นายเสริมคุณ คุณาวงศ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ซีเอ็มโอ จำกัด (มหาชน) หรือ CMO ผู้นำธุรกิจสื่อสารการตลาดแบบครบวงจรแห่งอาเซียน ครอบคลุมธุรกิจด้านอีเว้นท์,ด้านเอ็นเตอร์เทนเม้นต์ และธุรกิจไลฟ์สไตล์ เปิดเผยถึงผลประกอบการไตรมาส 3 ของปี 2560 (กรกฎาคม – กันยายน 2560) ว่าบริษัทฯ มีรายได้ 277.29 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 31.14 ล้านบาท คิดเป็นเพิ่มขึ้น 12.65 % เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปี 2559 ที่มีรายได้ 246.15 ล้านบาท และมีขาดทุนสุทธิอยู่ที่ 37.52 ล้านบาท แต่ในไตรมาส 3/2560 บริษัทฯ มีผลประกอบการที่ดีขึ้น ขาดทุนลดลง โดยขาดทุนสุทธิอยู่ที่ 20.5 ล้านบาท คิดเป็นขาดทุนลดลง 45.25% ขณะที่งบเดี่ยวของ CMO ในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2560 บริษัทฯ สามารถทำรายได้รวมทั้งสิ้น 382.7 ล้านบาท และมีกำไรสะสมอยู่ที่ 35.9 ล้านบาท อย่างไรก็ดี บริษัทฯ มีนโยบายให้ผลตอบแทนที่ดีกับผู้ถือหุ้น ถึงแม้ว่ารายได้จะไม่สูงมาก แต่บริษัทยืนยันจ่ายปันผลให้กับผู้ถือหุ้นอย่างต่อเนื่อง โดยในงวดผลประกอบการ ในช่วง 6 เดือนแรกของปี 2560 บริษัทฯ จ่ายเงินปันผลระหว่างกาลไปแล้ว 0.08 บาทต่อหุ้น คิดเป็นร้อยละ 68.77 ของกำไรสุทธิ ซืงเมื่อเปรียบเทียบกับราคาหุ้น ณ ขณะนั้น (ณ วันที่ 10 ส.ค. 60 ราคาหุ้น 1.71 บาท) คิดเป็นอัตราผลตอบแทน 4.7%
""สำหรับผลประกอบการของ CMO ตั้งแต่ปีที่แล้ว ต่อเนื่องมาจนถึง 9 เดือนแรกของปีนี้ จะเห็นว่ามีทิศทางเติบโตที่ดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะรายได้ในไตรมาส 3 ถือว่าเติบโตได้ดี เป็นที่น่าพอใจ เพราะปกติใน Q 3 จะเป็นช่วง Low Season ของธุรกิจอีเว้นท์ แต่ในปีนี้ผลงานยังออกมาดีกว่าปีที่แล้ว ทำให้มั่นใจว่า ในปีนี้ยอดขายจะเป็นไปตามเป้าที่ตั้งไว้ 1,300 ล้านบาท ทั้งนี้ บริษัทฯ ประเมินภาพรวมธุรกิจในช่วงที่เหลือของปีนี้ ว่ามีทิศทางที่ดีขึ้น เพราะหลายๆ ธุรกิจในภาคเอกชนกลับเข้าสู่ภาวะปกติ เริ่มทำการตลาดและจัดกิจกรรมกระตุ้นยอดขาย ประกอบกับ บริษัทมีงานอีเว้นท์ที่เลื่อนมาจัดในช่วงท้ายปี เป็นจำนวนมาก เสริมกับปกติในช่วงไตรมาส 4 จะเป็นช่วงไฮซีซั่นของธุรกิจอยู่แล้วอีกด้วย และ ขณะนี้ บริษัทฯ มีงานในมือ (Backlog) อยู่ที่ 400 ล้านบาท ซึ่งจะรอรับรู้รายได้ภายในสิ้นปีนี้ ทำให้ ไตรมาส 4 จะเป็นไตรมาสที่ดีที่สุดของ CMO "" นายเสริมคุณ กล่าว
