'กระดูกพรุน' ภัยร้าย! คนสูงวัย สะสมแคลเซียมป้องกันได้

ข่าวประชาสัมพันธ์ »

          ปัจจุบันเรามักได้ยินว่าประเทศไทยก้าวเข้าสู่สังคม "ผู้สูงอายุ" แล้ว ทำให้มีคำแนะนำหรือข้อมูลความรู้เกี่ยวกับผู้สูงอายุว่ามีโรคอะไรที่จะเกิดขึ้นเมื่อพยาธิสรีระมีการเปลี่ยนแปลงไป สิ่งที่ควรต้องระมัดระวังให้มากที่สุดในผู้สูงอายุ เป็นภัยร้ายที่อาจตามมานั่นคือ"กระดูกพรุน" ที่รอวันหักในเวลาที่เกิดพลัดหกล้ม จนกลายเป็น"วงจรเศร้าสลด" และต้องทนทุกข์ทรมานก่อนจากโลกนี้ไป
ผศ.นพ.สมบัติ โรจน์วิโรจน์ ศัลยแพทย์ออร์โธปิดิกส์ ศูนย์กระดูกและข้อ โรงพยาบาลกรุงเทพ กล่าวว่า "กระดูกพรุน" มีสาเหตุเกิดจากการสูญเสียมวลกระดูก ทำให้กระดูกบางลง หากนึกภาพไม่ออกให้นึกถึงเปลือกไข่เปราะๆ บางๆ แตกหักง่าย ทำให้บางคนตัวเตี้ยลง เนื่องจากกระดูกโปร่งบางและยุบตัวช้าๆ ที่น่าเป็นห่วง คือผู้ป่วยโรคกระดูกพรุนมีโอกาสเกิดกระดูกแตกหักง่ายกว่าคนทั่วไป จะทราบได้อย่างไรว่าตัวเองมีภาวะ "กระดูกพรุน" โดยทั่วไปกระดูกที่พรุนหรือมวลกระดูกบางลงจะไม่มีอาการแสดงออก เรียกว่าเป็นภัยเงียบที่ซ่อนเร้นอยู่ ซึ่งมีวิธีการตรวจ คือการสกรีนด้วยอัตราซาวน์ที่ข้อมือ และข้อเท้า เพื่อเป็นการตรวจคัดกรอง หากพบความผิดปกติก็จะต้องตรวจวินิจฉัยด้วยเครื่องตรวจวัดมวลกระดูก ซึ่งผู้สูงอายุเวลามีกระดูกพรุนจะไม่ได้พรุนเฉพาะจุด จึงต้องตรวจวัดที่สะโพกและกระดูกสันหลัง เพราะเป็นจุดที่เห็นชัดที่สุดที่ถือเป็นมาตรฐานขององค์การอนามัยโลก สำหรับค่าการวัดที่ได้เราจะเปรียบเทียบกับคนปกติทั่วไปวัย 35 ปี เพราะเป็นช่วงอายุที่มวลกระดูกหนาแน่นที่สุด ถ้าใครผลออกมาเป็นผล บวก จนถึง ลบ 1 ถือว่าอยู่ในเกณฑ์ปกติ ถ้าต่ำกว่าลบ 1 ถึง ลบ 2.5 แสดงว่ากระดูกบางลง เนื่องจากมวลกระดูกลดลง แต่ถ้าใครตรวจแล้วพบว่าต่ำว่า ลบ 2.5 จะถูกวินิจฉัยว่า "กระดูกพรุน" ต้องได้รับการรักษา
          หากเกิดเรื่องที่เราไม่อยากให้เกิด นั่นคือ ผู้สูงอายุหกล้มกระดูกหัก โดยอวัยวะที่หักพบบ่อยใน 3 ส่วน คือ ข้อมือ สะโพก และกระดูกสันหลัง จากการข้อมูลทั่วไปพบว่าหาก "ข้อมือหัก" หรือ "กระดูกสันหลังทรุด" กระดูกจะมีรูปร่างบิดเบี้ยวไป หลังก็ค่อมลงๆ แต่มักจะไม่ถึงขั้นเสียชีวิต ยกเว้นกรณีที่ทรุดไปมากหรือมีการกดทับเส้นประสาทก็ต้องรับการรักษาเฉพาะทาง แต่ถ้า "กระดูกสะโพกหัก" ปัญหาคือความเจ็บปวดทุกข์ทรมาน