กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม (กสอ.) ชี้การท่องเที่ยวในปี 2559 ที่ผ่านมายังสดใสส่งผลดีต่อธุรกิจและอุตสาหกรรมที่เชื่อมโยงกับภาคดังกล่าวให้มีการเติบโต ได้แก่ กลุ่มโรงแรม อาหารและเครื่องดื่ม การขนส่งทางบก - ทางอากาศ กีฬา และสินค้าชุมชน โดยการเติบโตที่เกิดขึ้นคาดว่าในปีนี้จะทำให้มีนักท่องเที่ยว และเกิดรูปแบบกิจกรรมตามขึ้นมาด้วย อาทิ นักท่องท่องเที่ยวกลุ่มผู้สูงอายุ ที่ส่งผลบวกต่ออุตสาหกรรมและธุรกิจ ด้านสุขภาพและการแพทย์ นักท่องเที่ยวที่เน้นการเข้าถึงระบบดิจิทัลที่ทำให้ภาคการผลิตและภาคบริการ ต้องปรับตัวมากขึ้น โดยในปีงบประมาณ 2561 กระทรวงอุตสาหกรรม โดย ธนาคาร SME Development Bank เตรียมมาตรการด้านสินเชื่อเพื่อ SMEs ที่ประกอบธุรกิจที่เชื่อมโยงกับการท่องเที่ยวในวงเงิน 7,500 ล้านบาท รวมทั้ง กองทุนพัฒนาเอสเอ็มอี ตามแนวประชารัฐในวงเงินอีก 20,000 ล้านบาท เพื่อให้ SMEs ทุกกลุ่มสามารถเข้าถึงได้อย่างเต็มที่ และเกิดการพัฒนาธุรกิจอย่างครบวงจร อย่างไรก็ตามข้อมูลพบว่า ภาคใต้มีนักท่องเที่ยว 47 ล้านครั้ง รองจากกรุงเทพมหานคร ซึ่งเป็นหนึ่งในภูมิภาคที่การเติบโตด้านการท่องเที่ยวสูง
ดร.พสุ โลหารชุน อธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม กล่าวว่า ตามที่ กสอ. ได้กำหนดยุทธศาสตร์ การผลักดัน SMEs ที่มีศักยภาพตามแต่ละท้องถิ่นให้มีแนวทางในการส่งเสริมและพัฒนาอุตสาหกรรมให้อยู่ในทิศทางเดียวกัน โดยมีเป้าหมายที่สำคัญอย่างหนึ่งคือการเพิ่มขีดความสามารถของผู้ประกอบการให้เกิดการต่อยอดการผลิตสินค้าและบริการ ที่เชื่อมโยงกับเอกลักษณ์ วัฒนธรรม และกิจกรรมการท่องเที่ยว โดย กสอ. มีกลยุทธ์ในการพัฒนาแนวทางการกำหนดให้สินค้าหรือบริการของผู้ประกอบการ โดยต้องมี การสร้างเรื่องราวหรือมุมมอง ข้อมูลต่าง ๆ ที่อยู่บนบรรจุภัณฑ์ ไม่ว่าจะเป็นภาพหรือข้อความล้วนเป็นเรื่องสำคัญ ซึ่งต้องสร้างให้ผู้บริโภค มีความรู้สึกถึงเหตุผล ที่จำเป็นต้องเลือกซื้อสินค้าหรือบริการสามารถเติมเต็มสิ่งที่มองหา และต้องเน้นความรู้สึกก่อนและหลังบริโภคให้มีทิศทางเดียวกัน การสร้างความหลากหลาย กลยุทธ์ในการตลาดอย่างหนึ่งคือการสร้างความหลากหลายให้เกิดขึ้นไม่ว่าจะเป็น รูปแบบ ขนาด ราคา เพื่อให้ผู้บริโภคมีทางเลือกที่ตรงใจ แต่อย่างไรก็ตาม แม้สินค้าหรือบริการจะมีอย่างมากมายก็ต้องมีสัดส่วนที่เหมาะสมเพื่อการตัดสินใจในการเลือกสิ่งที่ดีที่สุดและรวดเร็ว รวมถึง การสร้างนวัตกรรมและการเชื่อมโยงกับดิจิทัล ระบบดิจิทัลเป็นปัจจัยที่สำคัญที่ผู้ประกอบการหรือบุคลากรต้องนำมาประยุกต์ใช้ในทางธุรกิจ โดยต้องทำให้ผู้บริโภคเกิดความรู้สึกถึงความสะดวก รวดเร็ว เข้าถึงง่ายเนื้อหาไม่ซับซ้อน ทั้งยังต้องนำมาใช้ในกระบวนการผลิต เพื่อให้เกิดการสร้างคุณค่าและมูลค่าของสินค้าและบริการโดยดิจิทัลยังเป็นกลไกการตลาดที่ไม่อาจหลีกเลี่ยงได้ในยุคที่การแข่งขันทางธุรกิจกันอย่างเข้มข้น
