สภาวะตลาดวันที่ 28 กันยายน 2560 ราคาทองคำแกว่งตัวในกรอบที่ระดับ 1,277.26-1,284.86 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ขณะที่ราคาทองคำแท่ง 96.5% ภายในประเทศขายออกอยู่ที่ 20,300 บาทต่อบาททองคำ โดยราคาปรับตัวลดลง 50 บาท จากวันก่อนหน้าที่ระดับ 20,350 บาทต่อบาททองคำ ขณะที่โกลด์ฟิวเจอร์ส GFV17 อยู่ที่ 20,380 บาท โดยราคาปรับตัวลดลง 70 บาท จากวันก่อนหน้าที่ระดับ 20,450 บาท
(หมายเหตุ: ข้อมูลนี้จัดทำขึ้น ณ เวลา 15.43น. ของวันที่ 28/09/60)
แนวโน้มวันที่ 29 กันยายน 2560
ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ได้เสนอการปฏิรูปภาษีสหรัฐครั้งยิ่งใหญ่ที่สุดในรอบ 3 ทศวรรษ โดยเสนอลดภาษีให้แก่ ชาวอเมริกันส่วนใหญ่ แม้ว่าจะทำให้เกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์ว่า แผนดังกล่าวเอื้อหนุนกลุ่มคนร่ำรวย และบริษัทต่างๆ และอาจจะทำให้ยอดขาดดุลเพิ่มขึ้นหลายล้านล้านดอลลาร์ แต่ดัชนีดอลลาร์ทะยานขึ้นตอบรับประเด็นดังกล่าว ขณะที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐประเภท 10 ปีพุ่งขึ้นแตะ 2.344% ในวันนี้ ซึ่งถือเป็นจุดสูงสุดนับตั้งแต่กลางเดือนก.ค. ทั้งนี้นักลงทุนจับตาความคืบหน้าประเด็นการปฏิรูปภาษีสหรัฐ เพื่อใช่เป็นปัจจัยชี้นำราคาทองคำ อย่างไรก็ตามร่างกฎหมายนี้อาจเผชิญกับความยากลำบากในการผ่านความเห็นชอบจากสภาคองเกรส เพราะว่าสมาชิกพรรครีพับลิกันของปธน.ทรัมป์มีความเห็นแตกแยกกันต่อร่างกฎหมายนี้ และสมาชิกพรรคเดโมแครตต่อต้านร่างกฎหมายนี้เช่นกัน ขณะที่นักลงทุนจีนส่วนใหญ่ชะลอการลงทุนก่อนช่วงวันหยุดยาวในสัปดาห์หน้าเนื่องในวันชาติ ประกอบกับข้อมูลของสำนักงานสำมะโนประชากรและสถิติของฮ่องกงระบุว่า การนำเข้าทองคำสุทธิของจีนผ่านฮ่องกงร่วงลงสู่ระดับ 32.567 ตันในเดือนส.ค. จากระดับ 71.777 ตันในเดือน ก.ค. ซึ่งดิ่งลงประมาณ 55% ขณะที่ข้อมูลเศรษฐกิจจีนที่ไร้ทิศทางในเดือนส.ค.ทำให้นักลงทุนจับตาทิศทางการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจของจีน รวมทั้งรอดูข้อมูลเศรษฐกิจประจำไตรมาส 3 ในช่วงไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้า เบื้องต้นวายแอลจีประเมินแนวรับที่บริเวณ 1,273 ดอลลาร์ต่อออนซ์ หากราคาทองคำสามารถยืนเหนือโซนดังกล่าวได้มีโอกาสที่ราคาจะขึ้นทดสอบแนวต้าน แต่หากไม่สามารถยืนได้มีโอกาสอ่อนตัวลงทดสอบแนวรับสำคัญบริเวณ 1,266 ดอลลาร์ต่อออนซ์ อย่างไรก็ตามนักลงทุนควรติดตามความเคลื่อนไหวของค่าเงินบาทต่อดอลลาร์ที่เริ่มกลับมาอ่อนค่าตามสกุลเงินส่วนใหญ่ในภูมิภาค ซึ่งส่งผลบวกต่อราคาทองคำในประเทศ
