นางสาวชุติมา กล่าวต่อว่า "มาตรฐานข้าวหอมมะลิไทย จัดทำมาตั้งแต่ปี 2546 ซึ่งเป็นเวลามากกว่า 14 ปี รวมทั้งมาตรฐานสินค้าข้าวทั้ง 3 ฉบับ (ข้าวหอมมะลิไทย ข้าวหอมไทย และข้าวไทย) ได้ประกาศใช้มานานเกิน 5 ปีแล้ว ดังนั้นจึงมีความจำเป็นต้องปรับปรุงมาตรฐานให้ทันสมัยและสอดคล้องกับสถานการณ์และข้อเท็จจริงการซื้อขายข้าวในปัจจุบัน ซึ่งจะช่วยยกระดับคุณภาพมาตรฐานการผลิตให้ดีขึ้น และช่วยให้เกษตรกรไม่เสียเปรียบในการซื้อขายข้าว รวมทั้งเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันในตลาดต่างประเทศอีกด้วย โดยในการปรับปรุงมาตรฐานครั้งนี้ ได้หารือร่วมกับกระทรวงพาณิชย์และผู้เกี่ยวข้อง เพื่อให้เกิดประโยชน์ต่อการส่งเสริมการค้าอีกด้วย
สาระสำคัญของการปรับปรุงแก้ไขมาตรฐาน คือ การปรับปรุงเกณฑ์ความชื้นและคุณภาพการขัดสีของข้าวเปลือกโดยกำหนดความชื้นและคุณภาพการขัดสีของข้าวเปลือก ซี่งกำหนดความชื้นเป็น 2 ระดับ คือ ความชื้นข้าวเปลือกในการซื้อขาย 15 % และความชื้นข้าวเปลือกในการเก็บรักษา 14 % จากเดิมกำหนดเพียงค่าเดียว ซึ่งจะทำให้เกษตรกรไม่เสียเปรียบ เนื่องจากปัจจุบัน การซื้อขายเป็นข้าวเปลือกสด ซึ่งมีความชื้นมากกว่าข้าวเปลือกแห้ง นอกจากนี้ยังมีการกำหนด % ข้าวเมล็ดแดงหรือข้าวปนให้เข้มข้นขึ้นเหลือเพียงไม่เกิน 1% เพื่อยกระดับคุณภาพสินค้า รวมทั้งเพิ่มเติมวิธีการทดสอบการปนของข้าวอื่นในข้าวหอมมะลิ โดยวิธีการต้ม เพื่อให้ผู้ประกอบการมีทางเลือกในการทดสอบที่ใช้ต้นทุนต่ำลงและปฏิบัติได้ง่าย
ที่ประชุมยังได้มีมติเห็นชอบปรับปรุงมาตรฐานฟาร์ม GAP เมล็ดพันธุ์ข้าว โดยกำหนดจำนวนเมล็ดพันธุ์ข้าวอื่นที่ปนได้ ให้มีความเข้มงวดเพิ่มมากขึ้น เนื่องจากเมล็ดพันธุ์ข้าว เป็นปัจจัยการผลิตที่สำคัญในการช่วยลดต้นทุนการผลิต และยกระดับคุณภาพมาตรฐานการผลิตข้าวให้เพิ่มมากขึ้น
นอกจากนี้ยังได้มีมติเห็นชอบประกาศใช้มาตรฐาน "ข้าวสีไทย" เป็นมาตรฐานของประเทศขึ้นเป็นครั้งแรก ที่ผ่านมาไทยไม่เคยมีมาตรฐานข้าวสี (Color Rice) มาก่อน โดยครอบคลุมข้าวเจ้าและข้าวเหนียวในกลุ่มที่มีสีม่วง/ม่วงดำ อาทิ ข้าวเหนียวลืมผัว ข้าวไรซ์เบอรี่ และกลุ่มที่มีสีแดง เช่น ข้าวสังข์หยดพัทลุง ข้าวหอมกุหลาบแดง และข้าวทับทิมชุมแพ (กข 69) เป็นต้น การจัดทำมาตรฐานข้าวสีขึ้นมาใหม่ครั้งนี้ เพื่อผลักดันการยกระดับและเพิ่มมูลค่าให้กับสินค้าข้าว ซึ่งข้าวสี ถือเป็นสินค้าใหม่ที่มีศักยภาพสูงหรือเป็นข้าวพรีเมี่ยม ถึงแม้จะมีปริมาณการผลิตไม่มากนัก เพียงปีละ 21,000 ตัน และมีพื้นที่ปลูกข้าวสีประมาณ 51,000 ไร่ แต่ปัจจุบันได้รับความนิยมจากผู้บริโภคเพิ่มมากขึ้น และขณะนี้เกษตรกรหันมาปลูกข้าวสีเพิ่มมากขึ้น เพื่อรองรับความต้องการของผู้บริโภคทั้งตลาดภายในและต่างประเทศที่กำลังขยายตัว โดยเฉพาะตลาดสหรัฐอเมริกาและฮ่องกง ซึ่งเป็นตลาดส่งออกหลัก โดยมาตรฐานฯ ข้าวสีที่จัดทำขึ้นใหม่นี้ มีข้อกำหนดที่สำคัญ อาทิ ต้องมีสีและความยาวข้าวตรงตามพันธุ์ เช่น ข้าวไรซ์เบอรี่ ต้องมีสีม่วงดำ ไม่ใช่สีแดงเข้ม ข้าวต้องมาจากฟาร์มที่ได้รับการรับรองจีเอพี (GAP) เป็นต้น
ด้านนางสาวดุจเดือน ศศะนาวิน เลขาธิการสำนักงานมาตรฐานสินค้าเกษตรและอาหารแห่งชาติ (มกอช.) กล่าวเสริมว่า การปรับปรุงมาตรฐานข้าวทั้ง 4 ฉบับ ทั้งมาตรฐานสินค้าและมาตรฐานฟาร์ม GAP เมล็ดพันธุ์ข้าว รวมทั้งการประกาศใช้มาตรฐานใหม่ 1 ฉบับ คือ มาตรฐานข้าวสี ซึ่งคาดว่าจะลงประกาศใช้โดยลงในราชกิจจานุเบกษาได้ภายในกลางเดือนมิถุนายนนี้ นับว่าเป็นการยกระดับข้าวไทยครบวงจรที่สำคัญ ซึ่งจะเกิดประโยชน์ต่อผู้เกี่ยวข้องในวงการข้าวอย่างแท้จริง อาทิ เกษตรกร จะได้ยกระดับการผลิตข้าว รวมทั้งไม่เสียเปรียบในการซื้อขายข้าว ส่วนผู้บริโภค สามารถมั่นใจในคุณภาพมาตรฐานข้าว รวมทั้งสร้างความเชื่อมั่นให้กับสินค้าข้าวไทยในตลาดโลกด้วย
                            