ดร.พสุ กล่าวต่อว่า สำหรับความสำคัญของการท่องเที่ยวถือเป็นกลไกสำคัญในการพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศ ซึ่งสามารถเชื่อมโยงและส่งผลต่อทั้งการพัฒนาธุรกิจ อุตสาหกรรม การผลิตสินค้าและการบริการรวมถึงการกระจายรายได้ไปสู่จังหวัดและชุมชน โดยภาคอุตสาหกรรมและธุรกิจที่ได้รับอานิสงส์จากการท่องเที่ยวในปีที่ผ่านมานั้น พบว่าธุรกิจโรงแรมประมาณ 580,000 ล้านบาท อุตสาหกรรมอาหารและเครื่องดื่มประมาณ 448,000 ล้านบาท อุตสาหกรรมและธุรกิจการขนส่งโดยสารทางบก ประมาณ 136,000 ล้านบาท อุตสาหกรรมและธุรกิจการขนส่งโดยสารทางอากาศ ประมาณ 122,000 ล้านบาท ธุรกิจบริการด้าน/นันทนาการ และกีฬาประมาณ 100,000 ล้านบาท อุตสาหกรรมสินค้าชุมชนและโอทอป 80,400 ล้านบาท โดยยังก่อให้เกิดการจ้างงานอีกกว่า 4,230,000 คน (ที่มา: กระทรวงการท่องเที่ยวฯ , กรมการพัฒนาชุมชน) ส่วนทางด้านสถานการณ์ในไตรมาสที่ 1 – 2 ของปี 2560 สถานการณ์รายได้จากชาวต่างชาติ มีมูลค่าทั้งสิ้นประมาณ 1.96 ล้านล้านบาท เพิ่มขึ้นจาก 1.76 ล้านล้านบาทจากช่วงเดียวกันของปี 2559 ที่ผ่านมา (ที่มา : สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ) ซึ่งคาดว่าการเพิ่มขึ้นดังกล่าวจะส่งผลดี กับภาคการผลิตและภาคบริการโดยเฉพาะในช่วงไฮซีซั่น โดยมั่นใจว่าจะปรับตัวได้ดีตามอุปสงค์ที่เพิ่มขึ้นในช่วงครึ่งปีหลัง
นอกจากนี้การเติบโตที่เกิดขึ้นยังคาดว่าในปีนี้จะเกิดนักท่องเที่ยวและรูปแบบกิจกรรมใหม่ ๆ ตามขึ้นมาด้วย เช่น นักท่องเที่ยวกลุ่มผู้สูงอายุ ที่เป็นผลดีอย่างมากสำหรับธุรกิจและอุตสาหกรรมในด้านสุขภาพ สปา การแพทย์ โรงแรมที่พักระยะยาว การเติบโตของกลุ่มนักท่องเที่ยวที่พี่งพาระบบดิจิทัล เป็นผลให้เกิดระบบเศรษฐกิจแบ่งปัน ที่หลาย ๆ การผลิตสินค้าและบริการต้องปรับตัวเพื่อให้เกิดการเข้าถึงข้อมูลที่เข้าใจง่ายและบริการที่รวดเร็วมากขึ้น (โดยเฉพาะการปรับตัวเข้าสู่แอปพลิเคชัน เฟสบุ๊ค ไลน์ อินสตาแกรม) นอกจากนี้ องค์การการท่องเที่ยวโลก (UNWTO) ยังได้ประกาศให้ปี 2560 เป็นปีแห่งการท่องเที่ยวชุมชน และการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน ซึ่งจะเป็นผลดีอย่างมากที่จะทำให้ชุมชนเข้ามามีบทบาทในการกำหนดแนวทางและสร้างสรรค์รูปแบบการผลิตสินค้าหรือบริการ เช่น หมู่บ้านอุตสาหกรรมสร้างสรรค์ การผลิตสินค้าโอทอป รวมถึงความนิยมในการท่องเที่ยวเชิงกีฬา การท่องเที่ยวเพื่อเยี่ยมชมสิ่งที่มนุษย์สร้าง และการท่องเที่ยวเชิงอาหาร และอื่น ๆ ที่จะเกิดขึ้นอีกมากมาย เป็นต้น
ดร.พสุ กล่าวต่ออีกว่า ภาคใต้ซึ่งเป็นภาคที่มีการท่องเที่ยวมากที่สุด มีรายได้จากการท่องเที่ยว 6.94 แสนล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปี 2558 ที่มีมูลค่า 5.92 แสนล้านบาท (ที่มา : กระทรวงการท่องเที่ยวฯ) โดยเฉพาะในแถบภาคใต้ฝั่งอันดามันซึ่งมีจุดยุทธศาสตร์ที่เป็นเลิศในการเป็นแหล่งท่องเที่ยวทางทะเลชั้นนำที่ติดอันดับและได้รับความนิยมจากคนทั่วโลก มีการท่องเที่ยวในปีที่ผ่านมามากกว่า 22 ล้านครั้ง ต่อเนื่องถึงการใช้จ่ายในการบริโภคด้านต่าง ๆ อีกประมาณ 4,700 บาท/คน/วัน (ที่มา : กรมการท่องเที่ยว) โดยจากการเติบโตของภาคนี้นับเป็นโอกาสอันดีในการที่จะเร่งพัฒนาทั้งอุตสาหกรรมการผลิต