สภาวะตลาดวันที่ 31 สิงหาคม 2560 ราคาทองคำแกว่งตัวในกรอบที่ระดับ 1,300.40-1,308.98 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ขณะที่ราคาทองคำแท่ง 96.5% ภายในประเทศขายออกอยู่ที่ 20,550 บาทต่อบาททองคำ โดยราคาปรับตัวลดลง 50 บาท จากวันก่อนหน้าที่ระดับ 20,600 บาทต่อบาททองคำ ขณะที่โกลด์ฟิวเจอร์ส GFV17 อยู่ที่ 20,670 บาท โดยราคาปรับตัวลดลง 80 บาท จากวันก่อนหน้าที่ระดับ 20,750 บาท
(หมายเหตุ: ข้อมูลนี้จัดทำขึ้น ณ เวลา 16.09น. ของวันที่ 31/08/60)
แนวโน้มวันที่ 01 กันยายน 2560
ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์แห่งสหรัฐ ได้กล่าวแถลงนโยบายเศรษฐกิจที่เมืองสปริงฟิลด์ รัฐมิสซิสซูรี โดยย้ำว่า เป้าหมายการปฏิรูประบบภาษีของเขาคือการเดินหน้าปรับลดอัตราภาษีเงินได้นิติบุคคล ลงสู่ระดับ 15% จากระดับ 35% ในปัจจุบัน เพื่อยกระดับความสามารถในการแข่งขันและกระตุ้นการเจริญเติบโตของเศรษฐกิจสหรัฐ และกล่าวว่านโยบายดังกล่าวจะช่วยให้สหรัฐมีความสามารถในการแข่งขันมากขึ้น อีกทั้งจะช่วยสร้างงานให้กับชาวอเมริกันจำนวน 12 ล้านตำแหน่ง ด้วยกิจกรรมทางเศรษฐกิจใหม่คิดเป็นมูลค่า 10 ล้านล้านดอลลาร์ นอกจากนี้ปธน.ทรัมป์ยังแสดงความเชื่อมั่นด้วยว่า เศรษฐกิจสหรัฐจะสามารถขยายตัวที่ระดับ 3% หรือสูงกว่านั้นได้ในปีนี้อีกด้วย ถ้อยแถลงดังกล่าวช่วยฟื้นความเชื่อมั่นในสายตานักลงทุนและเป็นปัจจัยหนุนให้สกุลเงินดอลลาร์ฟื้นตัวจากจุดต่ำนับตั้งแต่เดือนม.ค. 2558 อย่างไรก็ดีราคาทองคำยังคงสามารถทรงตัวเหนือ 1,300 ดอลลาร์ต่อออนซ์ จากความตึงเครียดที่เพิ่มขึ้นระหว่างสหรัฐและเกาหลีเหนือและความไม่แน่นอนจากผลกระทบของพายุเฮอริเคนฮาร์วีย์ที่จะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจสหรัฐ ขณะที่นักลงทุนกำลังจับตาการเปิดเผยตัวเลขในตลาดแรงงานสหรัฐทั้งตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตร, อัตราการว่างงานและรายได้เฉลี่ยต่อชั่วโมงแรงงาน ในวันศุกร์นี้เพื่อใช้เป็นปัจจัยชี้นำทิศทางสกุลเงินดอลลาร์และราคาทองคำ ทั้งนี้ หากตัวเลขในตลาดแรงงานแข็งแกร่งเกินคาดอาจเป็นปัจจัยหนุนสกุลเงินดอลลาร์ให้ฟื้นตัวต่อและเป็นปัจจัยกดดันราคาทองคำ แต่หากตัวเลขออกมาแย่เกินคาดปัจจัยดังกล่าวจะกดดันสกุลเงินดอลลาร์และหนุนราคาทองคำให้ปรับตัวขึ้นอย่างแข็งแกร่งท่ามกลางสถานการณ์ตึงเครียดทางการเมืองเช่นกัน หากราคาทองคำไม่สามารถยืน 1,313-1,326 ดอลลาร์ต่อออนซ์ได้ นักลงทุนต้องระมัดระวังการอ่อนตัวของราคาทองคำ อย่างไรก็ตามนักลงทุนควรติดตามทิศทางของราคาทองคำอย่างใกล้ชิด
กลยุทธ์การลงทุน ทางวายแอลจีมีมุมมองว่า หากราคาทองคำพยายามขึ้นไปทดสอบระดับ 1,313 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ได้แสดงถึงแรงเข้าซื้อในระยะสั้น หากยืนได้แข็งแกร่ง ทำให้ประเมินว่าในระยะสั้น ยังคงมีโอกาสปรับตัวขึ้นไปทดสอบแนวต้านถัดไปจะอยู่ในโซน 1,326 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ขณะที่แนวรับนั้นอยู่ในบริเวณ 1,292 ดอลลาร์ต่อออนซ์ แนะนำเสี่ยงเปิดสถานะซื้อหากราคาอ่อนตัวลงมาในโซนดังกล่าว พร้อมลดการลงทุนหากราคาหลุด 1,292 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ทั้งนี้อาจพิจารณาการเคลื่อนไหวของค่าเงินบาทประกอบการตัดสินใจลงทุน
ทองคำแท่ง (96.50%)
แนวรับ 1,292 (20,250บาท) 1,278 (20,050บาท) 1,266 (19,850บาท)
แนวต้าน 1,313 (20,600บาท) 1,326 (20,800บาท) 1,343 (21,100บาท)
GOLD FUTURES (GFV17)
แนวรับ 1,292 (20,440บาท) 1,278 (20,220บาท) 1,266 (20,030บาท)