สำหรับแนวทางการดำเนินงานของบริษัทฯ จะมุ่งพัฒนาธุรกิจสร้างแหล่งท่องเที่ยว (Tourist Attraction) ซึ่งเริ่มชัดเจนมากขึ้น โดยปัจจุบันบริษัทฯ มีธุรกิจแหล่งท่องเที่ยว 2 แห่ง ได้แก่ ""หิมพานต์ อวตาร"" และ สวนสนุก ""อิเมจิเนีย เพลย์แลนด์"" ซึ่งหิมพานต์ อวตาร เป็นการแสดงไลฟ์โชว์รูปแบบ 4 มิติ มุมมอง 360 องศา ผสานเทคโนโลยีทันสมัย จัดเต็มทั้งระบบมัลติมีเดีย แสง เสียง และภาพที่สวยงาม จัดแสดงที่ศูนย์การค้า โชว์ ดีซี (Show DC) ซึ่งเปิดอย่างเป็นทางการมาตั้งแต่ปลายเดือนมีนาคม 60 และค่อยๆ ได้รับความสนใจจากผู้ชมมากขึ้นเป็นลำดับ
ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร CMO กล่าวอีกว่า นับเป็นความท้าทายของบริษัทฯ สำหรับการขยายธุรกิจ Tourist Attraction ซึ่งการดำเนินธุรกิจในด้านนี้ โดยเฉพาะธุรกิจของการแสดงโชว์ เป็นที่ทราบกันดีว่า ในช่วงเริ่มต้นธุรกิจ 1-2 ปีแรก ส่วนใหญ่มักจะเริ่มต้นจากรายได้และความนิยมที่ยังมีไม่มาก และต้องใช้เวลาในการสร้างความรู้จัก จดจำ กับนักท่องเที่ยว อย่างค่อยเป็นค่อยไป ก่อนที่จะได้รับการจัดสรรให้อยู่ในโปรแกรมการท่องเที่ยวที่นักท่องเที่ยวต้องการมาชม ดังนั้น ในช่วงเวลา1-2 ปี จึงเป็นช่วงเวลาที่กิจการต้องแบกรับภาวะขาดทุน ในช่วงเวลาหนึ่ง ซึ่ง หิมพานต์ อวตาร มีทิศทางที่ดีขึ้นตั้งแต่วันเปิด จนถึงวันนี้ และจะเริ่มทำกำไรไม่เกิน 2 ปี จากนี้ไป สำหรับปัจจุบัน นอกจากความพยายามในการขยายตลาดนักท่องเที่ยว เรายังมีแคมเปญโปรโมชั่น สำหรับตลาดคนไทย เพื่อสร้างรายได้ให้กับบริษัท ในช่วงที่นักท่องเที่ยวต่างประเทศยังมีน้อยอยู่ ทั้งนี้ ปัจจุบัน ลูกค้าส่วนใหญ่ที่เข้ามาใช้บริการเป็นคนไทยประมาณ 80% ส่วนที่เหลืออีก 20% เป็นกลุ่มลูกค้าชาวต่างชาติ และเพื่อให้สัดส่วนลูกค้าชาวต่างชาติเพิ่มขึ้น จึงมีแผนที่จะทำการตลาดกับกลุ่มนักท่องเที่ยวต่างชาติมากขึ้น โดยเฉพาะกลุ่มลูกค้านักท่องเที่ยวชาวจีน ซึ่งปัจจุบันถือเป็นกลุ่มนักท่องเที่ยวที่เข้ามาท่องเที่ยวในประเทศไทยมากที่สุด
