ศ.ดร. อมร พิมานมาศ เลขาธิการสภาวิศวกร เปิดเผยว่า จากการที่มีเหตุรถยนต์ตกลงมาจากอาคารจอดรถหลายแห่งจนมีผู้เสียชีวิต ว่าเหตุการณ์รถยนต์ตกจากอาคารจอดรถนั้นเกิดขึ้นทุกปี และในบางปีก็เกิดหลายครั้ง ซึ่งมีทั้งที่เป็นข่าวและปิดข่าวกัน สาเหตุส่วนหนึ่งที่ทำให้เกิดอุบัติเหตุคือความประมาทของผู้ขับขี่เอง แต่สาเหตุหลักอีกประการหนึ่งคือความแข็งแรงของที่กั้นรถยนต์หรือที่เรียกว่า แบรีเออร์ (barrier) นั่นเอง โดย ศ.ดร. อมร พิมานมาศ ระบุว่าอาคารจอดรถหลายแห่งมีที่กั้นรถยนต์ที่ไม่ปลอดภัยนั้น เนื่องจาก การขาดกฎหมายบังคับใช้และไม่มีมาตรฐานการออกแบบที่กั้นรถยนต์ ทำให้ขาดการออกแบบและก่อสร้างที่ถูกต้องตามหลักวิศวกรรม
"บริเวณที่อันตรายมากในอาคารจอดรถมีอยู่ 3 บริเวณด้วยกันคือ 1. บริเวณที่รถยนต์ถอยหลังเข้าจอด และ 2. บริเวณปลายทางวิ่ง และ 3. บริเวณทางวิ่งขึ้นลงระหว่างชั้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากเป็นบริเวณปลายทางวิ่งที่มีระยะทางเกิน 20 ม. ขึ้นไป ยิ่งมีความเสี่ยงมากขึ้นเนื่องจากรถยนต์ที่กำลังวิ่งจะเพิ่มความเร็วขึ้นตามระยะทางในขณะที่มีค่าอัตราเร่งที่สูงจะทำให้เกิดโมเมนตัมหรือแรงอิมแพคปะทะกับที่กั้นรถยนต์ที่ปลายทางวิ่ง ซึ่งหากออกแบบไม่แข็งแรงพอ ย่อมจะเป็นอันตรายและเสี่ยงที่จะตกลงไปกระแทกพื้นข้างล่าง" ศ.ดร. อมร ระบุ
ศ.ดร. อมร เปิดเผยเพิ่มเติมว่า "ประเทศไทยยังไม่มีมาตรฐานการออกแบบที่กั้นกันรถยนต์ตก แต่ในต่างประเทศ มีมาตรฐานดังกล่าวแล้ว เช่น มาตรฐาน IBC2006 (International Building Code) หรือมาตรฐาน AS/NZS 2890.1 ซึ่งเป็นมาตรฐานของประเทศออสเตรเลียและนิวซีแลนด์ โดยมาตรฐานดังกล่าวได้กำหนดค่าแรงกระแทกหรือแรงอิมแพคที่ใช้ในการออกแบบที่กั้นไว้เท่ากับ 3 ตันสำหรับที่กั้นที่กันรถยนต์ถอยหลังเข้าจอด และ 24 ตันสำหรับบริเวณปลายทางวิ่งที่มีระยะทางเกิน 24 ม."
