ภายหลังถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจจับได้ ชายคนดังกล่าว อ้างว่าทำไปเพราะเกิดความหวาดระแวง กลัวถูกทำร้ายเวลามีคนเดินเข้ามาใกล้หรือเดินสวนกันนั้น
ผู้สื่อข่าวกองบรรณาธิการ www.medhubnews.com เว็บไซต์สุขภาพของคนรุ่นใหม่ และ เพจ sasook รายงานว่า วันนี้ ( 23 มกราคม 2561 ) ทางนาวาอากาศรีนายแพทย์บุญเรือง ไตรเรืองวรวัฒน์ อธิบดีกรมสุขภาพจิต ให้สัมภาษณ์ว่า
จากลักษณะอาการของชายรายนี้ในเบื้องต้นเข้าข่ายของผู้ที่มีลักษณะความผิดปกติทางจิตคือมีอาการหวาดระแวง ซึ่งน่าจะเกิดจากการทำงานผิดปกติสมอง มีความจำเป็นต้องได้รับการบำบัดรักษาตามมาตรา 22 ของพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.)สุขภาพจิตพ.ศ. 2551
กล่าวคือมีความผิดปกติอย่างใดอย่างหนึ่งใน 5 ลักษณะอาการปรากฎออกมา ดังต่อไปนี้ 1.หูแว่ว 2. เห็นภาพหลอน 3. หวาดระแวงไร้เหตุผล 4. คิดว่าตนเองมีความสามารถเหนือคนอื่น เช่น เป็นบุคคลสำคัญ เป็นเทพเทวดา
หรือ 5. แต่งกายแปลกกว่าคนปกติ ร่วมกับมีพฤติกรรมที่มีแนวโน้มจะเป็นอันตรายทั้งต่อตนเองผู้อื่นและสังคมได้แก่ พยายามฆ่าตัวตาย ทำร้ายตนเอง หรือทำร้ายคนอื่น
หากประชาชนพบเห็นผู้ที่มีลักษณะอาการและพฤติกรรมที่กล่าวมา ขอให้รีบแจ้งเจ้าหน้าที่ใกล้ตัว หรือที่สายด่วนการแพทย์ฉุกเฉิน1669 หรือสายด่วนตำรวจ 191 เพื่อให้เจ้าหน้าที่นำตัวเข้ารับการบำบัดรักษาตามเจตนารมณ์ของกฎหมายฉบับนี้อย่างมีมาตรฐานและปลอดภัย เพื่อคุ้มครองความปลอดภัยให้แก่ผู้ป่วยและสังคมด้วย
ด้านดร.แพทย์หญิงเบ็ญจมาส พฤกษ์กานนท์ ผู้อำนวยการกองยุทธศาสตร์และแผนงาน กรมสุขภาพจิต กล่าวว่าตามกฎหมายฯ ในการนำตัวผู้มีความผิดปกติทางจิตที่มีภาวะอันตรายต่อผู้อื่นและตนเอง ให้ส่งรักษาในโรงพยาบาลภาครัฐที่อยู่ใกล้บ้าน โดยจะปฏิบัติการเป็นทีมร่วมกันทั้งบุคลากรด้านสุขภาพจิตที่เป็นพนักงานเจ้าหน้าที่ตามพ.ร.บ.สุขภาพจิต ตำรวจหรือฝ่ายปกครอง
เช่น นายอำเภอ บุคลากรด้านการแพทย์ฉุกเฉินรวมถึงอาสาสมัคร มูลนิธิกู้ชีพกู้ภัยที่เป็นเครือข่ายใน ระบบการแพทย์ฉุกเฉินแพทย์ และพยาบาลจะทำการพิจารณาว่าต้องส่งตัวไปในสถานบำบัดรักษาผู้ที่มีความผิดปกติทางจิตตามกฎหมายฉบับนี้หรือไม่
ปัจจุบันมีโรงพยาบาลที่ขึ้นทะเบียนเป็นสถานบำบัดรักษา 96 แห่งทั่วประเทศ ประกอบด้วยโรงพยาบาลสังกัดกรมสุขภาพจิต 19 แห่ง โรงพยาบาลศูนย์และโรงพยาบาลทั่วไปจำนวน 77 แห่งรวมทั้งในกทม.ด้วย 3 แห่งคือ โรงพยาบาลราชวิถี วชิรพยาบาล และโรงพยาบาลรามาธิบดี
สำหรับ ในกรณีของชายรายนี้ที่ก่อเหตุใช้ไขควงทำร้ายคนอื่นนั้น เมื่อเข้าสู่สถานบำบัดรักษาแล้ว ทีมสหวิชาชีพ ซึ่งเป็นคณะกรรมการบำบัดรักษา ประกอบด้วยอย่างน้อย 5 สาขา
