ฟิทช์ประกาศเครดิตพินิจแนวโน้มเป็นบวกแก่ TREIT จากแผนการรองรับการแปลงสภาพของกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์

ข่าวประชาสัมพันธ์ »

          บริษัท ฟิทช์ เรทติ้งส์ (ประเทศไทย) จำกัดประกาศเครดิตพินิจแนวโน้มเป็นบวกแก่อันดับเครดิตภายในประเทศระยะยาว (National Long-term Rating) และอันดับเครดิตภายในประเทศ สำหรับหนี้ไม่ด้อยสิทธิและไม่มีประกัน (National Senior Unsecured Rating) ของทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์และสิทธิการเช่าอสังหาริมทรัพย์ไทคอนหรือ TREIT ซึ่งอยู่ที่ A-(tha) หลังจากที่ บริษัท ไทคอน อินดัสเทรียล คอนเน็คชั่น จำกัด (มหาชน) (TICON) ประกาศเจตนาที่จะแปลงสภาพของกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ที่ได้รับการสนับสนุนสินทรัพย์หลักจากกลุ่ม TICON ซึ่งได้แก่กองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ ไทคอน กองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ทีพาร์คโลจิสติคส์ และกองทุนรวมสิทธิการเช่าอสังหาริมทรัพย์ไทคอน อินดัสเทรียล โกรท มาเข้ากองทรัสต์ TREIT โดย TREIT จะรับโอนทรัพย์สินและภาระของกองทุนรวมดังกล่าวโดยชำระค่าตอบแทนเป็นหน่วยทรัสต์ของกองทรัสต์ TREIT พร้อมเงินสด ซึ่งจะได้มาจากการกู้ยืม
          เครดิตพินิจแนวโน้มเป็นบวกสะท้อนถึงการคาดการณ์ของฟิทช์ว่า การแปลงสภาพของกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ดังกล่าว มาเข้ากองทรัสต์ TREIT จะเพิ่มขนาดของกองทรัสต์ของ TREIT ให้ใหญ่ขึ้นมากกว่าสี่เท่า พร้อมกับมีการกระจายตัวของผู้เช่าที่ดีขึ้น อย่างไรก็ตาม ฟิทชคาดว่าสถานะทางการเงินของ TREIT จะไม่มีการเปลี่ยนแปลงมากนัก เนื่องจาก TREIT ยังคงมีนโยบายที่จะรักษาอัตราส่วนหนี้สินรวมต่อสินทรัพย์รวมไว้ที่ประมาณร้อยละ 30 เครดิตพินิจแนวโน้มเป็นบวกน่าจะยกเลิกเมื่อธุรกรรมนี้ได้รับการอนุมัติจากผู้ถือหน่วยทรัสต์และผู้ถือหน่วยลงทุนในกองทรัสต์และกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ที่เกี่ยวข้องและมีการโอนทรัพย์สินและภาระของกองทุนรวมมาให้แก่กองทรัสต์เสร็จสมบูรณ์ภายในเวลาที่กำหนด กล่าวคือ วันที่ 31 ธันวาคม 2560 หรือวันสิ้นสุดระยะเวลาที่กฎหมายจะขยายให้ในการได้รับยกเว้นภาษีและได้รับการลดหย่อนค่าธรรมเนียมที่เกี่ยวข้องกับการแปลงสภาพ (ถ้ามี) ซึ่งหากมีการขยายระยะเวลาดังกล่าว การยกเลิกเครดิตพินิจแนวโน้มเป็นบวกอาจจะใช้เวลานานกว่าหกเดือน
          ปัจจัยที่มีผลต่ออันดับเครดิต