ไม่สามารถลุกยืนเดินได้ ต้องนอนติดเตียงเสี่ยงกับโรคแทรกซ้อนต่างๆ ถือเป็นเรื่องที่สำคัญ ซึ่งเกินกว่า ร้อยละ 95 ต้องได้รับการผ่าตัดเร่งด่วน แต่ที่สำคัญคือการรักษาแบบองค์รวมของหลากหลายสาขาอย่างมีระบบจะช่วยให้เกิดความรวดเร็ว ปลอดภัย ในส่วนวิธีการผ่าตัดในผู้ป่วยแต่ละคนนั้นแพทย์ต้องเลือกว่าเหมาะกับการรักษาวิธีใด เพราะมีรูปแบบการรักษาต่างๆ เช่น ผ่าตัดใส่แท่งโลหะยาวๆ มีสกรูยึด หรือมีเรื่องของการใช้ซีเมนต์เสริม บางรายอาจใช้ข้อสะโพกเทียม หลังจากผ่าตัดเสร็จแล้ววันที่ 2-5 ผู้ป่วยต้องเริ่มทำกายภาพบำบัดเพื่อฟื้นฟูสภาพ พยายามให้ลุกออกจากเตียง ฝึกการนั่ง ยืน เดิน และการทรงตัว ซึ่งตรงนี้มีความสำคัญมาก เพราะผู้ป่วยกระดูกสะโพกหักส่วนใหญ่ที่นอนติดเตียง อาจส่งผลร้ายตามมา
          มีข้อมูลที่มีการอ้างอิงออกมาว่า เมื่อกระดูกสะโพกหักแล้ว จะมีการเปลี่ยนแปลงของร่างกาย 20 % มักเสียชีวิต ภายใน 1 ปี 30 % พิการถาวร 40 % ต้องใช้เครื่องช่วยพยุงในการเดิน ที่สำคัญคือไม่สามารถกลับมาทำกิจวัตรประจำวัน ได้เหมือนเดิม ไม่สามารถช่วยเหลือตัวเองได้เหมือนปกติก่อนกระดูกหัก ฉะนั้นจึงเน้นย้ำเสมอว่าอย่าให้มีกระดูกหักครั้งแรก เพราะก็อาจจะมีครั้งต่อๆ ไปตามมา จนเข้าสู่ "วงจรเศร้าสลด" หมายความว่า ผู้สูงวัยเมื่อไหร่ที่เริ่มล้ม ก็ มีโอกาสที่จะล้มซ้ำได้อีก เมื่อล้มแล้วล้มอีกก็ต้องทนทุกข์ทรมานผ่าตัดซ้ำๆ อยู่แบบนี้ สุดท้ายก็ต้องเสียชีวิต จากโรคอื่นที่แทรกซ้อนและรุมเร้าเข้ามา ดังนั้นจึงต้องป้องกันไม่ให้ล้มซ้ำ การป้องกันการล้มซึ่งมีหลากหลายวิธี ได้แก่ การฝึกกล้ามเนื้อให้แข็งแรงเพื่อมาประคองกระดูกไว้ การฝึกการทรงตัวและความยืดหยุ่นของกล้ามเนื้อ ส่วนออกกำลังกายชนิดที่มีการลงน้ำหนัก ได้แก่ วิ่งเหยาะๆ เดินเร็ว ก็มีส่วนช่วยให้กระดูกแข็งแรงขึ้น สำหรับการรักษากระดูกพรุนมีหลักการคือ การให้ร่างกายเสริมสร้างโครงกระดูกด้วยการสะสมแคลเซียม เช่น การเสริมอาหารหรือการเสริมแคลเซียมในปริมาณที่พอเหมาะ ทั้งนี้อาจจะต้องใช้ยาช่วยยับยั้งการสลายแคลเซียมจากกระดูก หรือยาฮอร์โมนบางประเภทร่วมด้วย ยาฉีดที่เป็นฮอร์โมน เรียกว่า "พาราไทรอยด์ฮอร์โมน" ที่ช่วยกระตุ้นในการสร้างกระดูกและช่วยรักษาให้การดูดซึมของแคลเซียมออกจากกระดูกน้อยลง และต้องได้รับการดูแลโดยแพทย์อย่างใกล้ชิดเพื่อป้องกันการหัก