แนวต้าน 1,313 (20,770บาท) 1,326 (20,980บาท) 1,343 (21,250บาท)
หากต้องการทราบทิศทางราคาทองคำและแนวทางลงทุนทองคำ ขอคำปรึกษาเพิ่มเติมจากทีมที่ปรึกษาการลงทุนด้านโกล์ดฟิวเจอร์ส โทร.02-687-9999
(หมายเหตุ: ข้อมูลนี้จัดทำขึ้น ณ เวลา 16.09น. ของวันที่ 31/08/60)
แนวโน้มวันที่ 01 กันยายน 2560
ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์แห่งสหรัฐ ได้กล่าวแถลงนโยบายเศรษฐกิจที่เมืองสปริงฟิลด์ รัฐมิสซิสซูรี โดยย้ำว่า เป้าหมายการปฏิรูประบบภาษีของเขาคือการเดินหน้าปรับลดอัตราภาษีเงินได้นิติบุคคล ลงสู่ระดับ 15% จากระดับ 35% ในปัจจุบัน เพื่อยกระดับความสามารถในการแข่งขันและกระตุ้นการเจริญเติบโตของเศรษฐกิจสหรัฐ และกล่าวว่านโยบายดังกล่าวจะช่วยให้สหรัฐมีความสามารถในการแข่งขันมากขึ้น อีกทั้งจะช่วยสร้างงานให้กับชาวอเมริกันจำนวน 12 ล้านตำแหน่ง ด้วยกิจกรรมทางเศรษฐกิจใหม่คิดเป็นมูลค่า 10 ล้านล้านดอลลาร์ นอกจากนี้ปธน.ทรัมป์ยังแสดงความเชื่อมั่นด้วยว่า เศรษฐกิจสหรัฐจะสามารถขยายตัวที่ระดับ 3% หรือสูงกว่านั้นได้ในปีนี้อีกด้วย ถ้อยแถลงดังกล่าวช่วยฟื้นความเชื่อมั่นในสายตานักลงทุนและเป็นปัจจัยหนุนให้สกุลเงินดอลลาร์ฟื้นตัวจากจุดต่ำนับตั้งแต่เดือนม.ค. 2558 อย่างไรก็ดีราคาทองคำยังคงสามารถทรงตัวเหนือ 1,300 ดอลลาร์ต่อออนซ์ จากความตึงเครียดที่เพิ่มขึ้นระหว่างสหรัฐและเกาหลีเหนือและความไม่แน่นอนจากผลกระทบของพายุเฮอริเคนฮาร์วีย์ที่จะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจสหรัฐ ขณะที่นักลงทุนกำลังจับตาการเปิดเผยตัวเลขในตลาดแรงงานสหรัฐทั้งตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตร, อัตราการว่างงานและรายได้เฉลี่ยต่อชั่วโมงแรงงาน ในวันศุกร์นี้เพื่อใช้เป็นปัจจัยชี้นำทิศทางสกุลเงินดอลลาร์และราคาทองคำ ทั้งนี้ หากตัวเลขในตลาดแรงงานแข็งแกร่งเกินคาดอาจเป็นปัจจัยหนุนสกุลเงินดอลลาร์ให้ฟื้นตัวต่อและเป็นปัจจัยกดดันราคาทองคำ แต่หากตัวเลขออกมาแย่เกินคาดปัจจัยดังกล่าวจะกดดันสกุลเงินดอลลาร์และหนุนราคาทองคำให้ปรับตัวขึ้นอย่างแข็งแกร่งท่ามกลางสถานการณ์ตึงเครียดทางการเมืองเช่นกัน หากราคาทองคำไม่สามารถยืน 1,313-1,326 ดอลลาร์ต่อออนซ์ได้ นักลงทุนต้องระมัดระวังการอ่อนตัวของราคาทองคำ อย่างไรก็ตามนักลงทุนควรติดตามทิศทางของราคาทองคำอย่างใกล้ชิด
กลยุทธ์การลงทุน ทางวายแอลจีมีมุมมองว่า หากราคาทองคำพยายามขึ้นไปทดสอบระดับ 1,313 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ได้แสดงถึงแรงเข้าซื้อในระยะสั้น หากยืนได้แข็งแกร่ง ทำให้ประเมินว่าในระยะสั้น ยังคงมีโอกาสปรับตัวขึ้นไปทดสอบแนวต้านถัดไปจะอยู่ในโซน 1,326 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ขณะที่แนวรับนั้นอยู่ในบริเวณ 1,292 ดอลลาร์ต่อออนซ์ แนะนำเสี่ยงเปิดสถานะซื้อหากราคาอ่อนตัวลงมาในโซนดังกล่าว พร้อมลดการลงทุนหากราคาหลุด 1,292 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ทั้งนี้อาจพิจารณาการเคลื่อนไหวของค่าเงินบาทประกอบการตัดสินใจลงทุน
ทองคำแท่ง (96.50%)
แนวรับ 1,292 (20,250บาท) 1,278 (20,050บาท) 1,266 (19,850บาท)
แนวต้าน 1,313 (20,600บาท) 1,326 (20,800บาท) 1,343 (21,100บาท)
GOLD FUTURES (GFV17)
แนวรับ 1,292 (20,440บาท) 1,278 (20,220บาท) 1,266 (20,030บาท)
แนวต้าน 1,313 (20,770บาท) 1,326 (20,980บาท) 1,343 (21,250บาท)
หากต้องการทราบทิศทางราคาทองคำและแนวทางลงทุนทองคำ ขอคำปรึกษาเพิ่มเติมจากทีมที่ปรึกษาการลงทุนด้านโกล์ดฟิวเจอร์ส โทร.02-687-9999