และธุรกิจด้านการบริการ เช่น อุตสาหกรรมด้านการแพทย์และสุขภาพ อุตสาหกรรมอาหารทะเลแปรรูป บริการด้านสปา โรงแรม โดยเฉพาะในจังหวัดกระบี่ พังงา และภูเก็ต ได้รับอานิสงส์จากการเพิ่มขึ้น ด้านความต้องการบริโภค และการขยายเที่ยวบินสู่ท่าอากาศยานของจังหวัด นอกจากนี้ ในด้านการเติบโตของธุรกิจโรงแรมคาดว่าภูเก็ตน่าจะมีการเพิ่มขึ้นของปริมาณห้องพักในปี 2560 ประมาณ 600 ห้อง และปี 2561 ประมาณ 800 ห้อง กระบี่จะมีการขยายโดยได้รับปัจจัยสนับสนุนจากจำนวนนักท่องเที่ยวจีนและจากกลุ่มประเทศสแกนดิเนเวีย อาทิ สวีเดน นอร์เวย์ และพังงา ก็น่าจะมีการขยายตัว เนื่องจากปัญหาการแออัดของนักท่องเที่ยวใน จ.ภูเก็ต จึงทำให้กลุ่มนักท่องเที่ยวยุโรปเดินทางสู่กระบี่และพังงามากขึ้น นอกจากนี้ ในกลุ่มภาคใต้ฝั่งอันดามันยังสามารถส่งเสริมการสร้างสรรค์สินค้าชุมชน การเชื่อมโยงด้านการเกษตร การทำธุรกิจสปา สตาร์ทอัพ การพัฒนาพื้นที่ท่องเที่ยวสู่กลุ่มไฮคลาสได้อีกด้วย
สำหรับแผนพัฒนาธุรกิจและอุตสาหกรรมที่เชื่อมโยงการท่องเที่ยวในปีงบประมาณต่อไป ยังคงมุ่งเน้นการส่งเสริมอุตสาหกรรมที่สอดรับโดยเฉพาะในกลุ่ม S-Curve อาทิ อุตสาหกรรมอาหารแปรรูป การเกษตร การแพทย์และสุขภาพ ธุรกิจภาคบริการ พร้อมด้วยการมุ่งหน้าพัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการในกลุ่มวิสาหกิจชุมชนภายใต้โครงการหมู่บ้านอุตสาหกรรมสร้างสรรค์ หรือ CIV ให้มีการนำภูมิปัญญาท้องถิ่นมาผนวกกับนวัตกรรมและเทคโนโลยีให้เป็นผลิตภัณฑ์ที่เชื่อมโยงกับภาคท่องเที่ยว อีก 10 ชุมชน โดยจากความสำเร็จของ 9 หมู่บ้านในปีนี้ได้เกิดต้นแบบสินค้ากว่า 100 ประเภท และหลากหลาย ซึ่งโมเดลธุรกิจนี้จะเป็นตัวอย่างในการพัฒนาชุมชนถัดไปให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น นอกจากนี้กระทรวงอุตสาหกรรม โดยธนาคาร SMEDevelopment Bank ยังเตรียมมาตรการด้านสินเชื่อเพื่อ SMEs ที่ประกอบธุรกิจที่เชื่อมโยงกับการท่องเที่ยวในวงเงิน 7,500 ล้านบาท พร้อมด้วยกองทุนพัฒนาเอสเอ็มอีตามแนวประชารัฐในวงเงิน อีก 20,000 ล้านบาท เพื่อให้ SMEs ทุกกลุ่มสามารถเข้าถึงได้อย่างเต็มที่ และเกิดการพัฒนาธุรกิจอย่างครบวงจร
เมื่อเร็ว ๆ นี้ กสอ. ยังได้จัดกิจกรรมลงพื้นที่เพื่อผลักดัน SMEs ที่มีศักยภาพตามแต่ละท้องถิ่น และสอดคล้องกับยุทธศาสตร์ความต้องการและศักยภาพของจังหวัด พร้อมเปิดมาตรการในการสนับสนุนผู้ประกอบการภาคบริการในภาคต่าง ๆ และได้เยี่ยมชม โรงแรมกระบี่ ทิพา รีสอร์ท หนึ่งในตัวอย่างผู้ประกอบการภาคบริการที่มีการปรับตัวตามกระแสเศรษฐกิจและการท่องเที่ยว ณ หาดอ่าวนาง อ.เมือง จ.กระบี่
สำหรับผู้ที่สนใจรายละเอียด สามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ ศูนย์ส่งเสริมอุตสาหกรรมภาคที่ 10 กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม โทรศัพท์ 077 203 958 หรือ เข้าไปที่ www.dip.go.th
                                                                                                                                        