          ขนาดกองทรัสต์ที่ใหญ่ขึ้น: หากธุรกรรมนี้เสร็จสมบูรณ์ จะทำให้กองทรัสต์ของ TREIT ขยายขนาดเพิ่มขึ้นเป็น 3.1 หมื่นล้านบาท จาก 7.3 พันล้านบาท ณ สิ้นเดือนมิถุนายน 2560 การกระจายตัวของผู้เช่าน่าจะดีขึ้นโดยรายได้จากผู้เช่าที่มีสัดส่วนรายได้สูงที่สุด 10 รายแรกจะคิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 22 ของรายได้รวมจากเดิมที่ร้อยละ 50 อย่างไรก็ตาม อายุเฉลี่ยของสัญญาเช่าที่เหลืออยู่ อาจจะสั้นลงโดยสัดส่วนของสัญญาเช่าที่จะครบกำหนดภายในสามปีข้างหน้า จะเพิ่มขึ้นเป็นร้อยละ 73.9 จากร้อยละ 47.2 ฟิทช์คาดว่าอัตราการเช่าพื้นที่ของกองทรัสต์ที่ขยายตัวขึ้นจะยังคงอยู่ที่ร้อยละ 78-80 หลังจากการลงทุนในทรัพย์สินของกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ที่แปลงสภาพมา
          อัตราการเช่าพื้นที่ที่ต่ำกว่าที่คาด: ฟิทช์คาดว่าอัตราการเช่าพื้นที่เฉลี่ยของกองทรัสต์ TREIT เดิมน่าจะเพิ่มขึ้นตามสภาวะเศรษฐกิจที่คาดว่าจะฟื้นตัวดีขึ้นและสภาวะอุปทานส่วนเกินที่ผ่อนคลายลงในบริเวณชายฝั่งทะเลภาคตะวันออกของประเทศไทย โดยอัตราการเช่าพื้นที่ของ TREIT ณ สิ้นเดือนมิถุนายน 2560 ที่ประมาณร้อยละ 78 ซึ่งเป็นระดับเดียวกับ ณ สิ้นปี 2559 เป็นระดับที่ต่ำกว่าที่ฟิทช์คาดการณ์ไว้ อายุเฉลี่ยของสัญญาเช่าที่เหลืออยู่ของ TREIT ยังคงอยู่ที่ประมาณ 3.3 ปี เช่นเดียวกับ ณ สิ้นเดือนมิถุนายน 2560 โดยสัญญาเช่าที่หมดอายุในช่วงครึ่งปีแรกของปี 2560 ส่วนใหญ่จะมีการต่อสัญญา TREIT มีความเสี่ยงในการต่อสัญญาเช่าของผู้เช่าในระดับปานกลาง เนื่องจากประมาณร้อยละ 6 ของพื้นที่ให้เช่าของ TREIT จะหมดอายุสัญญาเช่าภายในครึ่งปีหลังของปี 2560 และอีกร้อยละ 19 จะหมดอายุสัญญาเช่าในปี 2561 
          การลงทุนเพิ่มเติมโดยการก่อหนี้: การรองรับการแปลงสภาพของกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ดังกล่าวน่าจะทำให้อัตราส่วนหนี้สินของ TREIT ซึ่งวัดจากหนี้สินสุทธิต่อมูลค่าทรัพย์สินเพื่อการลงทุน ลดลงมาอยู่ที่ประมาณร้อยละ 17 จากประมาณร้อยละ 21 ณ สิ้นเดือนมิถุนายน 2560 ฟิทช์ยังคงคาดว่าอัตราส่วนดังกล่าวน่าจะเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ร้อยละ 28-30 ในช่วง 2-3 ปีข้างหน้าตามนโยบายทางการเงินของ TREIT เดิม TREIT มีแผนที่จะลงทุนซื้อทรัพย์สินจำนวนประมาณ 750 ล้านบาทจากผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์รายอื่น ในช่วงปลายปี 2560 โดยจะใช้แหล่งเงินทุนจากการก่อหนี้ทั้งจำนวน แต่แผนการลงทุนดังกล่าวน่าจะถูกเลื่อนออกไป เนื่องจากแผนการรองรับการแปลงสภาพของกองทุนรวม 
          การกำหนดอันดับเครดิตโดยสรุป
          TREIT มีขนาดเล็กกว่าบริษัท ดับบลิวเอชเอ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ WHA (BBB+(tha)/แนวโน้มเครดิตเป็นลบ) ซึ่งเป็นหนึ่งในผู้นำของบริษัทพัฒนาและขายที่ดินในนิคมอุตสาหกรรมรวมถึงพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ให้เช่าเพื่อการอุตสาหกรรม ที่ออกแบบมาเพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าแต่ละราย (Built-to-Suit) ในประเทศไทย