เกษตรเตือนจับตาหนอนกออ้อยระบาด

ข่าวประชาสัมพันธ์ »

          กรมส่งเสริมการเกษตรเตือนเกษตรกรผู้ปลูกอ้อยทั่วประเทศเฝ้าระวังหนอนกออ้อยระบาดระยะอ้อยแตกกอ แนะหมั่นสำรวจแปลงอ้อยอย่างสม่ำเสมอ
          นายประสงค์ ประไพตระกูล รองอธิบดีกรมส่งเสริมการเกษตร กล่าวว่า จากข้อมูลแปลงติดตามสถานการณ์ศัตรูอ้อยพบการเข้าทำลายของหนอนกออ้อยในหลายพื้นที่ภาคกลาง อาทิ เพชรบูรณ์ กำแพงเพชร และลพบุรี ขอให้เกษตรกรผู้ปลูกอ้อยทั่วประเทศหมั่นสำรวจแปลงอ้อยอย่างสม่ำเสมอ โดยเฉพาะอ้อยในระยะแตกกอ ให้ระวังการระบาดของหนอนกอลายจุดเล็ก หนอนกอสีขาว และสีชมพู หากพบการเข้าทำลายให้รีบขอคำแนะนำจากเจ้าหน้าที่สำนักงานเกษตรอำเภอ/จังหวัด เพื่อดำเนินการป้องกันกำจัดก่อนเกิดการระบาดรุนแรง
          รองอธิบดีฯ กล่าวถึงลักษณะการเข้าทำลายของหนอนกออ้อยว่า ให้สังเกตไข่หนอนทั้งชนิดที่คล้ายเกล็ดปลาและไข่เม็ดกลมสีขาวหรือชมพู บริเวณบนใบ ใต้ใบ และในกาบใบที่แนบอยู่บริเวณยอดใบ หากฟักตัวจะกัดกินผิวใบหรือหน่ออ้อยในระยะสั้น ๆ จากนั้นจะเจาะเข้าลำต้นที่อยู่บริเวณผิวดินเพื่ออาศัยอยู่ในกออ้อย และมีนิสัยชอบเคลื่อนย้ายไปทำลายหน่อใหม่ โดย ๑ ตัว สามารถทำลายอ้อยได้ ๓ – ๔ หน่อ ซึ่งหนอนกออ้อยทั้ง 3 ชนิด จะพบเข้าทำลายอ้อยมากตั้งแต่ระยะแทงหน่อ จนถึงระยะแตกกอ
สำหรับวิธีการป้องกันกำจัดหนอนกออ้อยคือ ลดการใช้ปุ๋ยไนโตรเจนในระยะเริ่มปลูก เพราะหนอนจะชอบเข้าทำลายหน่ออ้อยอวบ หมั่นสำรวจแปลงอ้อยอย่างสม่ำเสมอ อย่างน้อยสัปดาห์ละครั้ง ใช้ศัตรูธรรมชาติ เช่น ปล่อยแตนเบียนหนอนโคทีเซีย อัตรา ๑๐๐ – ๕๐๐ ตัวต่อไร่ เมื่อพบหนอนปล่อยทุก ๗ วัน จำนวน ๔ ครั้ง หรือปล่อยแตนเบียนไข่ตริโคแกรมมา อัตรา ๒๐,๐๐๐ ตัวต่อไร่ เมื่ออ้อยอายุ ๒ เดือน ปล่อยทุก ๑๕ วัน จำนวน ๒ ครั้ง หรือปล่อยแมลงหางหนีบ อัตรา ๕๐๐ ตัวต่อไร่ กรณีที่ต้องไถตออ้อยทิ้งให้ทำลายตออ้อยให้หมด เพื่อกำจัดหนอนหรือดักแด้ที่อยู่ในตออ้อย และหากจำเป็นต้องใช้สารเคมีให้พ่นด้วย ปิโตเลียมออยส์ ๘๓.๙% อีซี ๑๐๐ มิลลิลิตร ต่อน้ำ ๒๐ ลิตร โดยพ่นก่อนการปล่อยแตนประมาณ ๑๐ - ๑๕ วัน หรือพ่นด้วยสารเคมีกำจัดแมลงอื่น ซึ่งสามารถสอบถามขอคำแนะนำจากเจ้าหน้าที่สำนักงานเกษตรอำเภอ/จังหวัด ได้ทั่วประเทศ ทั้งนี้ แนะนำให้เกษตรกรปลูกอ้อยพันธุ์ที่มีความต้านทานต่อหนอนกอ เช่น เอฟ๑๕๖ อู่ทอง๑ และ เค๘๔-๒๐๐
เกษตรเตือนจับตาหนอนกออ้อยระบาด
 
