คาดการณ์เทคโนโลยีปี 2018 และอนาคตที่ท้าทาย โดย สตีเฟ่น ไมล์ ประธานเจ้าหน้าฝ่ายเทคโนโลยี ภาคพื้นเอเชียแปซิฟิคและญี่ปุ่น ซีเอเทคโนโลยี

08 Feb 2018
คาดการณ์เทคโนโลยีปี 2018 และอนาคตที่ท้าทาย โดย สตีเฟ่น ไมล์ ประธานเจ้าหน้าฝ่ายเทคโนโลยี ภาคพื้นเอเชียแปซิฟิคและญี่ปุ่น ซีเอเทคโนโลยี
คาดการณ์เทคโนโลยีปี 2018 และอนาคตที่ท้าทาย โดย สตีเฟ่น ไมล์ ประธานเจ้าหน้าฝ่ายเทคโนโลยี ภาคพื้นเอเชียแปซิฟิคและญี่ปุ่น ซีเอเทคโนโลยี

เชื่อหรือไม่ว่าภายในปี 2030 โลกไอทีที่เรารู้จักทุกวันนี้ จะไม่พบเห็นกันอีกต่อไป

ทุกๆปีในเวลาเดียวกันนี้เราจะ ทบทวนและมองพยากรณ์อนาคตว่า โลกไอทีและอุตสาหกรรมไอทีจะเป็นอย่างไร หรืออย่างน้อยน่าจะไปในทิศทางไหนในอีก 365 วันข้างหน้า ผลที่ได้รับจากการคาดการณ์ มักจะมองแค่ว่าเป็นลำดับต่อไปจากที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน แต่ในความเป็นจริงแล้ว การวิจารณ์ถึง การเปลี่ยนแปลงลำดับถัดไปอย่างเดียวจะไม่ทำให้เราสามารถเข้าใจอนาคตที่จะเกิดขึ้นได้ และเทคโนโลยีก็ไม่ได้ปฏิวัติทุกสิ่งอย่างเสมอไปเช่นกัน

ในปีนี้นอกจากจะคาดการณ์ในเรื่องที่จะเกิดขึ้นในอนาคตอันใกล้ ผมก็ยังได้เสริมการคาดการณ์อื่นที่ไม่ใช่เรื่องเทคโนโลยีล้วนๆ แต่อย่างเดียว แต่สัมพันธ์ถึงการเปลี่ยนแปลงในบริษัทและองค์กรต่างๆรวมทั้ง กระบวนการทำงานและวัฒนธรรมการทำงานที่มีต่อไปนี้คือการคาดการณ์ของผมว่าภายในปี 2030 สิ่งที่เรารู้จักว่าเป็น โลกไอทีในทุกวันนี้ จะเปลี่ยนแปลงจนไม่เหลือโฉมหน้าเดิมอีกต่อไป

ซอฟต์แวร์ที่ไม่ได้ใช้โค้ดจะเป็นตัวผลักดันเทคโนโลยีแบบกระจายตัว

ภายในปี 2030 การทำงานโค้ดดิ้งซอฟต์แวร์หมดไป หมายถึงการใช้ ระบบแพลตฟอร์มที่ไม่ได้ใช้โค้ดหรือใช้โค้ดซอฟต์แวร์ในระดับต่ำ จะกลายเป็นเรื่องที่เป็นจริงขึ้นมา โดยการประกอบบล็อกของโค้ดเข้าด้วยกันเพื่อเป็นแอพพลิเคชั่นใหม่จะสามารถทำได้โดยไม่ต้องมานั่งแก้ไขตัวโค้ดที่อยู่ด้านหลังการทำงานโดยตรงและซอฟต์แวร์ที่เรียนรู้อัตโนมัติจะนำเสนอ อนาคตความฝันของซอฟต์แวร์ที่สามารถเขียนได้ด้วยตัวเองและวิวัฒนาการตัวเองผ่านการเรียนรู้ กลายเป็นความจริงขึ้นมา

เทคโนโลยีแบบกระจายตัวจะช่วยเร่งการเกิดนวัตกรรมใหม่อย่างเท่าเทียมกัน

ศูนย์กลางและความสำคัญของการตัดสินใจในองค์กรจะย้ายเปลี่ยนผ่านจากการสั่งการจากเบื้องบนของโครงสร้างบริหารระบบไอทีแบบเดิมไปเป็น การใช้แบบรับฟังความเห็นจากเบื้องล่าง แอพพลิเคชั่นแบบเดิมที่รวมศูนย์เป็นหนึ่งเดียวจะเปิดทางให้ มีการพัฒนาโซลูชั่นใหม่ที่เน้นการกระจายตัวและยืดหยุ่นต่อการปรับเปลี่ยนแปลง นวัตกรรมที่ใช้เทคโนโลยีผลักดันจะเกิดได้จากทุกแห่ง ทุกหน่วยงานไม่จำเป็นต้องมาจากหน่วยงานไอทีไอทีเสมอไป