กำไรจากการดำเนินงานก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่าย (EBITDA) ของ TREIT จะยังคงน้อยกว่า WHA ประมาณร้อยละ 50 หลังจากการลงทุนในทรัพย์สินของกองทุนรวมที่แปลงสภาพ TREIT มีรายได้ในอนาคตที่มีความชัดเจนกว่าจากธุรกิจให้เช่าอสังหาริมทรัพย์ซึ่งมีสัญญาเช่ารองรับและไม่มีความเสี่ยงจากการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ด้วยตนเอง ส่วน WHA มีความเสี่ยงที่สูงจากการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ และมีประมาณร้อยละ 60 ของกำไรจากการดำเนินงานก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่ายต่อรายได้ (EBITDA) ที่มาจากการขายที่ดินในนิคมอุตสาหกรรมซึ่งต้องเผชิญกับวัฏจักรของความต้องการอสังหาริมทรัพย์ TREIT มีอัตราส่วนกำไรจากการดำเนินงานก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่ายต่อรายได้ (EBITDA Margin) ที่สูงกว่า WHA และมีอัตราส่วนหนี้สินที่ต่ำกว่า WHA แม้ว่าอัตราส่วนหนี้สินดังกล่าวมีแนวโน้มจะเพิ่มสูงขึ้นในอีก 2-3 ปีข้างหน้า ดังนั้น TREIT จึงมีอันดับเครดิตที่สูงกว่า WHA
          TREIT มีกำไรจากการดำเนินงานก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่าย (EBITDA) และขนาดของธุรกิจที่เล็กกว่า บริษัท ปูนซิเมนต์ไทย จำกัด (มหาชน) หรือ SCC (A(tha)/แนวโน้มอันดับเครดิตเป็นบวก) ซึ่งเป็นผู้ผลิตปูนซีเมนต์และผลิตภัณฑ์ปิโตรเคมีขั้นปลายที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในประเทศไทย และ บริษัท ปูนซีเมนต์นครหลวง จำกัด (มหาชน) หรือ SCCC (A(tha)/แนวโน้มอันดับเครดิตมีเสถียรภาพ) ซึ่งเป็นผู้ผลิตปูนซีเมนต์รายใหญ่อันดับสองของประเทศ ในขณะที่ TREIT มีรายได้ในอนาคตที่มีความชัดเจนสูง SCC และ SCCC ต้องเผชิญกับความต้องการสินค้าที่มีลักษณะเป็นวัฏจักรและความผันผวนของราคาสินค้าโภคภัณฑ์ นอกจากนี้ TREIT ยังมีอัตราส่วนกำไรจากการดำเนินงานก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่ายต่อรายได้ (EBITDA Margin) ที่สูงกว่า อย่างไรก็ตาม SCC และ SCCC มีอัตราส่วนหนี้สินที่ต่ำกว่า 
          สมมุติฐานที่สำคัญ
          สมมุติฐานที่สำคัญของฟิทช์ที่ใช้ในการประมาณการ (ก่อนการรองรับการแปลงสภาพของกองทุนรวม)
          - การลงทุนในทรัพย์สินเพิ่มเติมจำนวน 750 ล้านบาทในปี 2560 โดยใช้แหล่งเงินทุนจากการก่อหนี้ทั้งจำนวน และการลงทุนในทรัพย์สินเพิ่มเติมจำนวนประมาณ 2 พันล้านบาทต่อปีในปี 2561 และปี 2562 โดยใช้แหล่งเงินทุนจากการก่อหนี้ร้อยละ 30 ของเงินลงทุน
          - อัตราการต่ออายุสัญญาเช่าร้อยละ 85 และระยะเวลาในการหาผู้เช่าใหม่ 4-6 เดือน ในปี 2560-2562 
          - อัตราส่วนกำไรจากการดำเนินงานก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่ายต่อรายได้ (EBITDA Margin) ประมาณร้อยละ 75-80 ในปี 2560-2562 (6 เดือนแรกของปี 2560: ร้อยละ 77)