          สิ่งสำคัญคือการดูแลตัวเอง และทำให้มวลกระดูกของเรามีความหนาแน่นเหมือนกับตอนอายุ 35 เพราะเมื่อสูงวัยขึ้นมวลกระดูกก็จะลดลงอย่างช้าๆ สิ่งสำคัญคือการสร้างความรู้ความเข้าใจเรื่องโรคกระดูกพรุนให้มากขึ้น ถึงสาเหตุหรือองค์ประกอบที่ทำให้เป็นโรคกระดูกพรุน ไม่ว่าจะพันธุกรรมหรือปัจจัยเสี่ยง รวมถึงพฤติกรรมการบริโภค และการออกกำลังกายซึ่งเป็นสิ่งสำคัญ การป้องกันไม่ให้เป็นซ้ำอีกคือต้องดูแลในเรื่องคุณภาพกระดูกให้แข็งแรงใกล้เคียงกระดูกปกติ ได้แก่เรื่องยาพื้นบ้าน คือ "แคลเซียม" ปริมาณพอเหมาะอยู่ที่ 800 - 1,000 มิลลิกรัมต่อวัน หากรับประทานเกินไปถึง 2,000-3,000 มิลลิกรัมก็จะดูดซึมได้ไม่หมด อาจเกิดท้องผูกและผลเสียด้านอื่นได้ และทำให้สิ้นเปลืองโดยใช่เหตุ อีกตัวหนึ่งคือ "วิตามินดี" ซึ่งผิวหนังร่างกายคนเราสามารถสร้างได้จากการโดนแสงแดด จึงควรตากแดดประมาณ 30 นาที แนะนำให้ใส่กางเกงขาสั้น เสื้อแขนสั้นไม่ต้องทาครีมกันแดด ในช่วงเวลา 8-9 โมงเช้า แต่ถ้าใครไม่อยากตากแดดก็มีอีกวิธีหนึ่งคือนำเห็ดสดๆ (เห็ดสดที่บริโภคได้) ไปตากแดดในช่วงแดดจัดๆ ประมาณ 1 ชม. เห็ดสดจะสร้างวิตามินดีเก็บไว้ เมื่อเรานำเห็ดนั้นมาปรุงอาหารรับประทาน ก็จะทำให้เราได้รับวิตามินดีได้แบบเต็มๆ นอกจากนี้ การรับประทานอาหารที่มีแคลเซียมมากๆ ตั้งแต่อายุยังน้อย ได้แก่ ผักใบเขียว เช่น คะน้า บร็อคโคลี่ นม และผลิตภัณฑ์ของนม ปลาตัวเล็กตัวน้อย เต้าหู งาดำ ก็ช่วยเสริมสร้างกระดูกของเราให้แข็งแรง ป้องกันโรคกระดูกพรุนยามเมื่อเรากลายเป็นผู้สูงวัยในอนาคต!!
          ศูนย์กระดูกและข้อรพ.กรุงเทพ มีทีมแพทย์เฉพาะทางที่มีประสบการณ์ด้านการรักษากระดูกหักประจำโรงพยาบาล ตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อให้มั่นใจได้ว่าผู้ป่วยกระดูกหักจะได้รับการรักษาที่เหมาะสมและมีผลการรักษาเป็นที่น่าพอใจ พร้อมให้คำปรึกษาแก่ผู้ป่วยกระดูกหักทั้งก่อนการรักษา หรือผู้ป่วยที่ได้รับการรักษามาแล้วแต่ไม่มั่นใจในผลการรักษา ด้วยบริการ Fast Track Fracture Call Center ให้คำปรึกษาตอบปัญหากระดูกหักโดยแพทย์เฉพาะทาง โดยผู้ป่วยสามารถส่งภาพเอกซเรย์มาเพื่อรับคำปรึกษาได้ที่ E-mail : [email protected] สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ โรงพยาบาลกรุงเทพ Call Center โทร.1719

'กระดูกพรุน' ภัยร้าย! คนสูงวัย สะสมแคลเซียมป้องกันได้
'กระดูกพรุน' ภัยร้าย! คนสูงวัย สะสมแคลเซียมป้องกันได้
'กระดูกพรุน' ภัยร้าย! คนสูงวัย สะสมแคลเซียมป้องกันได้
'กระดูกพรุน' ภัยร้าย! คนสูงวัย สะสมแคลเซียมป้องกันได้
 

ข่าวสมบัติ โรจน์วิโรจน์+ศูนย์กระดูกและข้อวันนี้

โรงพยาบาลกรุงเทพ สำนักงานใหญ่ คว้ารางวัลชั้นนำระดับภูมิภาค ตอกย้ำความเป็น "Specialty Hospital" อย่างแท้จริง

โรงพยาบาลกรุงเทพ สำนักงานใหญ่ ภาคภูมิใจอีกครั้งกับการได้รับรางวัล Healthcare Asia Award 2025 สาขา Specialty Hospital รางวัลอันทรงเกียรติที่พิสูจน์ถึงความทุ่มเทในการพัฒนา Center of Excellence โดยเฉพาะศูนย์มะเร็งและศูนย์หัวใจ ตลอดจนศูนย์สมองและระบบประสาท ศูนย์กระดูกและข้อ และศูนย์อุบัติเหตุที่ได้มาตรฐานการรักษาระดับภูมิภาค เน้นการดูแลรักษาผู้ป่วยแบบองค์รวม ผสานเทคโนโลยีที่ทันสมัย พร้อมด้วยทีมแพทย์และทีมสหสาขาที่มีความชำนาญ พร้อมดูแลครบทุกมิติ ศ.พิเศษ นพ.ธีรวุฒิ คูหะเปรมะ ผู้อำนวยการ โรงพยาบาลวัฒ

จากวันนั้น.. ถึงวันนี้ เป็นเวลา 85 ปี โรง... HuaChiew Happy Healthy Family Day 85 ปี โรงพยาบาลหัวเฉียว — จากวันนั้น.. ถึงวันนี้ เป็นเวลา 85 ปี โรงพยาบาลหัวเฉียว มีการพัฒนาอย่างไม่หยุดนิ่ง ให้การรักษา...

ศูนย์ข้อสะโพกและข้อเข่า รพ.กรุงเทพ เผยรูป... แพทย์ไทยโชว์ฝีมือผ่าตัดเปลี่ยนข้อเข่าเทียม แบบเจ็บน้อย ฟื้นไว เดินได้ใน 24 ชม. — ศูนย์ข้อสะโพกและข้อเข่า รพ.กรุงเทพ เผยรูปแบบการรักษา "ผ่าตัดเปลี่ยนข้อเข่...

รพ.กรุงเทพ จัดงานมหกรรมสุขภาพ "สูงวัยกาย-... รพ.กรุงเทพ จัดงานมหกรรมสุขภาพ “สูงวัยกาย-ใจแข็งแรง” — รพ.กรุงเทพ จัดงานมหกรรมสุขภาพ "สูงวัยกาย-ใจแข็งแรง" วันที่ 3 เมษายน 2559 เวลา 8.00 12.00 น. โรงพยาบ...

โรงพยาบาลกรุงเทพ จัดงานเปิดบ้านศูนย์ข้อสะโพกและข้อเข่ากรุงเทพ (Bangkok Hip & Knee Center)

งานเปิดบ้านศูนย์ข้อสะโพกและข้อเข่ากรุงเทพ (Bangkok Hip & Knee Center) วันพฤหัสบดีที่ 11 มิถุนายน 2558 เวลา 13.30 – 15.30 น. นพ.กฤตวิทย์ เลิศอุตสาหกูล ประธานคณะผู้บริหารศูนย์การแพทย์โรงพยาบาลกรุงเทพ เป็นประธาน...

“รวมพลคนกรุงสุขภาพดี”วันอาทิตย์ที่ 4 เมษายน 2553

โรงพยาบาลกรุงเทพ ร่วมกับ ศูนย์เยาวชนลุมพินีสำนักงานวัฒนธรรม กีฬา และการท่องเที่ยวกรุงเทพมหานคร ขอเชิญทุกท่านร่วมกิจกรรม “รวมพลคนกรุงสุขภาพดี“ รับฟังสาระความรู้เกี่ยวกับเรื่อง “ข้อเข่าเสื่อม..เรื่องที่ควรรู้” โดย ผศ.นพ. สมบัติ โรจน์วิโรจน์ ศัลย...

โรงพยาบาลกรุงเทพ จัดกิจกรรมสัมมนา “เจาะลึก วิธีผ่าตัดกระดูกสันหลัง สะโพกและข้อเข่า ที่คุณจะหายกังวล”

สัมมนา “เจาะลึก วิธีผ่าตัดกระดูกสันหลัง สะโพกและข้อเข่า ที่คุณจะหายกังวล” อาทิตย์ที่ 8 มีนาคม 2552 เวลา 8.00 -12.00 น. โรงพยาบาลกรุงเทพ เชิญชวนผู้ที่สนใจ ร่วมงานสัมมนา “เจาะลึก วิธีผ่าตัดกระดูกสันหลัง...