สยามกลการอุตสาหกรรม เดินเกมส์รุกธุรกิจโลจิสติกส์ครบวงจรจับมือ JWD ร่วมทุนตั้ง บริษัท “SIAM JWD Logistics” เจาะอุตสาหกรรมชิ้นส่วนยานยนต์ รับงานในเครือสยามกลการ พร้อมลุยขยายฐานลูกค้าใหม่นอกเครือ ตั้งเป้าเจาะตลาดอาเซียนในอนาคต
นายประธานวงศ์ พรประภา กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท สยามกลการอุตสาหกรรม จำกัด เปิดเผยว่า บริษัทวางแผนจะขยายธุรกิจไปยังธุรกิจด้านโลจิสติกส์ชิ้นส่วนยานยนต์แบบครบวงจรซึ่งที่ผ่านมาได้ทำการศึกษาแนวทางและความเป็นไปได้เกี่ยวกับธุรกิจมาโดยตลอด จนกระทั่งได้มีการเจรจากับพันธมิตรจนได้ข้อสรุปในการจัดตั้ง บริษัท สยามเจดับเบิ้ลยูดี โลจิสติกส์ จำกัด (SIAM JWD) ร่วมกับบริษัท เจดับเบิ้ลยูดี อินโฟโลจิสติกส์ จำกัด (มหาชน)(JWD)
"การขยายธุรกิจของบริษัทในครั้งนี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงานด้านโลจิสติกส์อย่างครบวงจรให้กับธุรกิจผลิตชิ้นส่วนยานยนต์ในเครือสยามกลการ และยังเป็นการเตรียมความพร้อมรองรับนโยบายของภาครัฐที่กำหนดให้อุตสาหกรรมยานยนต์และชิ้นส่วนยานยนต์เป็น 1 ใน 10 อุตสาหกรรมขับเคลื่อนเศรษฐกิจแห่งอนาคต (New S-Curve) โดยมุ่งพัฒนาสู่อุตสาหกรรมรถยนต์ไฟฟ้าที่ต้องใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรมเพื่อเพิ่มขีดความสามารถการแข่งขัน อีกทั้งยังเป็นการรักษาตำแหน่งผู้นำฐานผลิตและส่งออกอุตสาหกรรมยานยนต์"นายประธานวงศ์ กล่าว
ทั้งนี้ความร่วมมือดังกล่าวเป็นการนำจุดเด่นในการดำเนินงานของทั้ง 2 ฝ่าย มาก่อให้เกิดความร่วมมือในการดำเนินธุรกิจภายใต้แนวคิด REDEFINING LOGISTICS เพื่อสร้างบริการโลจิสติกส์รูปแบบใหม่เหมาะสำหรับลูกค้าแต่ละราย เน้นการวิเคราะห์ทำความเข้าใจระบบโลจิสติกส์ของลูกค้า ใช้ความยืดหยุ่นในการบริหารจัดการทรัพยากรต่างๆแบบองค์รวม สามารถตอบโจทย์การจัดส่งสินค้าและชิ้นส่วนยานยนต์ของบริษัทในเครือสยามกลการ ตลอดจนธุรกิจอื่นๆ และส่งมอบความต่อเนื่องในการบริหารห่วงโซ่อุปทาน สร้างคุณค่าเสริมและเพิ่มโอกาสทางธุรกิจ ได้อย่างรวดเร็วและมีต้นทุนที่คุ้มค่า
SIAM JWD เริ่มงานบริการภายในเครือสยามกลการ กับ สยาม จีเอสยัวซ่าส์ เพื่อขนส่งแบตเตอรี่ให้แก่ดีลเลอร์ทั่วประเทศ รวมถึงงานบริหารจัดการขนส่งรถบรรทุกแร่แบรนด์ Komastu (Komatsu mining equipments) จากท่าเรือและจัดส่งไปยังเหมืองแร่แม่เมาะ ในจังหวัดลำปาง นอกจากนี้บริษัทยังมีแผนขยายตลาดไปสู่การให้บริการลูกค้าที่อยู่นอกเครือสยามกลการเพื่อสร้างการเติบโตอย่างต่อเนื่อง และขยายตลาดไปสู่ระดับอาเซียนในอนาคต