          - ไม่มีค่าใช้จ่ายเพื่อการลงทุนสำหรับการซ่อมแซมปรับปรุงขนาดใหญ่ และการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ในช่วงปี 2560-2562
          ปัจจัยที่อาจมีผลต่ออันดับเครดิตในอนาคต
          ปัจจัยบวก: 
          เครดิตพินิจแนวโน้มเป็นบวกจะได้รับการยกเลิกหลังจากธุรกรรมเสร็จสมบูรณ์ ซึ่งอาจจะใช้เวลามากกว่า 6 เดือนฟิทช์อาจมีการปรับเพิ่มแนวโน้มอันดับเครดิตหรืออันดับเครดิต หากมี
          - ขนาดของกองทรัสต์ที่ใหญ่ขึ้น โดยมีมูลค่าอสังหาริมทรัพย์เพื่อการลงทุนสูงกว่า 3 หมื่นล้านบาท และมีการกระจายตัวของผู้เช่าและพื้นที่เช่าที่มากขึ้น 
          - อัตราการเช่าพื้นที่อยู่ในระดับสูงกว่าร้อยละ 80 อย่างต่อเนื่อง 
          - อัตราส่วนหนี้สินสุทธิต่อมูลค่าทรัพย์สินเพื่อการลงทุนอยู่ที่ร้อยละ 20-25 (ณ สิ้นเดือนมิถุนายน 2560 อยู่ที่ร้อยละ 21) และ/หรือ อัตราส่วนหนี้สินสุทธิต่อกำไรจากการดำเนินงานก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่าย (Net Debt to EBITDA) อยู่ในระดับ 3.0 เท่าถึง 3.5 เท่า (ณ สิ้นเดือนมิถุนายน 2560 อยู่ที่ 3.5 เท่า) และ/หรือ อัตราส่วนกระแสเงินสดจากการดำเนินงานก่อนการเปลี่ยนแปลงในเงินทุนหมุนเวียนต่อดอกเบี้ยจ่ายและค่าเช่า (FFO Fixed Charge Coverage) สูงกว่า 3.5 เท่า (ณ สิ้นเดือนมิถุนายน 2560 อยู่ที่ 4.5 เท่า) อย่างต่อเนื่อง 
          ปัจจัยลบ: 
          หากแผนการแปลงสภาพของกองทุนรวมไม่ได้ดำเนินการเสร็จสมบูรณ์ แนวโน้มอันดับเครดิตจะถูกปรับกลับมาเป็นลบ
          สภาพคล่อง
          สภาพคล่องอยู่ในเกณฑ์ดี: ฟิทช์คาดว่า TREIT มีสภาพคล่องที่เพียงพอสำหรับการชำระดอกเบี้ยในช่วง 2-3 ปีข้างหน้า โดยมีอัตราส่วนกำไรจากการดำเนินงานก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่ายต่อดอกเบี้ยจ่าย (EBITDA / Interest paid) ในระดับสูงกว่า 4.5 เท่า TREIT คาดว่าค่าใช้จ่ายสำหรับการซ่อมบำรุงจะอยู่ในระดับที่ต่ำมากในช่วง 2-3 ปีข้างหน้า สภาพคล่องสำหรับการลงทุนใหม่น่าจะไดรับปัจจัยสนับสนุนจากความสามารถในการเข้าสู่ตลาดทุนและตราสารหนี้
          หนี้สินที่มีประกันอาจเพิ่มสูงขึ้น: TREIT มีแผนที่จะกู้ยืมเงินจำนวน 3.8 พันล้านบาท ในการรองรับการแปลงสภาพของกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งจะเป็นเงินกู้ยืมที่มีหลักประกัน ความสามารถในการได้รับชำระคืนหนี้ของเจ้าหนี้ไม่มีหลักประกันอาจได้รับผลกระทบหากอัตราส่วนหนี้สินที่มีหลักประกันต่อกำไรจากการดำเนินงานก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่ายต่อดอกเบี้ยจ่าย (Secured Debt to EBITDA) อยู่ในระดับสูงกว่า 2 เท่า ถึง 2.5 เท่า ซึ่งอาจส่งผลกระทบในทางลบต่ออันดับเครดิตสำหรับหนี้ไม่ด้อยสิทธิและไม่มีประกันได้
 
