ปภ.แนะวิธีป้องกันและข้อควรปฏิบัติเมื่อเครื่องยนต์ร้อนจัด...ลดเสี่ยงอุบัติเหตุ

ข่าวประชาสัมพันธ์ »

          กระทรวงมหาดไทย โดยกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) แนะวิธีป้องกันและข้อควรปฏิบัติ เมื่อเครื่องยนต์ร้อนจัด ดังนี้ หมั่นตรวจสอบระดับน้ำในหม้อน้ำอยู่เสมอ รวมถึงหมั่นเติมน้ำสะอาดและถ่ายน้ำในหม้อน้ำทิ้งทุกๆ 4 – 6 เดือน ขณะขับรถหากสังเกตเห็นมาตรวัดระดับความร้อนของเครื่องยนต์อยู่ใกล้ตัว Hแสดงว่าเครื่องยนต์ร้อนจัด ให้ปิดเครื่องปรับอากาศ นำรถจอดริมข้างทางในบริเวณที่ปลอดภัย จะช่วยลดความเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุ
          นายฉัตรชัย พรหมเลิศ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) กล่าวว่า ระบบระบายความร้อนของเครื่องยนต์ ถือเป็นระบบสำคัญของรถยนต์ที่ต้องดูแลรักษาอย่างสม่ำเสมอ เพื่อความปลอดภัย กระทรวงมหาดไทย โดยกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) ขอแนะวิธีป้องกันและข้อควรปฏิบัติเมื่อเครื่องยนต์ร้อนจัด ดังนี้ วิธีป้องกัน หมั่นตรวจสอบระดับน้ำในหม้อน้ำ กรณีรถใหม่ควรตรวจสอบสัปดาห์ละ 1 ครั้ง หากเป็นรถที่ใช้งานเกิน 5 ปี ควรตรวจสอบอย่างน้อย 2 – 3 ครั้งต่อสัปดาห์ หมั่นเติมน้ำสะอาดและถ่ายน้ำในหม้อน้ำทิ้งทุก 4 – 6 เดือน เพื่อป้องกันสิ่งสกปรกหรือตะกอนตกค้าง ทำให้หม้อน้ำอุดตัน หากตรวจพบรอยรั่วหรือสิ่งผิดปกติตามจุดต่างๆ ภายในเครื่องยนต์ เช่น ท่อยาง หม้อน้ำ ครีบรังผึ้ง วาล์วน้ำ ระบายความร้อน ปั๊มน้ำ เป็นต้น ควรให้ช่างดำเนินการซ่อมแซม วิธีปฏิบัติกรณีเครื่องยนต์ร้อนจัด หากสังเกตเห็นมาตรวัดระดับความร้อนของเครื่องยนต์อยู่ใกล้ตัว H แสดงว่า เครื่องยนต์ร้อนจัด ให้ปิดเครื่องปรับอากาศ นำรถจอดริมข้างทางในบริเวณที่ปลอดภัย รอจนรอบเครื่องยนต์คงที่ค่อยดับเครื่องยนต์ เพื่อป้องกันเครื่องยนต์ได้รับความเสียหาย จากนั้นให้เปิด ฝากระโปรงหน้ารถ เพื่อระบายความร้อน ห้ามเปิดฝาหม้อน้ำในขณะที่เครื่องยนต์ร้อนจัด เพราะไอน้ำอาจพุ่งออกมา ทำให้ได้รับบาดเจ็บ ควรรอจนเครื่องยนต์เริ่มเย็น จึงเปิดฝาหม้อน้ำ เติมน้ำเปล่าหรือน้ำยาหล่อเย็นอย่างช้าๆ จากนั้นให้นำรถไปให้ช่างที่ชำนาญการตรวจสอบ ทั้งนี้ การเรียนรู้วิธีป้องกัน และข้อควรปฏิบัติในการแก้ไขกรณีรถเครื่องยนต์ร้อนจัดอย่างถูกวิธี จะช่วยลดความเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุ และเพิ่มความปลอดภัยในการเดินทาง
 
 

ข่าวกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย+เครื่องปรับอากาศวันนี้

SME D Bank ออกมาตรการด่วนช่วยเอสเอ็มอีได้รับผลกระทบพายุ "บัวลอย" 'พักชำระหนี้-เติมทุนฉุกเฉิน' ลดภาระทางการเงิน ฟื้นฟูธุรกิจกลับมาเดินหน้าเร็ววัน

SME D Bank ออกมาตรการเร่งด่วน ช่วยเหลือผู้ประกอบการเอสเอ็มอีได้รับผลกระทบจากอิทธิพลพายุ "บัวลอย" ในพื้นที่ 18 จังหวัด ตามรายงานกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ให้สิทธิ์พักชำระหนี้เงินต้นและดอกเบี้ย สูงสุดไม่เกิน 12 เดือน ช่วยลดภาระทางการเงิน ควบคู่เติมทุนฉุกเฉิน ซ่อมแซมฟื้นฟูให้กิจการกลับมาเดินหน้าได้โดยเร็ว นายพิชิต มิทราวงศ์ กรรมการผู้จัดการ ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย (ธพว.) หรือ SME D Bank เปิดเผยว่า ธนาคารห่วงใยลูกค้าและผู้ประกอบการเอสเอ็มอีได้รับผลกระทบจากพายุ "บัวลอย"

บริษัท โทรคมนาคมแห่งชาติ จำกัด (มหาชน) หร... NT หนุนพัฒนาระบบแจ้งเตือนภัยแห่งชาติ "T-Alert" ยกระดับความปลอดภัยประชาชนทั่วประเทศ — บริษัท โทรคมนาคมแห่งชาติ จำกัด (มหาชน) หรือ NT เดินหน้าสนับสนุนการยกร...

สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) ได้ติ... เฝ้าระวังน้ำหลาก ดินโคลนถล่ม น้ำท่วมขัง น้ำล้นตลิ่ง และระดับน้ำแม่น้ำเจ้าพระยา — สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) ได้ติดตามการคาดการณ์สภาพอากาศพบว่า จะ...

ทรู ร่วม ปภ. พร้อมทดสอบระบบแจ้งเตือนภัย C... ชาวเชียงใหม่ อยุธยา อุดรฯ นครศรีฯ และกรุงเทพฯ เตรียมตัวให้พร้อม! — ทรู ร่วม ปภ. พร้อมทดสอบระบบแจ้งเตือนภัย Cell Broadcast ระดับจังหวัด 13 พ.ค. นี้ พร้อมย้...

กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) ร่วมกั... NT ยืนยันความพร้อม ร่วมทดสอบระบบแจ้งเตือนภัย Cell Broadcast ในพื้นที่จริง — กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) ร่วมกับหน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้อง ประกอบด้...

ชไนเดอร์ อิเล็คทริค ผู้นำด้านดิจิทัลทรานส... ชไนเดอร์ อิเล็คทริค แนะ 7 วิธี เช็กระบบไฟฟ้า เพิ่มความปลอดภัย รับมือหยุดยาวเทศกาลสงกรานต์ — ชไนเดอร์ อิเล็คทริค ผู้นำด้านดิจิทัลทรานส์ฟอร์เมชั่น ในการจัดก...