                                                                                                                            
                                                                                                                            
                            
                            "ธนกร" สั่งการ "ดีพร้อม" Quick Big Win อัดฉีดสินเชื่อ "เงินไว by DIPROM" ดอกเบี้ย 50 สตางค์ กระตุ้นสั้น โค้งสุดท้ายปลายปี ดีมานด์พุ่ง!! 30%
                        
                            "ดีพร้อม" ปลุกพลังสร้างสุข ดัน SMEs เข้าร่วมกิจกรรม เลิกเหล้า-บุหรี่ ออมเงิน ได้ผลกว่า 17 ล้าน ขึ้นแท่น วิสาหกิจต้นแบบ SHAP ประจำปี 2567
                        
                            "ดีพร้อม" เสริมศักยภาพผู้ประกอบการไทยสายแฟชั่น ดึงซอฟต์พาวเวอร์ เสริมอัตลักษณ์ รังสรรค์ผลิตภัณฑ์ใหม่ พร้อมชี้ 3 เทรนด์ที่ต้องเร่งปรับตัวตาม
                        
                            ดีพร้อมจัดใหญ่ 'มหกรรมดีพร้อมเสน่ห์ไทย: Thai Vibe by DIPROM' โชว์ซอฟต์พาวเวอร์อาหารและแฟชั่นไทย สร้างอนาคตใหม่ให้ SMEs คาดดึงคน 30,000 รายเข้างาน กระตุ้นเศรษฐกิจไม่ต่ำกว่า 250 ล้านบาท
                        
                            กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม ร่วมกับ วว. / THACCA เชิญชวนร่วมกิจกรรมการเชื่อมโยงสู่เทคโนโลยีเพิ่มช่องทางการตลาด ฟรี!!
                        
                            'ดีพร้อม' ชวนร่วมงานมหกรรม 'ดีพร้อมเสน่ห์ไทย (Thai Vibe by DIPROM)' ร่วมสัมผัสเสน่ห์ความเป็นไทยไปพร้อมกัน ตั้งแต่ 10-12 ตุลาคม 2568 อิมแพ็ค ชาเลนเจอร์ ฮอลล์ 3 เมืองทองธานี
                        
                            กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม / วว. / THACCA / OFOS  เชิญชวนร่วมกิจกรรมยกระดับร้านอาหารเชฟชุมชนสู่ร้านอาหารระดับพรีเมี่ยม
                        
                            CRGM และ Salad Factory จับมือคว้า 2 รางวัลใหญ่ จากกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม ยกระดับซัพพลายเชน และสร้างสรรค์นวัตกรรมอาหารสุขภาพ
                        
                            ดีพร้อม รวมพลัง 5 หน่วยงาน จัด MOU ใหญ่! ปั้น 'นิคมฯ SMEs' หนุนธุรกิจไทยแข็งแกร่ง เชิญชวน SME ร่วมขับเคลื่อนอุตสาหกรรมยั่งยืนคู่ชุมชน สร้างมูลค่ากว่า 1 พันล้านบาท