กลยุทธ์การลงทุน วายแอลจีมีมุมมองว่า หากราคาทองคำไม่สามารถผ่านแนวต้าน 1,296 ดอลลาร์ต่อออนซ์ได้จะทำให้ราคาทองคำอ่อนตัวลงมาได้อีก โดยหากราคาทองคำสามารถยืนเหนือแนวรับ 1,273 ดอลลาร์ต่อออนซ์ได้อย่างแข็งแกร่ง คาดว่าราคาน่ากลับขึ้นไปทดสอบแนวต้านอีกครั้ง เน้นการซื้อขายทำกำไรจากการแกว่งตัว เพราะหากยืนไม่ได้ต้องระมัดระวังแรงขายที่ออกมาอาจทำให้ราคาย่อตัวลงสู่แนวรับถัดไป สำหรับผู้ที่ไม่มีทองคำในมือรอดูบริเวณ 1,273 หรือ 1,266 ดอลลาร์ต่อออนซ์ หากสามารถยืนได้อย่างมั่นคง ถือเป็นจุดซื้อเก็งกำไรอีกครั้ง แต่หากราคาหลุดแนวรับ 1,266 ดอลลาร์ต่อออนซ์ แนะนำให้ชะลอการลงทุนเพื่อรอดูสถานการณ์
ทองคำแท่ง (96.50%)
แนวรับ 1,280 (20,200บาท) 1,273 (20,100บาท) 1,266 (20,000บาท)
แนวต้าน 1,307 (20,650บาท) 1,313 (20,750บาท) 1,320 (20,850บาท)
GOLD FUTURES (GFV17)
แนวรับ 1,280 (20,350บาท) 1,273 (20,240บาท) 1,266 (20,130บาท)
แนวต้าน 1,307 (20,780บาท) 1,313 (20,880บาท) 1,320 (20,990บาท)
หากต้องการทราบทิศทางราคาทองคำและแนวทางลงทุนทองคำ ขอคำปรึกษาเพิ่มเติมจากทีมที่ปรึกษาการลงทุนด้านโกล์ดฟิวเจอร์ส โทร.02-687-9999
(หมายเหตุ: ข้อมูลนี้จัดทำขึ้น ณ เวลา 15.43น. ของวันที่ 28/09/60)
แนวโน้มวันที่ 29 กันยายน 2560
ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ได้เสนอการปฏิรูปภาษีสหรัฐครั้งยิ่งใหญ่ที่สุดในรอบ 3 ทศวรรษ โดยเสนอลดภาษีให้แก่ ชาวอเมริกันส่วนใหญ่ แม้ว่าจะทำให้เกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์ว่า แผนดังกล่าวเอื้อหนุนกลุ่มคนร่ำรวย และบริษัทต่างๆ และอาจจะทำให้ยอดขาดดุลเพิ่มขึ้นหลายล้านล้านดอลลาร์ แต่ดัชนีดอลลาร์ทะยานขึ้นตอบรับประเด็นดังกล่าว ขณะที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐประเภท 10 ปีพุ่งขึ้นแตะ 2.344% ในวันนี้ ซึ่งถือเป็นจุดสูงสุดนับตั้งแต่กลางเดือนก.ค. ทั้งนี้นักลงทุนจับตาความคืบหน้าประเด็นการปฏิรูปภาษีสหรัฐ เพื่อใช่เป็นปัจจัยชี้นำราคาทองคำ อย่างไรก็ตามร่างกฎหมายนี้อาจเผชิญกับความยากลำบากในการผ่านความเห็นชอบจากสภาคองเกรส เพราะว่าสมาชิกพรรครีพับลิกันของปธน.ทรัมป์มีความเห็นแตกแยกกันต่อร่างกฎหมายนี้ และสมาชิกพรรคเดโมแครตต่อต้านร่างกฎหมายนี้เช่นกัน ขณะที่นักลงทุนจีนส่วนใหญ่ชะลอการลงทุนก่อนช่วงวันหยุดยาวในสัปดาห์หน้าเนื่องในวันชาติ ประกอบกับข้อมูลของสำนักงานสำมะโนประชากรและสถิติของฮ่องกงระบุว่า การนำเข้าทองคำสุทธิของจีนผ่านฮ่องกงร่วงลงสู่ระดับ 32.567 ตันในเดือนส.ค. จากระดับ 71.777 ตันในเดือน ก.ค. ซึ่งดิ่งลงประมาณ 55% ขณะที่ข้อมูลเศรษฐกิจจีนที่ไร้ทิศทางในเดือนส.ค.ทำให้นักลงทุนจับตาทิศทางการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจของจีน รวมทั้งรอดูข้อมูลเศรษฐกิจประจำไตรมาส 3 ในช่วงไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้า เบื้องต้นวายแอลจีประเมินแนวรับที่บริเวณ 1,273 ดอลลาร์ต่อออนซ์ หากราคาทองคำสามารถยืนเหนือโซนดังกล่าวได้มีโอกาสที่ราคาจะขึ้นทดสอบแนวต้าน แต่หากไม่สามารถยืนได้มีโอกาสอ่อนตัวลงทดสอบแนวรับสำคัญบริเวณ 1,266 ดอลลาร์ต่อออนซ์ อย่างไรก็ตามนักลงทุนควรติดตามความเคลื่อนไหวของค่าเงินบาทต่อดอลลาร์ที่เริ่มกลับมาอ่อนค่าตามสกุลเงินส่วนใหญ่ในภูมิภาค ซึ่งส่งผลบวกต่อราคาทองคำในประเทศ
กลยุทธ์การลงทุน วายแอลจีมีมุมมองว่า หากราคาทองคำไม่สามารถผ่านแนวต้าน 1,296 ดอลลาร์ต่อออนซ์ได้จะทำให้ราคาทองคำอ่อนตัวลงมาได้อีก โดยหากราคาทองคำสามารถยืนเหนือแนวรับ 1,273 ดอลลาร์ต่อออนซ์ได้อย่างแข็งแกร่ง คาดว่าราคาน่ากลับขึ้นไปทดสอบแนวต้านอีกครั้ง เน้นการซื้อขายทำกำไรจากการแกว่งตัว เพราะหากยืนไม่ได้ต้องระมัดระวังแรงขายที่ออกมาอาจทำให้ราคาย่อตัวลงสู่แนวรับถัดไป สำหรับผู้ที่ไม่มีทองคำในมือรอดูบริเวณ 1,273 หรือ 1,266 ดอลลาร์ต่อออนซ์ หากสามารถยืนได้อย่างมั่นคง ถือเป็นจุดซื้อเก็งกำไรอีกครั้ง แต่หากราคาหลุดแนวรับ 1,266 ดอลลาร์ต่อออนซ์ แนะนำให้ชะลอการลงทุนเพื่อรอดูสถานการณ์
ทองคำแท่ง (96.50%)
แนวรับ 1,280 (20,200บาท) 1,273 (20,100บาท) 1,266 (20,000บาท)
แนวต้าน 1,307 (20,650บาท) 1,313 (20,750บาท) 1,320 (20,850บาท)
GOLD FUTURES (GFV17)
แนวรับ 1,280 (20,350บาท) 1,273 (20,240บาท) 1,266 (20,130บาท)
แนวต้าน 1,307 (20,780บาท) 1,313 (20,880บาท) 1,320 (20,990บาท)
หากต้องการทราบทิศทางราคาทองคำและแนวทางลงทุนทองคำ ขอคำปรึกษาเพิ่มเติมจากทีมที่ปรึกษาการลงทุนด้านโกล์ดฟิวเจอร์ส โทร.02-687-9999