ด้านนายชวนินทร์ บัณฑิตกฤษดา ประธานกรรมการบริหารและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เจดับเบิ้ลยูดี อินโฟโลจิสติกส์ จำกัด (มหาชน)หรือ JWD ผู้นำธุรกิจให้บริการโลจิสติกส์ภาคพื้นดินอย่างครบวงจร เปิดเผยว่า ภาพรวมของอุตสาหกรรมให้บริการโลจิสติกส์ชิ้นส่วนยานยนต์มีแนวโน้มเติบโตได้ดี เนื่องจากประเทศไทยเป็นฐานการผลิตชิ้นส่วนยานยนต์ที่สำคัญของภูมิภาคอาเซียน ประกอบกับ JWD มีวิชั่นที่จะขยายฐานลูกค้าจากการให้บริการด้านโลจิสติกส์แก่ผู้ผลิตยานยนต์รายคัน ไปสู่ผู้ผลิตชิ้นส่วนยานยนต์หรืออะไหล่ในกลุ่ม Teir1 Teir2 และ Teir3 ดังนั้น JWD จึงร่วมกับบริษัท สยามกลการอุตสาหกรรม จำกัด ในเครือสยามกลการ ผู้ผลิตชิ้นส่วนยานยนต์รายใหญ่ของไทย ตั้งบริษัทร่วมทุนภายใต้ชื่อ บริษัท สยามเจดับเบิ้ลยูดี โลจิสติกส์ จำกัด เมื่อปลายปีที่ผ่านมา มีทุนจดทะเบียน 20 ล้านบาท โดยสยามกลการอุตสาหกรรม (ในนามคุณประธานวงศ์ พรประภา) ถือหุ้น 52.5% JWD ถือหุ้น 42.5% (ในนามบริษัท ออโต้ ลอจิค จำกัดในเครือ JWD) และอีก 5% ถือหุ้นในนามบุคคล เพื่อให้บริการด้านโลจิสติกส์แก่อุตสาหกรรมชิ้นส่วนยานยนต์รวมถึงธุรกิจในเครือสยามกลการและอุตสาหกรรมทั่วไป
ทั้งนี้ JWD มีประสบการณ์ยาวนานกว่า 10 ปีที่ให้บริการโลจิสติกส์ให้แก่ผู้ผลิตยานยนต์ ทั้งภายในพื้นที่คลังสินค้าของ JWDและแบบ On-Site Service ภายในพื้นที่โรงงานของลูกค้า ครอบคลุมตั้งแต่การลานจอดพักรถยนต์ บริหารจัดการคลังชิ้นส่วนยานยนต์และการจัดส่งสินค้าไปถึงจุดหมายปลายทาง ทั้งนี้ JWD ได้นำเทคโนโลยีซอฟท์แวร์มาใช้เพิ่มประสิทธิภาพบริหารจัดการทุกกระบวนการโลจิสติกส์เพื่อความรวดเร็วแม่นยำ ซึ่งปัจจุบันบริษัท สยาม เจดับเบิ้ลยูดี โลจิสติกส์ จำกัด ได้เข้าไปรับบริหารจัดการด้านโลจิสติกส์แก่โรงงานผลิตชิ้นส่วนยานยนต์ในเครือสยามกลการแล้ว ได้แก่ งานขนส่งรถบรรทุกแร่แบรนด์ Komatsu (Komatsu mining equipments) จากท่าเรือไปยังเหมืองแม่เมาะซึ่งต้องใช้เทคนิคพิเศษในการขนย้าย และการขนส่งแบตเตอรี่เพื่อการส่งออก และกระจายสู่ดีลเลอร์ทั่วประเทศ
สำหรับการร่วมทุนครั้งนี้ตั้งเป้าว่า สยาม เจดับเบิ้ลยูดี โลจิสติกส์ จะมีรายได้ในปีแรกกว่า 50 ล้านบาท จากการให้บริการแก่ลูกค้าบางส่วนในเครือสยามกลการ โดยมีแผนขยายการรับบริหารจัดการด้านโลจิสติกส์ ไปยังโรงงานผลิตชิ้นส่วนยานยนต์แห่งอื่นๆ ของเครือสยามกลการ ภายใน2-3 ปีนี้ รวมถึงมีแผนขยายการรับงานไปยังลูกค้าใหม่ๆที่อยู่นอกเครือสยามกลการ เพื่อผลักดันการดำเนินธุรกิจของบริษัทร่วมทุนเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง
