ปภ.รายงานยังคงมีสถานการณ์อุทกภัยในพื้นที่ 20 จังหวัด พร้อมประสานจังหวัดแก้ไขปัญหาอุทกภัย - ช่วยเหลือผู้ประสบภัยครอบคลุมทุกด้าน

27 Oct 2017
กระทรวงมหาดไทย โดยกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) รายงานสถานการณ์น้ำไหลหลาก และน้ำเอ่อล้นตลิ่งในพื้นที่ 23 จังหวัด ปัจจุบันยังคงมีสถานการณ์ใน 20 จังหวัด ได้แก่ เชียงใหม่ ตาก สุโขทัย พิจิตร นครสวรรค์ อุทัยธานี สิงห์บุรี ลพบุรี อ่างทอง พระนครศรีอยุธยา ปทุมธานี ชัยนาท สุพรรณบุรี หนองบัวลำภู ขอนแก่น มหาสารคาม กาฬสินธุ์ ร้อยเอ็ด อุบลราชธานี และสุราษฎร์ธานี รวม 68 อำเภอ 426 ตำบล 2,520 หมู่บ้าน ทั้งนี้ ปภ.ได้ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งให้การช่วยเหลือผู้ประสบภัยครอบคลุมทุกมิติ มุ่งดูแลชีวิตความเป็นอยู่และความปลอดภัยเป็นหลัก พร้อมระดมเครื่องจักรกลด้านสาธารณภัยสนับสนุนการแก้ไขปัญหาอุทกภัย ควบคู่กับการเร่งระบายน้ำออกจากพื้นที่น้ำท่วมขัง เพื่อคลี่คลายสถานการณ์ให้กลับสู่ภาวะปกติโดยเร็ว

นายชยพล ธิติศักดิ์ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) เปิดเผยว่า สถานการณ์อุทกภัย น้ำไหลหลาก และน้ำเอ่อล้นตลิ่งจากอิทธิพลของพายุดีเปรสชัน และการระบายน้ำจากเขื่อนเจ้าพระยา ตั้งแต่วันที่ 10 – 25 ตุลาคม 2560 ทำให้เกิดน้ำไหลหลากและน้ำเอ่อล้นตลิ่งในพื้นที่ 23 จังหวัด รวม 78 อำเภอ 472 ตำบล 2,777 หมู่บ้าน 42 ชุมชน ประชาชนได้รับผลกระทบ 125,110ครัวเรือน 324,946 คน ผู้เสียชีวิต 10 ราย ปัจจุบันยังคงมีสถานการณ์ใน 20 จังหวัด รวม 68 อำเภอ 426 ตำบล 2,520 หมู่บ้าน 113,501 ครัวเรือน 296,389 คน อพยพ 20 ครัวเรือน แยกเป็น ลุ่มน้ำปิง 2 จังหวัด ได้แก่ เชียงใหม่ น้ำเอ่อล้นตลิ่งเข้าท่วมพื้นที่ 2 อำเภอ ได้แก่ อำเภอจอมทอง และอำเภอสันป่าตอง รวม 4 ตำบล 5 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 120 ครัวเรือน 312 คน ตาก น้ำเอ่อล้นตลิ่งเข้าท่วมพื้นที่ 2 อำเภอ ได้แก่ อำเภอสามเงา และอำเภอบ้านตาก รวม 6 ตำบล 28 หมู่บ้าน 121 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 2,639 ครัวเรือน 7,228 คนผู้เสียชีวิต 2 ราย ลุ่มน้ำยม 1 จังหวัด ได้แก่สุโขทัย น้ำท่วมพื้นที่ 4 อำเภอ ได้แก่ อำเภอคีรีมาศ อำเภอศรีสัชนาลัย อำเภอศรีสำโรง และอำเภอกงไกรลาศ รวม 5 ตำบล 11 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 92 ครัวเรือน 221 คน ผู้เสียชีวิต 1 ราย ลุ่มน้ำยมและลุ่มน้ำน่าน 1 จังหวัด ได้แก่ พิจิตร น้ำเอ่อล้นตลิ่งเข้าท่วมพื้นที่ 10 อำเภอ ได้แก่ อำเภอสามง่าม อำเภอโพธิ์ประทับช้าง อำเภอบึงนาราง อำเภอโพทะเล อำเภอวชิรบารมี