ร.อ.นพ.สมชาย ธนะสิทธิชัย ผู้ช่วยผู้อำนวยการด้านการพัฒนาคุณภาพโรงพยาบาล และหัวหน้ากลุ่มงานวิจัย สถาบันมะเร็งแห่งชาติ กล่าวว่า ปัจจุบันมะเร็งเต้านมถือเป็นโรคมะเร็งที่พบมากเป็นอันดับ 1 ในเพศหญิง โดยผู้หญิงที่อยู่ในวัยเจริญพันธุ์ทุกช่วงอายุมีความเสี่ยงที่จะเป็นโรคนี้ได้ทุกคน จึงแนะนำให้หมั่นสังเกตความผิดปกติ และตรวจสุขภาพเต้านมเป็นประจำซึ่งปัจจุบันวิธีตรวจคัดกรองมะเร็งเต้านมในเบื้องต้นมีอยู่ด้วยกัน 2 วิธี คือ การตรวจด้วยบุคลากรทางแพทย์โดยใช้การคลำ และการตรวจแมมโมแกรม

คำแนะนำเหล่านี้เป็นผลการศึกษาจากประเทศฝั่งตะวันตก ซึ่งผู้หญิงกลุ่มนี้มีลักษณะ เนื้อเต้านมไม่หนาแน่น มีส่วนประกอบของไขมันเป็นส่วนใหญ่ เมื่อมีความผิดปกติของมะเร็งจะเห็นได้ชัดเจนด้วยการตรวจแมมโมแกรมเพียงอย่างเดียว ส่วนผู้หญิงไทยหรือเอเชียมีลักษณะเนื้อเต้านมที่หนาแน่นกว่า มีไขมันน้อยกว่า ทำให้เห็นความผิดปกติของมะเร็งได้ยากขึ้น ดังนั้น ในประเทศไทยมักต้องใช้เครื่องอัลตร้าซาวด์ตรวจร่วมด้วย ซึ่งประเทศทางตะวันตกจะใช้การตรวจทั้งสองวิธีร่วมกันก็ต่อเมื่อต้องการวินิจฉัยความผิดปกติภายหลังการตรวจคัดกรองเบื้องต้นเท่านั้น ทำให้การตรวจคัดกรองมะเร็งเต้านมของไทยมีค่าใช้จ่ายที่สูงขึ้น และจำเป็นต้องใช้รังสีแพทย์ที่มีจำกัดในการทำ
อัลตร้าซาวด์
นอกจากนี้ยังมีรายงานวิจัยประเมินความคุ้มค่าในการใช้แมมโมแกรม เพื่อคัดกรองมะเร็งเต้านมระดับประชากรของประเทศในเอเชียพบด้วยว่า ประเทศที่เหมาะสมใช้วิธีนี้ควรมีอุบัติการณ์ของโรคไม่ต่ำกว่า 45 คนต่อแสนประชากร โดยชาติตะวันตก เช่น อังกฤษ สหรัฐ หรือชาติแถบสแกนดิเนเวียอยู่ที่ประมาณ 100 ต่อแสนประชากร ขณะที่อุบัติการณ์ของโรคนี้ในประเทศไทยถึงแม้ว่าช่วง 20 ปีที่ผ่านมา มีอัตราการเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง แต่เมื่อเทียบแล้วยังต่ำกว่าถึง 3-4 เท่า โดยสถิติปี 2555 อยู่ที่ 28.5 คนต่อแสนประชากรเท่านั้น


เต้านมแบบใหม่ ด้วยการตรวจสารบ่งชี้ในเลือดมาตั้งแต่ปี 2558 โดยได้รับเงินทุนสนับสนุนจากภาคเอกชนหลายแห่ง อาทิ บริษัท ไอ.ซี.ซี อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) โดยผลิตภัณฑ์ชุดชั้นในสตรี "วาโก้" และบริษัท ไทยวาโก้ จำกัด (มหาชน) และยังคงเปิดรับการอุดหนุนอย่างต่อเนื่อง

"งานวิจัยนี้ถือได้ว่าเป็นโครงการที่มีศักยภาพและขณะนี้อยู่ระหว่างการพัฒนาเพิ่มจำนวนกลุ่มตัวอย่าง และทดสอบความแม่นยำของสารดังกล่าว หากงานวิจัยประสบผลคาดว่าจะช่วยให้ประเทศไทยมีวิธีการตรวจคัดกรองมะเร็งเต้านมแบบใหม่ ซึ่งหญิงไทยสามารถเข้าถึงได้ง่ายเหมือนการตรวจสุขภาพประจำปี หากพบผลผิดปกติ ค่อยไปตรวจวินิจฉัยด้วยแมมโมแกรมและการตรวจอื่นๆ ต่อไป
เพื่อวางแผนในการรักษา ซึ่งจะทำให้เราใช้ทรัพยากรทางการแพทย์ของไทยได้อย่างคุ้มค่ามากขึ้น" นพ.สมชาย ทิ้งท้าย
สำหรับผู้สนใจสมทบทุนงานวิจัย ติดต่อ โทร. 0 2202 6800 ต่อ 1509 "กองทุนเพื่อสนับสนุนการวิจัยและดูแลผู้ป่วย" โดยนายแพทย์สมชาย ธนะสิทธิชัย มูลนิธิสถาบันมะเร็งแห่งชาติ