ในส่วนของธุรกิจสวนสนุก ""อิเมจิเนีย เพลย์แลนด์"" (Imaginia Playland) สวนสนุกแห่งจินตนาการและความคิดสร้างสรรค์สุดล้ำในอาเซียน ตั้งอยู่ที่ชั้น 3 ศูนย์การค้า ดิ เอ็มโพเรี่ยม ซึ่งเปิดมาแล้ว 2 ปี บริษัทฯ ตั้งเป้าจะขยายสาขาไปยังต่างประเทศ ซึ่งที่ผ่านมาได้ทำสัญญาสร้าง Imaginia Zone ให้กับ Little Prince Kids Theme Park สวนสนุกในเมืองต้าเหลียน ประเทศจีน และ ล่าสุดได้เซ็นต์สัญญาแฟรนไชส์ เป็นที่เรียบร้อยที่จะขยายสาขาไปยังเมืองโฮจิมินท์ ประเทศเวียดนาม บนพื้นที่ 1,800 ตร.ม. ซึ่งคาดว่าจะก่อสร้างและแล้วเสร็จในช่วงต้นปี 2561
""บริษัทฯ ตั้งเป้า 5 ปี จะขยายแฟรนไชส์ อีก 5 สาขาในต่างประเทศ โดยหากขยายงานสำเร็จ อิเมจิเนีย จะเป็น Inter Brand ที่ได้รับการยอมรับ และสร้างรายได้คงที่ให้กับบริษัทฯ ซึ่งปัจจุบัน ยังอยู่ระหว่างการเจรจาธุรกิจอีกหลายประเทศ ทั้งในอาเซียน และเอเชียตะวันออกกลางอีกด้วย"" นายเสริมคุณ กล่าวทิ้งท้าย
TIDLOR เคาะจ่ายปันผลระหว่างกาล 0.34 บาทต่อหุ้น กำหนดจ่าย วันที่ 25 ธันวาคม 2568 นี้
FTI โชว์กำไร 9M68 กระฉูด 61.99% หลังคุมค่าใช้จ่าย เคาะปันผลระหว่างกาล 0.04 บาท/หุ้น XD 27 พ.ย. 68
LPH บุ๊คงบ 9 เดือน กำไรแตะ 150 ลบ. โต 141.2% โกยรายได้ 1,973.80 ลบ. บอร์ดไฟเขียวจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลหุ้นละ 0.05 บาท ขึ้น XD 27 พ.ย.นี้ ส่งสัญญาณแนวโน้ม Q4 โตต่อเนื่อง รับไฮซีซั่นธุรกิจ
ADD คืนฟอร์ม 9 เดือนแรกกำไรทะยาน 24% (YoY) อานิสงส์ยอดใช้ดิจิทัลคอนเทนต์พุ่ง - Music Monetization หนุน บอร์ดใจดีแจกปันผล 0.10 บาท จ่อ XD วันที่ 27 พ.ย.นี้
AMARC ท็อปฟอร์ม Q3/68 กำไรกว่า 42 ลบ. โต 163.8% หนุน 9 เดือนกำไรเฉียด 143 ลบ. รายได้พุ่ง 53.8% บอร์ดไฟเขียวจ่ายปันผลระหว่างกาลหุ้นละ 0.05 บาท
TCAP เดินหน้าสร้างผลกำไรเติบโตต่อเนื่อง งวด 9 เดือนปี 68 กำไรโต 12% จากกำไรจากเงินลงทุนในบริษัทย่อยหลัก และบริษัทร่วม พร้อมเพิ่มปันผลระหว่างกาล
WHAUP ฟอร์มแรง กำไรปกติ Q3/68 พุ่ง 82% รับอานิสงส์ Data Center บอร์ดเคาะจ่ายปันผลระหว่างกาล 0.060 บาท/หุ้น ขึ้น XD 27 พ.ย.นี้
WHA Group เสิร์ฟข่าวดี 2 เด้ง โชว์ 9 เดือน กำไรปกติแตะ 3,787 ล้านบาท โต 14% (Y-Y)