สภาวะตลาดวันที่ 19 ตุลาคม 2560 ราคาทองคำแกว่งตัวในกรอบที่ระดับ 1,276.35-1,286.30 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ขณะที่ราคาทองคำแท่ง 96.5% ภายในประเทศขายออกอยู่ที่ 20,150 บาทต่อบาททองคำ โดยราคาทรงตัวจากวันก่อนหน้าที่ระดับ 20,150บาทต่อบาททองคำ ขณะที่โกลด์ฟิวเจอร์ส GFV17 อยู่ที่ 20,230 บาท โดยราคาปรับตัวเพิ่มขึ้น 60 บาท จากวันก่อนหน้าที่ระดับ 20,170 บาท
(หมายเหตุ: ข้อมูลนี้จัดทำขึ้น ณ เวลา 16.20น. ของวันที่ 19/10/60)
แนวโน้มวันที่ 20 ตุลาคม 2560
ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ของสหรัฐพยายามปฏิรูปกฎหมายภาษี โดยผ่านการอนุมัติมาตรการงบประมาณปี 2561 ซึ่งจะช่วยให้สามารถผ่านร่างกฎหมายภาษีได้โดย ไม่ต้องอาศัยเสียงสนับสนุนจากพรรคเดโมแครต เครื่องมือทางนิติบัญญัตินี้เรียกว่า "การปรองดอง" (reconciliation) ซึ่งจะเปิดโอกาสให้สามารถผลักดันร่างกฎหมายภาษีให้ผ่านวุฒิสภาได้โดยอาศัยเสียงโหวตข้างมากแบบปกติ ขณะที่มีแนวโน้มว่าวุฒิสมาชิกพรรครีพับลิกันสามารถรวบรวมเสียงสนับสนุนมติงบประมาณนี้ได้อย่างน้อย 50 เสียงแล้ว ซึ่งจะส่งผลให้มตินี้อาจได้รับเสียงโหวตสนับสนุนมากกว่าเสียงโหวตคัดค้าน กระแสคาดการณ์ดังกล่าวกดดันราคาทองคำให้อ่อนตัวลง อย่างไรก็ตามนักลงทุนจับตาความขัดแย้งระหว่าง ปธน.ทรัมป์ กับ นายบ็อบ คอร์เคอร์ วุฒิสมาชิกรัฐเทนเนสซี ซึ่งเขาเองยืนยันว่าจะคัดค้านกฎหมายภาษีใดๆ ก็ตามที่ทำให้ยอดขาดดุลงบประมาณเพิ่มสูงขึ้น ทำให้นักลงทุนจับตาว่าแผนปฏิรูปภาษีของปธน.ทรัมป์จะผ่านการอนุมัติได้หรือไม่ ส่งผลให้นักลงทุนลดการถือครองทองคำเพื่อป้องกันความเสี่ยงจากความไม่แน่นอนเรื่องกฎหมายภาษีสหรัฐ แนะนำนักลงทุนติดตามการเคลื่อนไหวของค่าเงินบาทเพิ่มเติม โดยค่าเงินบาทต่อดอลลาร์เคลื่อนไหวใกล้ระดับแข็งค่าสูงสุดในรอบกว่า 29 เดือน โดยระหว่างวันแข็งค่าไป 33.08 นับตั้งแต่ต้นปีนี้ค่าเงินบาทแข็งค่าแล้ว 8% ซึ่งการแข็งค่าของเงินบาทส่งผลกดดันราคาทองคำในประเทศ อย่างไรก็ตามผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เผยบาทต่อดอลลาร์เคลื่อนไหวใกล้เคียงสกุลเงินภูมิภาค และสอดคล้องกับสถานการณ์เศรษฐกิจของไทย และมองว่าฐานะด้านต่างประเทศของไทยยังแข็งแกร่ง รองรับความผันผวนหากเกิดเงินทุนไหลออกได้ เบื้องต้นหากราคาทองคำดีดตัวขึ้นประเมินแนวต้านที่บริเวณ 1,289-1,296 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ถ้าไม่สามารถผ่านได้จะเกิดการย่อตัวลงมาแนวรับบริเวณ 1,273-1,260 ดอลลาร์ต่อออนซ์