ระบบไอทีในวันน่าจะเป็นลูกผสมระหว่างทั้งคนและจักรกล

เทคโนโลยีของวันหน้า จะเป็นระบบผสมระหว่างคนและจักรกลโดย รูปแบบของ สิ่งแวดล้อมการทำงานระหว่างคนเทคโนโลยี จะมีปรากฏทั้งในธุรกิจปัจจุบันและธุรกิจที่เกิดใหม่ในอนาคต พลิกผันได้ในแบบเรียลไทม์เพื่อมุ่งสู่ความได้เปรียบในการแข่งขันทางธุรกิจ ตัวแปรเหล่านี้จะมีบทบาทในอนาคต และเป็นจุดเริ่มของแต่ละบุคคลที่จะบรรลุเป้าหมายทางธุรกิจและจะกดดันให้ โครงสร้างบริษัทเอนเทอร์ไพรซ์ขนาดใหญ่แบบเก่าได้รับผลกระทบ โดยเศรษฐกิจแบบ รายเล็กย่อยอิสระจะเริ่มกรุยทางให้กับ รูปแบบของ อนาคตเศรษฐกิจใหม่ที่อาจจะก่อตัวเป็นระบบเศรษฐกิจในรูปแบบใหม่ในระดับชาติก็ได้

ทั้งหมดที่เล่ามา เป็นเรื่องของอนาคตในระยะไกล คราวนี้มาดูระยะใกล้กันบ้าง และเป็นทิศทางที่เราจะ เห็นได้ปีหน้าว่าเป็นอย่างไรผมได้ ชี้เอาไว้ในหลายประเด็น สรุปสั้นๆ ดังนี้

1.ยืดหยุ่นเสมอ

ระบบข้อมูลและการวิเคราะห์ข้อมูลจะเดินหน้าปฏิวัติการบริหารจัดการแบบยืดหยุ่น ในปัจจุบันโดย การนำเสนอ โมเดลวิเคราะห์ใหม่ๆ จะขยายตัวและเร่งการทำงานมากยิ่งขึ้น ระบบการทำงานอย่างยืดหยุ่น จะต้องการข้อมูลการวิเคราะห์เชิงลึกมากขึ้นด้วยเช่นกัน ข้อมูลการวิเคราะห์เชิงลึกจะกลายมาเป็นส่วนสำคัญ ของการสร้างคุณค่าใหม่ๆทางธุรกิจให้บรรลุผลอย่างรวดเร็ว ซึ่งจะผลักดันโดยการใช้งานระบบเอนจินที่สร้างข้อมูลการวิเคราะห์เชิงลึกที่ละเอียดซับซ้อน นำเสนอได้ในแบบเรียลไทม์ทั้ง มาตรวัดทางการเงินและธุรกิจที่ต้องการ

สรุป: จะสามารถคาดการณ์และตรวจวัดผลของการลงทุนและการใช้งานซอฟต์แวร์ว่าดีและจำเป็นแค่ไหนเพียงไร รวมทั้งคาดการณ์ได้ในแบบที่ไม่เคยเป็นมาก่อน

2.ระบบอัตโนมัติ

ระบบอัตโนมัติที่ใช้งานอยู่ทุกวันนี้จะผ่านการใช้งานอย่างเช่นการทดสอบอย่างต่อเนื่อง การเรียนรู้และกระบวนการทางธุรกิจที่เป็นระบบอัตโนมัติ แต่ในการที่จะใช้ประโยชน์สูงสุดจากระบบอัตโนมัติอย่างแท้จริง จำเป็นที่จะต้องวางมาตรฐานและเชื่อมต่อระบบเวิร์กโฟลว์อย่างราบรื่น ผ่านทั้งกระบวนการการพัฒนา DevOps และการพัฒนาทูลที่ใช้งาน ระบบวิเคราะห์จะช่วยให้ค้นพบปัญหาคอขวดหรือจุดอ่อนที่มีในระบบการทำงานของซอฟต์แวร์โดยอัตโนมัติ

สรุป: อนาคตของระบบอัตโนมัติคือ ปัญญาอัจฉริยะซึ่งจะเรียนรู้ปรับตัวและใช้งานสูงสุด จากระบบที่มีทั้งหมดโดยที่จะเริ่มเห็นซอฟต์แวร์ที่จะพัฒนาตัวเองได้ใน บางส่วนของการใช้งานแทนที่จะพัฒนาขึ้นจากมนุษย์แต่อย่างเดียว