"ถึงเวลาแล้วที่ประเทศไทยต้องมีมาตรฐานและกฎหมายบังคับใช้ให้การออกแบบและก่อสร้างที่กั้นรถยนต์ในอาคารจอดรถต้องแข็งแรงตามมาตรฐานสากล ขณะนี้สภาวิศวกรและสภาสถาปนิกกำลังเร่งผลักดันให้มีการออกมาตรฐานดังกล่าวอยู่ คาดว่าจะใช้เวลาแล้วเสร็จประมาณ 3 เดือน แต่ในส่วนการบังคับใช้กฎหมายต้องให้หน่วยงานราชการที่เกี่ยวข้องเช่น กรมโยธาธิการและผังเมือง กทม. เป็นผู้ดำเนินการต่อไป"
ศ.ดร. อมร พิมานมาศ ยังให้ข้อเสนอแนะเบื้องต้นในการออกแบบและก่อสร้างที่กั้นรถยนต์ในอาคารจอดรถอย่างปลอดภัยไว้ 6 ข้อดังนี้
1. ที่กั้นควรมีความสูงไม่น้อยกว่า 1.3 ม. จากระดับพื้น
2. ไม่ควรใช้กำแพงอิฐก่อ หรือคอนกรีตบล็อก ทำเป็นที่กั้นรถยนต์ เพราะไม่แข็งแรง ไม่สามารถต้านแรงกระแทกได้
3. ที่กั้นรถยนต์ควรได้รับการออกแบบโดยวิศวกรที่มีใบอนุญาตจากสภาวิศวกร โดยมีการคำนวณค่าแรงกระแทกตามมาตรฐานการออกแบบ
4. ที่กั้นที่ทำจากคอนกรีตหล่อในที่ ควรเสริมเหล็กฝังเข้ากับพื้นคอนกรีตเป็น 2 ชั้น ที่ผิวด้านนอกและผิวด้านใน อย่าเสริมเหล็กยืนชั้นเดียวตรงกลางผนัง
5. ควรใช้คอนกรีตที่มีกำลังรับแรงอัดสูงเกิน 280 กก./ซม.2 ขึ้นไป ซึ่งคอนกรีตที่มีกำลังรับแรงอัดสูงสามารถต้านทานแรงกระแทกได้ดีกว่า
6. ที่กั้นที่ทำจากแผ่นคอนกรีตสำเร็จรูป ไม่แข็งแรง โดยเฉพาะที่เป็นบริเวณจุดยึดกับพื้นซึ่งหากใช้เหล็กฉาก จะรับแรงกระแทกไม่ได้
"จระเข้" ปักหมุดหัวเมืองใต้ หนุนอาคารสีเขียวที่มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ รวมพลังอาสา ทาสีอาคาร-ส่งมอบ "สีพรีเมียมหายใจได้" จาก "SEE JORAKAY"
ร่วมเปิดประตูฮาลาล…ไอแบงก์ ร่วมงาน World HAPEX 2025 ขนเงินทุนฮาลาล มาเสิร์ฟผู้ประกอบการชาวหาดใหญ่และพื้นที่ใกล้เคียง
ธ.ทิสโก้จับมือพันธมิตร ลุยให้ความรู้แผนการเงิน - สุขภาพ" รู้เร็ว รอดไว สู้โรคหัวใจ ! ด้วยนวัตกรรมการรักษา " @หาดใหญ่
บมจ.แมสเทค ลิ้งค์ หรือ MASTEC เดินสายโรดโชว์หัวเมืองใหญ่ลุย อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา นักลงทุนตอบรับคับคั่ง เตรียมเสนอขายหุ้น 79 ล้านหุ้น พร้อมเข้า SET ภายในปี 2568
"เดชอิศม์" จับมือ 12 หน่วยงาน เร่งปรับปรุงคุณภาพน้ำประปาหมู่บ้านจังหวัดสงขลา ตั้งเป้าปี'68 น้ำประปาหมู่บ้านทั่วประเทศ ผ่านเกณฑ์ 1,750 แห่ง
เจแอนด์ที เอ็กซ์เพรส ประเทศไทย ผนึกกำลังเทศบาลเมืองคอหงส์ ส่งเสริมความรู้และสนับสนุนผลิตภัณฑ์ชุมชน โครงการ J&T Supports Local ณ หลาดสายเตราะ บ้านในไร่ จังหวัดสงขลา
เจแอนด์ที เอ็กซ์เพรส ประเทศไทย ร่วมกับ เทศบาลเมืองคอหงส์ เตรียมจัดกิจกรรมส่งเสริมความรู้สู่ชุมชน ณ หลาดสายเตราะ บ้านในไร่ อำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา
TMI ผลงานครึ่งปีหลังแจ่ม! เตรียมรุกประมูลงานโครงการภาครัฐ ดันผลงานปี 66 โตแกร่ง