บิ๊กเกษตรฯ เดินสายเสริมแข็งทีมกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ระดับพื้นที่ เร่งขับเคลื่อนนโยบายมุ่งเป้าล้างบัญชีเกษตรกรพ้นจากคนยากจนในปี 70 “รมต.กฤษฏา”ฝาก 4 กฎเหล็กหวังพลิกโฉมการทำงานกระทรวงเกษตรฯ

ข่าวประชาสัมพันธ์ »

          วันนี้ (24 ม.ค.61) เวลา 09.00 น. นายกฤษฏา บุญราช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ นายลักษณ์ วจนานวัช รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ นายวิวัฒน์ ศัลยกำธร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ พร้อมด้วยผู้บริหารกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ลงพื้นที่ร่วมประชุมสัมมนา "การขับเคลื่อนนโยบายกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ในระดับพื้นที่สู่การปฏิบัติ" ณ โรงแรมสุนีย์ แกรนด์ จังหวัดอุบลราชธานี เพื่อชี้แจงนโยบายการดำเนินงานของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์แก่ผู้ปฏิบัติงานในระดับพื้นที่ และเพื่อให้ผู้ปฏิบัติงานในพื้นที่บูรณาการการทำงานร่วมกับภาคส่วนต่าง ๆ รวมทั้งหารือร่วมกับภาคเอกชนในพื้นที่ในการจัดหาแนวทางช่วยเหลือเกษตรกร โดยผู้เข้าร่วมสัมมนาประกอบด้วย ผู้บริหารฝ่ายการเมือง ผู้บริหารกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ หัวหน้าส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ องค์การมหาชน หัวหน้าส่วนราชการระดับจังหวัดและอำเภอในสังกัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ทั้งหมด พาณิชย์จังหวัด อุตสาหกรรมจังหวัด ภาคเอกชน ภาคประชาชน และเจ้าหน้าที่เกี่ยวข้อง รวมจำนวนทั้งสิ้น 670 คน
          นายกฤษฏา บุญราช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กล่าวมอบนโยบายการขับเคลื่อนนโยบายกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ "มุ่งมั่นพัฒนา เกษตรกรรมก้าวหน้า นำพาสู่ความยั่งยืน"ว่า วันนี้เรามาถึงจุดเปลี่ยนที่สำคัญของภาคเกษตรและของประเทศไทย หากเราต้องการผลลัพธ์ใหม่ ทีมกระทรวงเกษตรฯ ต้องทำร่วมกันทำสิ่งใหม่ ปรับวิธีคิด วิธีทำงานกันใหม่อย่างไร้รอยต่อ แบ่งเป็น 4 สิ่งที่ "ต้อง" ทำ คือ 1. ต้องปรับเปลี่ยนแนวคิดในการทำงานให้มีมุมมองกว้างไกลกว่าในอดีตที่มองเพียงส่งเสริมการผลิตเท่านั้น แต่ต้องเป็นนักวางแผนการเกษตรการผลิตให้มีคุณภาพและเพียงพอต่อความต้องการของตลาดไม่ล้นตลาดเกินไป 2. ต้องรู้ลึก รู้จริง ทำได้จริง ลงพื้นที่จริง ให้ได้มากกว่าเกษตรกรหรืออย่างน้อยต้องรู้เท่าทันเกษตรกร 3.ทุ่มเทและมุ่งมั่นในการทำงาน เพื่อสู่เป้าหมายความสำเร็จเดียวกัน เพื่อความมั่นคง มั่งคั่ง และยั่งยืนให้แก่เกษตรกรไทย และ 4.เห็นแก่ประโยชน์ของเกษตรกรและประเทศชาติมากกว่าประโยชน์ส่วนตน ต้องกล้ายืนหยัดในความถูกต้อง ต่อสู้เพื่อประโยชน์ของเกษตรกรและประเทศชาติ ทั้งหมดเพื่อมุ่งไปสู่เป้าหมายเดียวกัน 5 ประเด็นสำคัญ คือ เกษตรกรไทยจะต้องหลุดพ้นจากความยากจนโดยจะมีรายได้มากกว่าในปัจจุบันอย่างน้อย 1 เท่าตัวภายในปี 2565 และภายในปี 2570 ครอบครัวเกษตรกรไทยในบัญชีคนยากจนจะหมดไป 2. ระบบสหกรณ์และวิสาหกิจการเกษตรต้องเข้มแข็ง สามารถปกป้องเกษตรกรไม่ให้ถูกเอารัดเอาเปรียบ และเกษตรกรไทยจะเข้าสู่ระบบสหกรณ์ทุกครัวเรือน 3.เกิดสังคมและชุมชนเกษตรกรไทยแบบพออยู่พอเพียงอย่างทั่วถึง 4.ประเทศไทยสามารถผลิตสินค้าเกษตรปลอดภัย 100 % ภายในปี 2565 และผลิตสินค้าเกษตรอินทรีย์ 60 % ภายในปี 2570 และ 5. ข้าราชการกระทรวงเกษตรฯ ต้องเป็นเพื่อนร่วมคิดเป็นที่พึ่งของเกษตรกร
          ปัจจุบันประเทศไทยผลิตและส่งออกสินค้าเกษตรอันดับต้นของโลก GDP ภาคเกษตร = 6 แสนล้านบาท คิดเป็น 6 % ของ GDP รวม เกษตรกรไทยส่วนใหญ่ยังยากจน หรือ ประมาณ 5.1 ล้านคน จากประชากรภาคเกษตร 23.59 ล้านคน และลงทะเบียนผู้มีรายได้น้อย 3.9 ล้านคน ซึ่งมีปัญหาหนี้สิน ขาดทุนไม่รู้ระบบการตลาด โครงสร้างตลาดสินค้าเกษตรและตลาดปัจจัยการผลิตถูกควบคุมโดยผู้ประกอบการรายใหญ่ ระบบสหกรณ์ยังไม่เข็มแข็งพอ จำนวนมากขาดความเป็นมืออาชีพแต่ด้วยความก้าวหน้าของเทคโนโลยีการเกษตร เอาชนะข้อจำกัดทางภูมิศาสตร์ ดิน ฟ้า อากาศ เราควบคุมสภาพแวดล้อมให้เหมาะสมกับการเพาะปลูกได้ ประกอบกับเทคโนโลยีเครื่องจักรกลการเกษตรแทนกำลังแรงงาน เทคโนโลยีชีวภาพ พัฒนาพันธุ์พืชที่มีลักษณะพิเศษเหนือธรรมชาติปกติ เทคโนโลยีดิจิทัลทำให้เกษตรกรเชื่อมโยงกับตลาดโลกได้อย่างมีประสิทธิภาพ ดังนั้น ทีมกระทรวงเกษตรฯ ทั้งระดับอำนวยการและปฏิบัติการในพื้นที่จะเป็นกลไกสำคัญที่จะนำโครงการที่ประสบผลสำเร็จหรือมีปัญหาอุปสรรค มาดำเนินการ "ต่อ + เติม + แต่ง" ขยายผลให้ครอบคลุมพื้นที่ปฏิบัติการให้มากขึ้น
          " ปัญหาภาคเกษตรไทยที่ผ่านมา ไม่เพียงอยู่ที่นโยบายที่ผ่านมาหลายเรื่องไม่เหมาะสม แต่ยังมีปัญหาเรื่องการนำนโยบายไปปฏิบัติให้บรรลุผลด้วย ซึ่งตั้งใจตั้งแต่วันแรกที่รับตำแหน่งรัฐมนตรีว่าจะไม่เพียงจะช่วยทำงานในระดับนโยบายเท่านั้น แต่จะช่วยปลดล๊อคอุปสรรคทางปฏิบัติด้วย เพื่อให้การนำนโยบายไปดาเนินการได้บรรลุผล แต่ข้าราชการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ต้องอยู่อย่างมีศักดิ์ศรีได้รับศรัทธาจากประชาชน ต้องได้รับการดูแลเอาใจใส่จากผู้บังคับบัญชาทุกระดับ ต้องไม่ถูกเอาเปรียบหรือได้รับการปฏิบัติที่ไม่เป็นธรรมจะเปลี่ยนผ่านปัญหาประเทศสู่ความมั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืน" นายกฤษฏา กล่าว
          สำหรับการประชุมสัมมนา"การขับเคลื่อนนโยบายกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ในระดับพื้นที่สู่การปฏิบัติ" กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กำหนดจัดการประชุมจำนวน 5 ครั้ง ในระหว่างเดือน ม.ค. – ก.พ. 61 ประกอบด้วย ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ จ.อุบลราชธานี ในวันที่ 24 ม.ค. 61 ภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน จ.ขอนแก่น ในวันที่ 29 ม.ค. 61 ภาคกลางและภาคตะวันออก จ.ชลบุรี ในวันที่ 9 ก.พ. 61 ภาคเหนือ จ.พิษณุโลก ในวันที่ 21 ก.พ.. 61 ภาคใต้และชายแดนใต้ จ.สงขลา ในวันที่ 23 ก.พ. 61