3. ข้อมูลเชิงลึก

ในปีนี้ เราจะเห็นระบบ AI ที่มีการพัฒนาดีขึ้น โดยไม่ใช่หมายถึงแค่ หุ่นยนต์ที่พูดได้อีกต่อไปแต่จะเป็นชุดของอัลกอริทึ่มส์ ที่แสดงออกผ่านโค้ดที่ใช้งาน กับระบบข้อมูลต่างๆที่มีโดยระบบเอ็นจินเชิงวิเคราะห์ระดับสูง คือจุดสำคัญของระบบ AI ในการพัฒนาซอฟต์แวร์ ในตลอดช่วงชีวิตการใช้งาน โดยระบบ AI และการเรียนรู้โดยจักรกลจะผลักดันแนวทางที่แตกต่างไปโดยสิ้นเชิงในการพัฒนา ซอฟต์แวร์ โดยระบบจักรกลอัจฉริยะจะนำเสนอ ความฝันที่ตั้งใจไว้ของการใช้งานบิ๊กดาต้า และระบบ ที่สามารถเรียนรู้ได้ตัวเองจะพัฒนาและนำเสนอซอฟต์แวร์ออกมาได้อย่างรวดเร็วยิ่งขึ้น

สรุป: หัวใจสำคัญของการบริหารจัดการและการรักษาความปลอดภัย ของเทคโนโลยีของคุณจะไม่หายไปไหนแต่จะ มีประสิทธิภาพมากขึ้น มีการใช้งานผ่านระบบอัตโนมัติและ ดำเนินการในแบบอัจฉริยะ ซึ่งทั้งหมดนี้จะช่วยให้คุณสามารถเน้นหนักไปที่เรื่องอื่นที่มีความสำคัญและสร้างคุณค่าใหม่ๆเพื่อผลักดันธุรกิจให้ก้าวต่อไป

การรักษาความปลอดภัย

ในยุคสมัยที่ซอฟต์แวร์ได้กลายมาเป็นเครื่องมือในการติดต่อสัมพันธ์หลักกับลูกค้า ของแบรนด์และบริษัทต่างๆการรักษาความปลอดภัย คือเรื่องเดียว กับคำว่าไว้วางใจ นั่นก็คือ จะต้องรักษาความปลอดภัยให้กับทั้งระบบเชื่อมโยงทั้งบริษัทและแบรนด์ มิใช่แค่รักษาความปลอดภัยของตัวข้อมูลแต่เพียงอย่างเดียว

การลดความเสี่ยงทำได้โดยการ นำระบบอัจฉริยะมาจัดการระบบไอดีและเดินหน้าระบบการวิเคราะห์ซับซ้อนที่จะช่วยพัฒนา การรักษาความปลอดภัยในอนาคต แต่อย่างไรก็ตาม พวกแฮกเกอร์เจาะระบบ ก็มีขีดความสามารถด้านนี้เพิ่มด้วยเช่นกัน การเรียนรู้ด้วยจักรกลและ AI จะกลายมาเป็น ส่วนหนึ่งของการรักษาความปลอดภัยระบบ

สรุป: ปัญหาความเสี่ยงที่บริษัทระดับเอนเทอร์ไพรซ์กำลังเผชิญหน้าในปัจจุบันก็จะยังเป็นความเสี่ยงที่จะเกิดขึ้นในอนาคต นั่นก็คือ ความเสี่ยงต่อข้อมูลและความต่อเนื่องทางธุรกิจ โดยระบบ AI จะเป็นภัยคุกคามใหม่ที่บริษัทระดับ เอนเทอร์ไพรซ์จะต้องรับมือ การ ต่อสู้ AI ด้วย AI จะกลายเป็นเรื่องที่จำเป็น

ถึงแม้การทำนายคาดการณ์อนาคตทางเทคโนโลยีในระยะสั้นจะช่วยในการวางแผนการใช้งานทรัพยากรของบริษัทแต่ การ มองไปให้ถึงอนาคตจะช่วยพัฒนาขีดความสามารถของคุณในการใช้เทคโนโลยีเพื่อเป็น เครื่องมือที่สำคัญทางยุทธศาสตร์ หากไม่มีคนทำงานที่มีความเชี่ยวชาญทางด้านระบบที่ยืดหยุ่นหรือมีความรู้ความสามารถทางด้านระบบอัตโนมัติก็เป็นเรื่องที่ควรจะลงทุนในด้านทรัพยากรเหล่านี้ ถ้าคุณไม่ได้ลองค้นหาวิธีในการวิเคราะห์เชิงคาดการณ์และการเรียนรู้ด้วยจักรกลก็เป็นเวลาที่จะต้องเริ่มเรียนรู้กัน ซึ่งจะยังไม่สายเกินไป ที่จะ มองย้อนกลับไปให้ดีว่าองค์กรไอทีของคุณ จำเป็นจะต้องมีการปรับปรุงการทำงานอะไรบ้าง รวมทั้งเทคโนโลยีที่เน้นกระจายตัวและไม่รวมศูนย์อีกต่อไป