ได้แก่ จิตแพทย์ แพทย์ พยาบาลจิตเวช นักจิตวิทยาคลินิก หรือ นักสังคมสงเคราะห์ และ นักกฎหมาย ต้องทำการตรวจประเมินวินิจฉัยยืนยันอาการความผิดปกติทางจิตร่วมกัน
หากพบว่ามีอาการป่วยทางจิต ก็จะได้รับการบำบัดรักษาให้หายหรือบรรเทาอาการจนไม่เป็นอันตรายต่อตนเองและสังคม หลายโรคหากได้รับการรักษาตั้งแต่แรกเริ่มมีอาการมีโอกาสหายขาดได้
และเมื่อบำบัดจนพ้นจากภาวะอันตรายแล้ว ผู้ป่วยก็จะเข้าสู่ระบบการดูแลปกติคืออยู่ในครอบครัวหรืออยู่ที่สถานคุ้มครองคนไร้ที่พึ่งในกรณีเป็นผู้ไม่มีญาติ ไม่มีที่พักอาศัย
ส่วนในกรณีที่เป็นผู้ที่ก่อคดีทำร้ายร่างกายผู้อื่นด้วย ก็จะได้รับการประเมินว่ามีศักยภาพในการต่อสู้คดีหรือไม่ตามกระบวนทางกฎหมาย
ทั้งนี้ ผู้ที่มีความผิดปกติทางจิตมักจะพบบ่อยใน 9 กลุ่มโรคทางจิตเวช ได้แก่ 1.โรคจิตเภท ( Schizophrenia) 2. โรคอารมณ์แปรปรวน (Bipolar disorder) หรือโรคอารมณ์สองขั้ว 3.โรคซึมเศร้า (depressive disorder) 4. โรคสติปัญญาบกพร่อง ( Mental retardation) 5. โรคสมองเสื่อม ( Dementia) 6.ภาวะแอลกอฮอล์เป็นพิษ ( Alcohol intoxication) 7. ภาวะเพ้อจากการถอนสุรา( Delirium tremens) พบในกลุ่มที่ติดเหล้าและหยุดดื่มอย่างกะทันหัน 8. โรคลมชัก ( Epilepsy ) ที่มีอาการทางจิตร่วมด้วย และ 9.ผู้ที่มีความผิดปกติทางบุคลิกภาพ (Personal disorder) เช่น เกเร ขาดคุณธรรม สาเหตุส่วนใหญ่ร้อยละ 90 เกิดจากการขาดยาและใช้สุราหรือสารเสพติดร่วมด้วย
จากสถิติในรอบ 6 ปีตั้งแต่พ.ศ. 2555-2561มีผู้ป่วยจิตเวชที่ได้รับแจ้งและออกปฏิบัติการช่วยเหลือตามระบบสายด่วนการแพทย์ฉุกเฉิน 1669 รวมทั้งหมด 79,864 ครั้ง ซึ่งเพิ่มขึ้นจาก 11,266 ครั้งในปี 2551เป็น 15,697 ครั้งในปี 2560
"สถาบันราชานุกูล" เร่งพัฒาเป็น "ศูนย์กลางรักษาเด็กป่วยทางจิตเวชระดับโลก"
รพ.จิตเวช ยุค 4.0 มีทั้ง ศูนย์คาร์แคร์ ร้านกาแฟ ของที่ระลึก อุดหนุน แถมได้บุญ
“กรมสุขภาพจิต” คว้ารางวัลเลิศรัฐ ประจำปี 2561 จาก กพร. ระดับประเทศยอดเยี่ยม
"จิตแพทย์" แนะจับสัญญานเตือน "เฟสบุ๊ค ไอจี" แหล่งระบายอารมณ์ผู้ฆ่าตัวตาย
"กรมสุขภาพจิตจับมือเอไอเอส สร้าง“สตาร์ทอัพ”ผู้บกพร่องทางสติปัญญายุค 4.0 ปลูกผักอินทรีย์ขายทางแอพฯ"
ทั่วโลกประหลาดใจ "ทีมหมูป่า 13 ชีวิต" ฉลาดยึดสมาธิพาชีวิตรอดปลอดภัย
กรมสุขภาพจิต แนะ 10 เคล็ดลับ ช่วยนอนหลับได้ดี
กรมสุขภาพจิต เผย วัยรุ่น กทม.และปริมณฑล ครึ่งหนึ่ง ผูกติดความสุขตัวเองไว้กับแฟน แนะ ครอบครัวและครูช่วยเสริมทักษะชีวิต ใส่ใจ ป้องกันพฤติกรรมเสี่ยง