เกษตรเตือนจับตาหนอนกออ้อยระบาด

ข่าวอธิบดีกรมส่งเสริมการเกษตร+กรมส่งเสริมการเกษตรวันนี้

กรมส่งเสริมเกษตร แนะวิธีใช้ชีวภัณฑ์ฟื้นฟูพื้นที่เกษตรอย่างเหมาะสม

การฟื้นฟูพื้นที่เกษตรหลังน้ำลดเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่ง เนื่องจากน้ำท่วมขังเป็นเวลานานส่งผลให้ โครงสร้างดินเสียหาย ดินแน่นทึบ ขาดออกซิเจน และมีความเสี่ยงสูงต่อการเกิดโรคพืชที่เกิดจากเชื้อรา เช่น โรครากเน่า โคนเน่า และโรคเหี่ยว ชีวภัณฑ์ (Bioproducts) หรือจุลินทรีย์ที่มีประโยชน์ จึงเป็นทางเลือกที่ปลอดภัยและมีประสิทธิภาพในการบำบัดและฟื้นฟูดิน รวมถึงการควบคุมโรคพืช นายพีรพันธ์ คอทอง อธิบดีกรมส่งเสริมการเกษตร เปิดเผยว่า ก่อนใช้ชีวภัณฑ์ ควรเร่งระบายน้ำที่ขังออกจากแปลงปลูกให้เร็วที่สุด กำจัดเศษซากพืช

จากสถานการณ์อุทกภัยภาคใต้เมื่อปลายเดือนพฤ... เกษตรฯ เผยแผนฟื้นฟูน้ำท่วมภาคใต้ ด้านพืช เน้นฟื้นดิน-ฟื้นต้น-ป้องกันโรค หลังน้ำลด — จากสถานการณ์อุทกภัยภาคใต้เมื่อปลายเดือนพฤศจิกายน 2568 ส่งผลกระทบในหลาย...

กรมส่งเสริมการเกษตรเผยผลความคืบหน้าการบริ... กรมส่งเสริมการเกษตร เดินหน้าสร้างเกษตรปลอดเผายั่งยืน สู้ PM2.5 — กรมส่งเสริมการเกษตรเผยผลความคืบหน้าการบริหารจัดการปัญหาฝุ่นควันและ PM2.5 จากการเผาในพื้นท...

กรมส่งเสริมการเกษตร เดินหน้าขับเคลื่อนแผน... เกษตรฯ เร่งผลิต-ขยาย-กระจาย "มันสำปะหลังพันธุ์ดีต้านทานโรคใบด่าง" ครอบคลุมทั่วประเทศ — กรมส่งเสริมการเกษตร เดินหน้าขับเคลื่อนแผนเร่งผลิต ขยาย และกระจาย "ม...

นายพีรพันธ์ คอทอง อธิบดีกรมส่งเสริมการเกษ... กรมส่งเสริมการเกษตร นำเกษตรกรสร้างรายได้ ขายลำไยแล้ว 11 ตัน — นายพีรพันธ์ คอทอง อธิบดีกรมส่งเสริมการเกษตร กล่าวว่า กรมส่งเสริมการเกษตร มีภารกิจในการสนับสน...