สภาวะตลาดวันที่ 06 ตุลาคม 2560 ราคาทองคำแกว่งตัวในกรอบที่ระดับ 1,266.25-1,270.00 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ขณะที่ราคาทองคำแท่ง 96.5% ภายในประเทศขายออกอยู่ที่ 20,100 บาทต่อบาททองคำ โดยราคาปรับตัวลดลง 100 บาท จากวันก่อนหน้าที่ระดับ 20,200 บาทต่อบาททองคำ ขณะที่โกลด์ฟิวเจอร์ส GFV17 อยู่ที่ 20,210 บาท โดยราคาปรับตัวลดลง 90 บาท จากวันก่อนหน้าที่ระดับ 20,300 บาท
(หมายเหตุ: ข้อมูลนี้จัดทำขึ้น ณ เวลา 15.44น. ของวันที่ 06/10/60)
แนวโน้มวันที่ 09 ตุลาคม 2560
สภาผู้แทนราษฎรสหรัฐที่อยู่ภายใต้การนำของพรรครีพับลิกันได้อนุมัติร่างงบรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2561 วงเงิน 4.1 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ ด้วยคะแนนโหวต 219 ต่อ 206 เสียง ซึ่งจะปูทางไปสู่การออกกฎหมายภาษีในอนาคต โดยร่างงบรายจ่ายนี้จะเข้าสู่การโหวตในวุฒิสภาหลังวันที่ 16 ต.ค. หากได้รับการอนุมัติจะเปิดโอกาสให้สมาชิกพรรครีพับลิกันสามารถผ่านร่างกฎหมายภาษีได้ด้วยเสียงโหวตข้างมากแบบปกติในวุฒิสภา ซึ่งขณะนี้พรรครีพับลิกันครองที่นั่ง 52 ที่นั่งจากทั้งหมด 100 ที่นั่งในวุฒิสภา ปัจจัยดังกล่าวกดดันราคาทองคำให้อ่อนตัวลงและนักลงทุนโยกเงินลงทุนเข้าสู่สินทรัพย์เสี่ยง จนดัชนีตลาดหุ้นสำคัญในสหรัฐพุ่งขึ้นมาทำสถิติปิดสูงสุดเป็นประวัติการณ์ ทั้งนี้นักลงทุนคาดว่าสหรัฐจะสามารถออกมาตรการปฏิรูปภาษีครั้งใหญ่ภายในไตรมาสแรกของปี 2561 ปรับลดภาษีสำหรับนิติบุคคล, ธุรกิจขนาดเล็ก และบุคคลธรรมดา โดยการปรับลดอัตราภาษีลงครั้งใหญ่จะช่วยกระตุ้นการเติบโตทางเศรษฐกิจ, การจ้างงาน และค่าแรงในสหรัฐ แนะนำให้ติดตามแรงซื้อแรงขายจากทางฝั่งจีน หลังจาก ตลาดเงินตลาดทุนของจีนปิดทำการตั้งแต่วันที่ 2-6 ตุลาคมนี้ เนื่องในวันชาติของจีน และจะเปิดทำการอีกครั้งในวันจันทร์ที่ 9 ตุลาคมนี้ ขณะที่แรงซื้อแรงขายทองคำในฝั่งสหรัฐอาจจะเบาบางลง แม้ว่าตลาดหุ้นวอลล์สตรีทจะเปิดซื้อขาย แต่ภาคธนาคารของสหรัฐปิดทำการในวันจันทร์เนื่องในวัน Columbus Day เบื้องต้นหากราคาทองคำปรับตัวขึ้นบริเวณโซน 1,275-1,282 ดอลลาร์ต่อออนซ์ขึ้นไปนักลงทุนที่ไม่อยากแบกรับความเสี่ยงจนเกินไปสามารถแบ่งขายทำกำไรออกมาบ้าง ประเมินว่าหากราคาทองคำไม่สามารถผ่านแนวต้านโซน 1,282 ดอลลาร์ต่อออนซ์ไปได้ให้ระมัดระวังการขายทำให้ต้องจับตาโซนนี้อย่างใกล้ชิด โดยประเมินแนวรับบริเวณ 1,260 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ซึ่งหากยืนอยู่จุดนี้นักลงทุนสามารถเข้าซื้อเพื่อเก็งกำไรระยะสั้น