                            "รมช.นเรศ" ลงพื้นที่เวียงป่าเป้า ตรวจแผนฟื้นฟูพื้นที่เกษตรเสียหายจากพายุยางิ
                        
                            "รมว.อรรถกร"นำ กระทรวงเกษตรฯ ผนึกกำลังภาคเอกชน พัฒนา 'จุลสาหร่าย' สู่พลังงานสะอาด-นวัตกรรมอาหารสัตว์ ยกระดับทรัพยากรชีวภาพ เพิ่มมูลค่าทางเศรษฐกิจ
                        
                            มกอช. หนุนกลุ่มเกษตรกรแปลงใหญ่ขอนแก่น
                        
                            "รมช.อัครา" ลุยพะเยาต่อเนื่อง! มอบนโยบายจัดทำการเกษตรแบบเป็นระบบ
                        
                            กระทรวงเกษตรฯ เปิดประชุม "War room ติดตามและแก้ไขสถานการณ์ด้านการเกษตร ชายแดนไทย-กัมพูชา" เตรียมมาตรการช่วยเหลือประชาชนและเกษตรกรอย่างเร่งด่วน
                        
                            กระทรวงเกษตรฯ ตั้ง "War room ติดตามและแก้ไขสถานการณ์ด้านการเกษตร ชายแดนไทย-กัมพูชา"
                        
                            "รมว.อรรถกร" นำ กระทรวงเกษตรฯ เปิดคลินิกเกษตรเคลื่อนที่ในพระราชานุเคราะห์ฯ จ.นครศรี ยกระดับบริการถึงมือเกษตรกร หนุนองค์ความรู้ เพิ่มรายได้ ลดความเหลื่อมล้ำ
                        
                            สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จฯ เป็นองค์ประธานเปิดงานชุมนุมยุวเกษตรกรระดับประเทศ ประจำปี 2568
                        
                            กรมประมง…หนุนเกษตรกรเปลี่ยน "บ่อกุ้งร้าง" เพื่อสร้างรายได้ด้วยการเลี้ยง "ปูทะเล"