อำเภอเมืองพิจิตร อำเภอตะพานหิน อำเภอสากเหล็ก อำเภอวังทรายพูน และอำเภอบางมูลนาก รวม 45 ตำบล 288 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 11,974 ครัวเรือน 54,763 คน ผู้เสียชีวิต 2 ราย ลุ่มน้ำเจ้าพระยา 7 จังหวัด ได้แก่ นครสวรรค์ น้ำเอ่อล้นตลิ่งเข้าท่วมพื้นที่ 5 อำเภอ ได้แก่ อำเภอเมืองนครสวรรค์ อำเภอพยุหะคีรี อำเภอโกรกพระ อำเภอชุมแสง และอำเภอท่าตะโก รวม 48 ตำบล 474 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 19,787 ครัวเรือน 41,122 คน อุทัยธานี น้ำท่วมในพื้นที่ 2 อำเภอ ได้แก่ อำเภอเมืองอุทัยธานี และอำเภอทัพทัน รวม 7 ตำบล 35 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 1,788 ครัวเรือน 2,923คน สิงห์บุรีน้ำเอ่อล้นตลิ่งเข้าท่วมพื้นที่ 4 อำเภอ ได้แก่ อำเภออินทร์บุรี อำเภอเมืองสิงห์บุรี อำเภอพรหมบุรี และอำเภอท่าช้าง รวม 19 ตำบล 88 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 6,289 ครัวเรือน 16,351คน ผู้เสียชีวิต 1 ราย ลพบุรี น้ำเอ่อล้นตลิ่งเข้าท่วมพื้นที่อำเภอบ้านหมี่ รวม 9 ตำบล 60 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 7,643 ครัวเรือน 22,231 คน ผู้เสียชีวิต 1 ราย อ่างทอง น้ำเอ่อล้นตลิ่งเข้าท่วมพื้นที่ 5 อำเภอ ได้แก่ อำเภอป่าโมก อำเภอวิเศษชัยชาญ อำเภอเมืองอ่างทอง อำเภอโพธิ์ทอง และอำเภอไชโย รวม 30 ตำบล 92 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 2,595 ครัวเรือน 6,747 คน พื้นที่การเกษตรได้รับความเสียหาย 6,017 ไร่ พระนครศรีอยุธยา น้ำเอ่อล้นตลิ่งเข้าท่วมพื้นที่ 7 อำเภอ ได้แก่ อำเภอบางบาล อำเภอเสนา อำเภอบางปะอิน อำเภอผักไห่ อำเภอพระนครศรีอยุธยา อำเภอบางไทร และอำเภอบางปะหัน รวม 99 ตำบล 589 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 37,463 ครัวเรือน 97,403 คน ปทุมธานีน้ำเอ่อล้นตลิ่งเข้าท่วมพื้นที่ 2 อำเภอ ได้แก่ อำเภอเมืองปทุมธานี และอำเภอสามโคก รวม 21 ตำบล 67 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 4,352 ครัวเรือน 11,315 คน ลุ่มน้ำเจ้าพระยาและลุ่มน้ำท่าจีน 1 จังหวัด ได้แก่ ชัยนาท น้ำเอ่อล้นตลิ่งเข้าท่วมพื้นที่ 5 อำเภอ ได้แก่ อำเภอมโนรมย์ อำเภอสรรพยา อำเภอเมืองชัยนาท อำเภอวัดสิงห์ และอำเภอหันคา รวม 22 ตำบล 106 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 3,895 ครัวเรือน 10,127 คน ลุ่มน้ำท่าจีน 1 จังหวัด ได้แก่ สุพรรณบุรี น้ำเอ่อล้นตลิ่งเข้าท่วมพื้นที่ 5 อำเภอ ได้แก่ อำเภอบางปลาม้า อำเภอสองพี่น้อง อำเภอเมืองสุพรรณบุรี อำเภอสามชุก และอำเภอเดิมบางนางบวช รวม 38 ตำบล ประชาชนได้รับผลกระทบ 12,523 ครัวเรือน 