กลยุทธ์การลงทุน ทางวายแอลจีมีมุมมองว่า ในระยะสั้นราคาทองคำยังมีการแกว่งตัวในกรอบทิศทางขาลง ซึ่งกรอบราคาด้านบนประเมินแนวต้านที่บริเวณ 1,275 ดอลลาร์ต่อออนซ์ หรือ 1,282 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ระยะสั้นความผันผวนของราคาและการแกว่งตัวของราคาอาจลดลงจากช่วงที่ผ่านมา โดยให้เน้นไปที่การเข้าลงทุนระยะสั้น ทั้งนี้ประเมินแนวรับไว้ที่ 1,260 ดอลลาร์ต่อออนซ์ โดยมีแนวรับถัดไปอยู่ที่ 1,251 ดอลลาร์ต่อออนซ์ และเมื่อราคามีการปรับตัวสูงขึ้น นักลงทุนที่สะสมทองคำไว้อาจขายทำกำไรบางส่วนออกมาบ้างเพื่อลดความเสี่ยง แต่สำหรับนักลงทุนที่รับความเสี่ยงสูงได้แนะนำให้ถือต่อเพื่อทำกำไรบริเวณแนวต้านถัดไป
ทองคำแท่ง (96.50%)
แนวรับ 1,260 (19,900บาท) 1,251 (19,750บาท) 1,240 (19,600บาท)
แนวต้าน 1,275 (20,200บาท) 1,282 (20,300บาท) 1,293 (20,450บาท)
GOLD FUTURES (GFV17)
แนวรับ 1,260 (20,080บาท) 1,251 (19,940บาท) 1,240 (19,760บาท)
แนวต้าน 1,275 (20,330บาท) 1,282 (20,440บาท) 1,293 (20,610บาท)
หากต้องการทราบทิศทางราคาทองคำและแนวทางลงทุนทองคำ ขอคำปรึกษาเพิ่มเติมจากทีมที่ปรึกษาการลงทุนด้านโกล์ดฟิวเจอร์ส โทร.02-687-9999
(หมายเหตุ: ข้อมูลนี้จัดทำขึ้น ณ เวลา 15.44น. ของวันที่ 06/10/60)
แนวโน้มวันที่ 09 ตุลาคม 2560
สภาผู้แทนราษฎรสหรัฐที่อยู่ภายใต้การนำของพรรครีพับลิกันได้อนุมัติร่างงบรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2561 วงเงิน 4.1 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ ด้วยคะแนนโหวต 219 ต่อ 206 เสียง ซึ่งจะปูทางไปสู่การออกกฎหมายภาษีในอนาคต โดยร่างงบรายจ่ายนี้จะเข้าสู่การโหวตในวุฒิสภาหลังวันที่ 16 ต.ค. หากได้รับการอนุมัติจะเปิดโอกาสให้สมาชิกพรรครีพับลิกันสามารถผ่านร่างกฎหมายภาษีได้ด้วยเสียงโหวตข้างมากแบบปกติในวุฒิสภา ซึ่งขณะนี้พรรครีพับลิกันครองที่นั่ง 52 ที่นั่งจากทั้งหมด 100 ที่นั่งในวุฒิสภา ปัจจัยดังกล่าวกดดันราคาทองคำให้อ่อนตัวลงและนักลงทุนโยกเงินลงทุนเข้าสู่สินทรัพย์เสี่ยง จนดัชนีตลาดหุ้นสำคัญในสหรัฐพุ่งขึ้นมาทำสถิติปิดสูงสุดเป็นประวัติการณ์ ทั้งนี้นักลงทุนคาดว่าสหรัฐจะสามารถออกมาตรการปฏิรูปภาษีครั้งใหญ่ภายในไตรมาสแรกของปี 2561 ปรับลดภาษีสำหรับนิติบุคคล, ธุรกิจขนาดเล็ก และบุคคลธรรมดา โดยการปรับลดอัตราภาษีลงครั้งใหญ่จะช่วยกระตุ้นการเติบโตทางเศรษฐกิจ, การจ้างงาน