กลยุทธ์การลงทุน ทางวายแอลจีมีมุมมองว่า ในระยะสั้นราคาทองคำยังมีการแกว่งตัวในกรอบทิศทางอ่อนตัวลง ซึ่งกรอบราคาด้านบนประเมินแนวต้านที่บริเวณ 1,289-1,296 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ระยะสั้นความผันผวนของราคาและการแกว่งตัวของราคาอาจลดลงจากช่วงที่ผ่านมา โดยให้เน้นไปที่การเข้าลงทุนระยะสั้น ทั้งนี้ประเมินแนวรับไว้ที่ 1,273 ดอลลาร์ต่อออนซ์ โดยมีแนวรับถัดไปอยู่ที่ 1,260 ดอลลาร์ต่อออนซ์ และเมื่อราคามีการปรับตัวสูงขึ้น นักลงทุนที่สะสมทองคำไว้อาจขายทำกำไรบางส่วนออกมาบ้างเพื่อลดความเสี่ยง แต่สำหรับนักลงทุนที่รับความเสี่ยงสูงได้แนะนำให้ถือต่อเพื่อทำกำไรบริเวณแนวต้านถัดไป
ทองคำแท่ง (96.50%)
แนวรับ 1,273 (19,950บาท) 1,260 (19,700บาท) 1,249 (19,500บาท)
แนวต้าน 1,296 (20,350บาท) 1,307 (20,500บาท) 1,320 (20,700บาท)
GOLD FUTURES (GFV17)
แนวรับ 1,273 (20,060บาท) 1,260 (19,860บาท) 1,249 (19,640บาท)
แนวต้าน 1,296 (20,430บาท) 1,307 (20,600บาท) 1,320 (20,810บาท)
หากต้องการทราบทิศทางราคาทองคำและแนวทางลงทุนทองคำ ขอคำปรึกษาเพิ่มเติมจากทีมที่ปรึกษาการลงทุนด้านโกล์ดฟิวเจอร์ส โทร.02-687-9999
(หมายเหตุ: ข้อมูลนี้จัดทำขึ้น ณ เวลา 16.20น. ของวันที่ 19/10/60)
แนวโน้มวันที่ 20 ตุลาคม 2560
ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ของสหรัฐพยายามปฏิรูปกฎหมายภาษี โดยผ่านการอนุมัติมาตรการงบประมาณปี 2561 ซึ่งจะช่วยให้สามารถผ่านร่างกฎหมายภาษีได้โดย ไม่ต้องอาศัยเสียงสนับสนุนจากพรรคเดโมแครต เครื่องมือทางนิติบัญญัตินี้เรียกว่า "การปรองดอง" (reconciliation) ซึ่งจะเปิดโอกาสให้สามารถผลักดันร่างกฎหมายภาษีให้ผ่านวุฒิสภาได้โดยอาศัยเสียงโหวตข้างมากแบบปกติ ขณะที่มีแนวโน้มว่าวุฒิสมาชิกพรรครีพับลิกันสามารถรวบรวมเสียงสนับสนุนมติงบประมาณนี้ได้อย่างน้อย 50 เสียงแล้ว ซึ่งจะส่งผลให้มตินี้อาจได้รับเสียงโหวตสนับสนุนมากกว่าเสียงโหวตคัดค้าน กระแสคาดการณ์ดังกล่าวกดดันราคาทองคำให้อ่อนตัวลง อย่างไรก็ตามนักลงทุนจับตาความขัดแย้งระหว่าง ปธน.