43,035 คน ลุ่มน้ำชี 5 จังหวัด ได้แก่ หนองบัวลำภู ผลกระทบจากน้ำเขื่อนอุบลรัตน์หนุนและไหลเข้าท่วมพื้นที่3 อำเภอ ได้แก่ อำเภอศรีบุญเรือง อำเภอโนนสัง และอำเภอเมืองหนองบัวลำภู รวม 23 ตำบล 162 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 4,164 ครัวเรือน 10,826 ครัวเรือน ขอนแก่น น้ำท่วมพื้นที่ 3อำเภอ ได้แก่ อำเภออุบลรัตน์ อำเภอน้ำพอง และอำเภอเมืองขอนแก่น รวม 20 ตำบล 157 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 2,610 ครัวเรือน 5,687 คน มหาสารคาม น้ำท่วมพื้นที่ 3 อำเภอ ได้แก่ อำเภอโกสุมพิสัย อำเภอกันทรวิชัย และอำเภอเมืองมหาสารคาม รวม 19 ตำบล 122 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 516 ครัวเรือน 1,341 คน อพยพ 20 ครัวเรือน กาฬสินธุ์ น้ำท่วมพื้นที่ 2 อำเภอ ได้แก่ อำเภอฆ้องชัย และอำเภอกมลาไสย รวม 6 ตำบล 24 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 23 ครัวเรือน 59 คน ร้อยเอ็ด น้ำท่วมพื้นที่อำเภอจังหาร รวม 3 ตำบล 7 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 159 ครัวเรือน 548 คน ลุ่มน้ำมูล1 จังหวัด ได้แก่ อุบลราชธานี น้ำท่วมพื้นที่ 2 อำเภอ ได้แก่ อำเภอเมืองอุบลราชธานี และอำเภอวารินชำราบ รวม 18 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 64 ครัวเรือน 906 คน ลุ่มน้ำตาปี 1 จังหวัด ได้แก่สุราษฎร์ธานี น้ำท่วมพื้นที่อำเภอบ้านนาสาร รวม 1 ตำบล 1 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 2 ครัวเรือน 5 คน ผู้เสียชีวิต 1 ราย ทั้งนี้ ปภ.ได้ประสานจังหวัด หน่วยทหาร องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในพื้นที่ เร่งให้การช่วยเหลือผู้ประสบภัยอย่างเต็มกำลัง โดยแจกจ่ายถุงยังชีพตามวงรอบอย่างต่อเนื่อง พร้อมประสานจังหวัดจัดตั้งศูนย์พักพิงชั่วคราวตามแผนเผชิญเหตุ รวมถึงให้ศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยเขตระดมทรัพยากรและเครื่องจักรกลด้านสาธารณภัย ทั้งเต็นท์ที่พัก รถผลิตน้ำดื่ม รถไฟฟ้าส่องสว่าง รถบรรทุก รถสุขาเคลื่อนที่ เรือท้องแบน และเครื่องสูบน้ำ สนับสนุนการแก้ไขปัญหาอุทกภัยและช่วยเหลือผู้ประสบภัย ตลอดจนประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในพื้นที่ติดตั้งเครื่องสูบน้ำและเครื่องผลักดันน้ำเพิ่มเติม เพื่อเร่งระบายน้ำออกจากพื้นที่น้ำท่วมขังสู่ลำน้ำสายหลัก ท้ายนี้ ประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากอุทกภัย สามารถติดต่อขอความช่วยเหลือได้ทางสายด่วนนิรภัย 1784 ตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อประสานให้การช่วยเหลือโดยด่วนต่อไป