ด้วยการนำเศษวัสดุที่เหลือจากกระบวนการผลิตมาใช้ให้เกิดคุณค่าสูงสุดด้านพลังงาน พร้อมตั้งเป้าในการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนที่ไม่ได้มาจากชานอ้อย (Alternative Power) ให้ได้ 200 เมกะวัตต์ภายในปีพ.ศ. 2563
นายสุวัฒน์ กมลพนัส กรรมการผู้จัดการธุรกิจ Alternative Power กลุ่มมิตรผล กล่าวว่า "กลุ่มมิตรผลมีความเชี่ยวชาญและประสบการณ์ในการผลิตไฟฟ้าชีวมวลจากชานอ้อยมานานกว่า 60 ปี โรงไฟฟ้า พาเนล พลัส ไบโอ-เพาเวอร์ สงขลา เป็นโรงไฟฟ้าชีวมวลแห่งแรกของกลุ่มมิตรผลในพื้นที่ภาคใต้ อีกทั้งยังเป็นโรงไฟฟ้าแห่งแรกของกลุ่มที่ผลิตไฟจากไม้ยางพารา นับเป็นความภูมิใจที่สามารถต่อยอดประสบการณ์ไปสู่เทคโนโลยีรูปแบบใหม่ที่แตกต่างไปจากเดิม โดยใช้วัสดุเศษไม้ที่เหลือจากกระบวนการผลิตของกลุ่มพาเนล พลัส ผู้นำในอุตสาหกรรมผลิตภัณฑ์วัสดุทดแทนไม้ภายใต้การบริหารของกลุ่มมิตรผล และจากโรงงานแปรรูปไม้อื่น ๆ ในท้องถิ่นที่มีปริมาณกว่า120,000 ตันต่อปี ซึ่งเป็นไปตามความมุ่งมั่นของกลุ่มมิตรผลในการพัฒนาเทคโนโลยีการผลิตไฟฟ้าชีวมวลในรูปแบบที่หลากหลายขึ้น นอกจากชานอ้อยที่ทำมาโดยตลอด"
โรงไฟฟ้าชีวมวลพาเนล พลัส ไบโอ-เพาเวอร์ สงขลา ตั้งอยู่ที่อำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา มีกำลังการผลิต 9.9 เมกะวัตต์ เริ่มต้นจ่ายไฟฟ้าให้โรงงานผลิตวัสดุทดแทนไม้ของกลุ่มพาเนล พลัส ตั้งแต่เดือนมีนาคมพ.ศ. 2560 ที่ผ่านมา โดยมีการใช้เทคโนโลยีการผลิตประสิทธิภาพสูงด้วยระบบ High Pressure Boiler ใช้วัตถุดิบในการผลิตไฟฟ้าน้อยลง เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และมีระบบการดักจับฝุ่นแบบไฟฟ้าสถิตย์ที่ช่วยลดการฟุ้งกระจายของฝุ่น อีกทั้งยังถือเป็นโรงไฟฟ้าแห่งแรกที่มีการผลิตไฟฟ้าเพิ่มด้วยระบบแผงโซล่าร์ผลิตไฟบนบ่อน้ำ (Solar Floating) กำลังการผลิต 20 กิโลวัตต์ ซึ่งเป็นการใช้ประโยชน์จากบ่อน้ำดิบที่มีอยู่ภายในโรงงานให้เกิดประโยชน์สูงสุด โดยการติดตั้งระบบการผลิตนี้ ไม่เพียงแต่จะช่วยเพิ่มการผลิตไฟฟ้าเท่านั้น แต่ยังช่วยลดการระเหยของน้ำในบ่อด้วยเช่นกัน
นายสุวัฒน์กล่าวให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า "การพัฒนาโรงไฟฟ้าชีวมวลจากไม้ยางพาราในครั้งนี้ นอกจากจะเป็นการสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับเศษไม้ที่เหลือใช้ภายในโรงงานและชุมชนแล้ว ยังช่วยส่งเสริมให้โรงงานผลิตวัสดุทดแทนไม้ในกลุ่มพาเนล พลัส สามารถบริหารจัดการต้นทุนด้านพลังงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น อีกทั้งยังเป็นพลังงานสะอาด ช่วยสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับการผลิตสินค้าที่มาจากกระบวนการผลิตที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม นอกจากนี้ กลุ่มมิตรผล ยังมีส่วนร่วมในการพัฒนาชุมชนรอบโรงไฟฟ้าด้วยการนำส่งเงินเข้ากองทุนเพื่อการพัฒนาและฟื้นฟูท้องถิ่นรอบโรงไฟฟ้า 1 สตางค์ต่อ 1 หน่วยไฟฟ้าตามนโยบายของรัฐบาล และยังสมทบเพิ่มให้อีก 1 สตางค์ ต่อ
1 หน่วยไฟฟ้า เพื่อเป็นกองทุนพัฒนาชุมชนของกลุ่มมิตรผล ด้วยเจตนารมณ์ที่จะมีส่วนร่วมในการคืนกลับให้กับชุมชนเพื่อนำไปพัฒนาสิ่งแวดล้อม สังคม ตลอดจนคุณภาพชีวิตอย่างเป็นรูปธรรมยิ่งขึ้น"
TSE พร้อมรุกพลังงานสะอาด-ธุรกิจสุขภาพ สร้างการเติบโตยั่งยืน
TSE คว้ารางวัลพลังงานยอดเยี่ยม Thailand Energy Award 2 ปีซ้อน เดินหน้าธุรกิจพลังงานหมุนเวียน หนุนเป้าโตยั่งยืน
กลุ่ม KTIS ได้ธุรกิจเยื่อกระดาษและไฟฟ้าหนุนงบไตรมาส 2 ปี 2568 ชี้ผลบวกจากปริมาณน้ำตาลที่มากกว่าปีก่อน 31.4% จะรับรู้รายได้มากขึ้นในไตรมาสที่ 3 - 4
ACE ไตรมาสแรกโตเด่น กำไรขั้นต้นและกำไรสุทธิจากกิจกรรมปกติเพิ่มขึ้นกว่า 30% คาดปี 68 เปิด COD เพิ่มอีก 20 โครงการ 126.92 เมกะวัตต์
TGE กางแผนปี 68 ลุยสร้างโรงไฟฟ้าขยะ 4 แห่ง คาด COD ปี69 พร้อมเป็นหนึ่งในผู้นำโรงไฟฟ้าชีวมวล-ขยะชุมชน ศึกษาลงทุนพลังงานสะอาดทุกรูปแบบ ดันอนาคตเติบโตยั่งยืน
KTIS พร้อมเปิดหีบ 15 ธ.ค.นี้ คาดได้อ้อยอย่างน้อย 6.5 ล้านตัน หนุนผลประกอบการปี 2568 โตเด่น ทั้งสายธุรกิจน้ำตาล ไฟฟ้า และบรรจุภัณฑ์ชานอ้อย 100%
TPCH สุดแกร่ง! โชว์กำไร 9 เดือนปี 67 แตะ 254.15 ลบ. รับรู้รายได้จากโรงไฟฟ้าชีวมวล-พลังงานขยะ กำลังผลิต 90.2 MW บอร์ดใจดีแจกปันผลระหว่างกาล 0.128 บ./หุ้น
Krungthai COMPASS ชี้แผนพีดีพีฉบับใหม่ หนุนรายได้ธุรกิจโรงไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียนเติบโตไม่ต่ำกว่า 1.9 แสนล้านบาท ภายในปี 2580
ผู้บริหารกลุ่ม KTIS มั่นใจปี 2568 ผลการดำเนินงานจะดีกว่าปี 2567