่ครั้งแรก แจ้งผลมีประสิทธิภาพ รวดเร็ว ครอบคลุม เสริมความพร้อมระบบเตือนภัยแห่งชาติ
NT ยืนยันความพร้อม ร่วมทดสอบระบบแจ้งเตือนภัย Cell Broadcast ในพื้นที่จริง
ชไนเดอร์ อิเล็คทริค แนะ 7 วิธี เช็กระบบไฟฟ้า เพิ่มความปลอดภัย รับมือหยุดยาวเทศกาลสงกรานต์