ทรัมป์ กับ นายบ็อบ คอร์เคอร์ วุฒิสมาชิกรัฐเทนเนสซี ซึ่งเขาเองยืนยันว่าจะคัดค้านกฎหมายภาษีใดๆ ก็ตามที่ทำให้ยอดขาดดุลงบประมาณเพิ่มสูงขึ้น ทำให้นักลงทุนจับตาว่าแผนปฏิรูปภาษีของปธน.ทรัมป์จะผ่านการอนุมัติได้หรือไม่ ส่งผลให้นักลงทุนลดการถือครองทองคำเพื่อป้องกันความเสี่ยงจากความไม่แน่นอนเรื่องกฎหมายภาษีสหรัฐ แนะนำนักลงทุนติดตามการเคลื่อนไหวของค่าเงินบาทเพิ่มเติม โดยค่าเงินบาทต่อดอลลาร์เคลื่อนไหวใกล้ระดับแข็งค่าสูงสุดในรอบกว่า 29 เดือน โดยระหว่างวันแข็งค่าไป 33.08 นับตั้งแต่ต้นปีนี้ค่าเงินบาทแข็งค่าแล้ว 8% ซึ่งการแข็งค่าของเงินบาทส่งผลกดดันราคาทองคำในประเทศ อย่างไรก็ตามผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เผยบาทต่อดอลลาร์เคลื่อนไหวใกล้เคียงสกุลเงินภูมิภาค และสอดคล้องกับสถานการณ์เศรษฐกิจของไทย และมองว่าฐานะด้านต่างประเทศของไทยยังแข็งแกร่ง รองรับความผันผวนหากเกิดเงินทุนไหลออกได้ เบื้องต้นหากราคาทองคำดีดตัวขึ้นประเมินแนวต้านที่บริเวณ 1,289-1,296 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ถ้าไม่สามารถผ่านได้จะเกิดการย่อตัวลงมาแนวรับบริเวณ 1,273-1,260 ดอลลาร์ต่อออนซ์
กลยุทธ์การลงทุน ทางวายแอลจีมีมุมมองว่า ในระยะสั้นราคาทองคำยังมีการแกว่งตัวในกรอบทิศทางอ่อนตัวลง ซึ่งกรอบราคาด้านบนประเมินแนวต้านที่บริเวณ 1,289-1,296 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ระยะสั้นความผันผวนของราคาและการแกว่งตัวของราคาอาจลดลงจากช่วงที่ผ่านมา โดยให้เน้นไปที่การเข้าลงทุนระยะสั้น ทั้งนี้ประเมินแนวรับไว้ที่ 1,273 ดอลลาร์ต่อออนซ์ โดยมีแนวรับถัดไปอยู่ที่ 1,260 ดอลลาร์ต่อออนซ์ และเมื่อราคามีการปรับตัวสูงขึ้น นักลงทุนที่สะสมทองคำไว้อาจขายทำกำไรบางส่วนออกมาบ้างเพื่อลดความเสี่ยง แต่สำหรับนักลงทุนที่รับความเสี่ยงสูงได้แนะนำให้ถือต่อเพื่อทำกำไรบริเวณแนวต้านถัดไป
ทองคำแท่ง (96.50%)
แนวรับ 1,273 (19,950บาท) 1,260 (19,700บาท) 1,249 (19,500บาท)
แนวต้าน 1,296 (20,350บาท) 1,307 (20,500บาท) 1,320 (20,700บาท)
GOLD FUTURES (GFV17)
แนวรับ 1,273 (20,060บาท) 1,260 (19,860บาท) 1,249 (19,640บาท)
แนวต้าน 1,296 (20,430บาท) 1,307 (20,600บาท) 1,320 (20,810บาท)
หากต้องการทราบทิศทางราคาทองคำและแนวทางลงทุนทองคำ ขอคำปรึกษาเพิ่มเติมจากทีมที่ปรึกษาการลงทุนด้านโกล์ดฟิวเจอร์ส โทร.02-687-9999