 
 

ข่าวกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์+อสังหาริมทรัพย์ไทคอนวันนี้

ภาพข่าว: หน่วยทรัสต์เพิ่มทุน TREIT เริ่มซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ฯ

เกศรา มัญชุศรี กรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย และพีระพัฒน์ ศรีสุคนธ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไทคอน แมนเนจเม้นท์ จำกัด ร่วมงานวันแรกของการซื้อขายหลักทรัพย์เพิ่มทุนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ของทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์และสิทธิการเช่าอสังหาริมทรัพย์ไทคอน (TREIT) ภายหลังเสร็จสิ้นกระบวนการแปลงสภาพกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ 3 กอง ซึ่งเป็นกองทรัสต์อุตสาหกรรมที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทยเมื่อวันที่ 28 ธันวาคม

TREIT ขึ้นแท่นกองทรัสต์ขนาดใหญ่ที่สุดในประเทศไทย ด้วยมูลค่าสินทรัพย์ 36,000 ล้านบาท

นายพีระพัฒน์ ศรีสุคนธ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไทคอน แมนเนจเม้นท์ จำกัด หรือ TMAN ในฐานะผู้จัดการกองทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์และสิทธิการเช่าอสังหาริมทรัพย์ไทคอน หรือ TREIT (TICON Freehold and Leasehold Real...

กองทุนบัวหลวงประกาศจ่ายปันผลกองทุนรวมอสัง... กองทุนบัวหลวงจ่ายปันผลกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ 3 กองทุน วันที่ 12 มิ.ย.นี้ — กองทุนบัวหลวงประกาศจ่ายปันผลกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ 3 กองทุน ได้แก่ กองทุน T...

บลจ.บัวหลวงจ่ายปันผล TFUND, TLOGIS และ FUTUREPF ประจำไตรมาส 3/2558 วันที่ 14 ธ.ค.นี้

นายสุทธิพงศ์ พัวพันธ์ประเสริฐ รองกรรมการผู้จัดการ กลุ่ม Real Estate & Infrastructure Investment บลจ.บัวหลวง จำกัด (กองทุนบัวหลวง) เปิดเผยว่า กองทุนบัวหลวงพร้อมจ่ายเงินปันผลกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ (Property Fund)...

บลจ.บัวหลวงจ่ายปันผลกองทุนรวมอสังหาฯ TFUND, TLOGIS และ FUTUREPF ประจำไตรมาสแรกปี 2558 รวดเดียวทั้ง 3 กอง หน่วยละ 0.16, 0.19 และ 0.316 บาท

นายสุทธิพงศ์ พัวพันธ์ประเสริฐ รองกรรมการผู้จัดการ กลุ่มธุรกิจ Real Estate & Infrastructure Investment บลจ.บัวหลวง จำกัด เปิดเผยว่า กองทุนบัวหลวงพร้อมจ่าย...

TREIT ทรัสต์เพื่อการลงทุนในคลังสินค้าและโรงงานให้เช่า เริ่มซื้อขาย 9 ม.ค. นี้

ทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์และสิทธิการเช่าอสังหาริมทรัพย์ไทคอน (TREIT) เข้าซื้อขายใน ตลท. 9 ม.ค. นี้ ด้วยมูลค่าเสนอขาย 3,425 ล้านบาท นับเป็นทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ (REIT) กองแรกที่เข้าจดทะเบียนในปี...

ภาพข่าว: TGROWTH ซื้อขายวันแรก

ชนิตร ชาญชัยณรงค์ รองผู้จัดการ สายงานผู้ออกหลักทรัพย์และบริษัทจดทะเบียน ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย แสดงความยินดีกับ วีรพันธ์ พูลเกษ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไทคอน อินดัสเทรียล คอนเน็คชั่น จำกัด (มหาชน) และ โชติกา สวนานนท์ กรรมการผู้อำนวยการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน ...

กองทุนรวมสิทธิการเช่าอสังหาริมทรัพย์ไทคอน อินดัสเทรียล โกรท (TGROWTH) เริ่มซื้อขาย 18 ธันวาคม นี้

กองทุนรวมสิทธิการเช่าอสังหาริมทรัพย์ไทคอน อินดัสเทรียล โกรท (TGROWTH) พร้อมซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ฯ 18 ธันวาคม นี้ ด้วยมูลค่ากองทุน 5,550 ล้านบาท เป็นกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์กองที่ 7 ที่เข้าจดทะเบียน...