ข่าวการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์+กระทรวงเกษตรและสหกรณ์วันนี้

"รมช.อัครา" ลุยพะเยาต่อเนื่อง! มอบนโยบายจัดทำการเกษตรแบบเป็นระบบ

แนะเกษตรกรผู้ปลูกลำไยขึ้นทะเบียนเกษตรกรรอมาตรการช่วยเหลือไร่ละ 1,400 บาท พร้อมเตรียมสร้างอ่างเก็บน้ำห้วยไคร้ สานฝันเกษตรกรมีน้ำใช้อย่างยั่งยืน นายอัครา พรหมเผ่า รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์น้ำในพื้นที่จังหวัดพะเยาอย่างต่อเนื่อง โดยมีผู้บริหารในสังกัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เข้าร่วม ณ วัดศรีไฮคำ ต.เชียงแรง อ.ภูซาง จ.พะเยา และองค์การบริหารส่วนตำบลน้ำแวน อ.เชียงคำ จ.พะเยา เพื่อรับฟังปัญหาจากเกษตรกรที่ได้รับผลกระทบจากอุทกภัยและผลผลิตลำไยออกสู่ตลาดจำนวนมากส่งผล

นายประยูร อินสกุล ปลัดกระทรวงเกษตรและสหกร... กระทรวงเกษตรฯ ตั้ง "War room ติดตามและแก้ไขสถานการณ์ด้านการเกษตร ชายแดนไทย-กัมพูชา" — นายประยูร อินสกุล ปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยว่า จากเหตุการณ์ค...

กรมประมง...ส่งเสริมการเพาะเลี้ยง "ปูทะเล"... กรมประมง…หนุนเกษตรกรเปลี่ยน "บ่อกุ้งร้าง" เพื่อสร้างรายได้ด้วยการเลี้ยง "ปูทะเล" — กรมประมง...ส่งเสริมการเพาะเลี้ยง "ปูทะเล" ในบ่อกุ้งร้าง หวังฟื้นแหล่งผล...