และค่าแรงในสหรัฐ แนะนำให้ติดตามแรงซื้อแรงขายจากทางฝั่งจีน หลังจาก ตลาดเงินตลาดทุนของจีนปิดทำการตั้งแต่วันที่ 2-6 ตุลาคมนี้ เนื่องในวันชาติของจีน และจะเปิดทำการอีกครั้งในวันจันทร์ที่ 9 ตุลาคมนี้ ขณะที่แรงซื้อแรงขายทองคำในฝั่งสหรัฐอาจจะเบาบางลง แม้ว่าตลาดหุ้นวอลล์สตรีทจะเปิดซื้อขาย แต่ภาคธนาคารของสหรัฐปิดทำการในวันจันทร์เนื่องในวัน Columbus Day เบื้องต้นหากราคาทองคำปรับตัวขึ้นบริเวณโซน 1,275-1,282 ดอลลาร์ต่อออนซ์ขึ้นไปนักลงทุนที่ไม่อยากแบกรับความเสี่ยงจนเกินไปสามารถแบ่งขายทำกำไรออกมาบ้าง ประเมินว่าหากราคาทองคำไม่สามารถผ่านแนวต้านโซน 1,282 ดอลลาร์ต่อออนซ์ไปได้ให้ระมัดระวังการขายทำให้ต้องจับตาโซนนี้อย่างใกล้ชิด โดยประเมินแนวรับบริเวณ 1,260 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ซึ่งหากยืนอยู่จุดนี้นักลงทุนสามารถเข้าซื้อเพื่อเก็งกำไรระยะสั้น
กลยุทธ์การลงทุน ทางวายแอลจีมีมุมมองว่า ในระยะสั้นราคาทองคำยังมีการแกว่งตัวในกรอบทิศทางขาลง ซึ่งกรอบราคาด้านบนประเมินแนวต้านที่บริเวณ 1,275 ดอลลาร์ต่อออนซ์ หรือ 1,282 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ระยะสั้นความผันผวนของราคาและการแกว่งตัวของราคาอาจลดลงจากช่วงที่ผ่านมา โดยให้เน้นไปที่การเข้าลงทุนระยะสั้น ทั้งนี้ประเมินแนวรับไว้ที่ 1,260 ดอลลาร์ต่อออนซ์ โดยมีแนวรับถัดไปอยู่ที่ 1,251 ดอลลาร์ต่อออนซ์ และเมื่อราคามีการปรับตัวสูงขึ้น นักลงทุนที่สะสมทองคำไว้อาจขายทำกำไรบางส่วนออกมาบ้างเพื่อลดความเสี่ยง แต่สำหรับนักลงทุนที่รับความเสี่ยงสูงได้แนะนำให้ถือต่อเพื่อทำกำไรบริเวณแนวต้านถัดไป
ทองคำแท่ง (96.50%)
แนวรับ 1,260 (19,900บาท) 1,251 (19,750บาท) 1,240 (19,600บาท)
แนวต้าน 1,275 (20,200บาท) 1,282 (20,300บาท) 1,293 (20,450บาท)
GOLD FUTURES (GFV17)
แนวรับ 1,260 (20,080บาท) 1,251 (19,940บาท) 1,240 (19,760บาท)
แนวต้าน 1,275 (20,330บาท) 1,282 (20,440บาท) 1,293 (20,610บาท)
หากต้องการทราบทิศทางราคาทองคำและแนวทางลงทุนทองคำ ขอคำปรึกษาเพิ่มเติมจากทีมที่ปรึกษาการลงทุนด้านโกล์ดฟิวเจอร์ส โทร.02-687-9999
YLG แนะจับตาทองคำหากหลุด $1,676 อาจเปลี่ยนภาพระยะยาว เหตุตัวเลขจ้างงานสหรัฐแกร่ง-เสี่ยงเฟดลด QE เร็วขึ้น
YLG ช่วยติดอาวุธช่วง COVID เปิดคอร์สอบรมเทรดโกลด์ฟิวเจอร์สออนไลน์
YLG หนุนตลาดโกลด์ฟิวเจอร์สคึกคักด้วยระบบเทรดMT4 ชูจุดเด่นเทรดด้วยโรบอตเพิ่มความแม่นยำขยายโอกาสทำกำไร