รองนายกฯ ประจินฯ ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมศูนย์ดิจิทัลชุมชน อ.จัตุรัส จ.ชัยภูมิ พร้อมชวนประชาชน ใช้ประโยชน์หาความรู้สร้างอาชีพสร้างรายได้

08 May 2018
พลอากาศเอก ประจิน จั่นตอง รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมการดำเนินงานศูนย์ดิจิทัลชุมชนอำเภอจัตุรัส จังหวัดชัยภูมิ มอบหน่วยงานในสังกัดกระทรวงดิจิทัลฯ ร่วมมือกับหน่วยงานในท้องถิ่นพัฒนารูปแบบศูนย์ดิจิทัลฯ ให้มีบริการภาครัฐที่ตรงกับความต้องการของประชาชนและชุมชน อาทิ การติดตั้งตู้อเนกประสงค์บริการภาครัฐ หรือ Government Smart Kiosk ของ สรอ. การติดตั้งระบบบริหารงาน ณ จุดขาย หรือ Point of Sale: POS ของไปรษณีย์ไทย เป็นต้น รวมทั้งประชาสัมพันธ์ ให้ประชาชนได้รับรู้และใช้ประโยชน์ได้ทุกเพศทุกวัย ตลอดจนเป็นแหล่งเรียนรู้ ฝึกอบรม สร้างอาชีพสร้างรายได้แก่คนในชุมชน
รองนายกฯ ประจินฯ ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมศูนย์ดิจิทัลชุมชน อ.จัตุรัส จ.ชัยภูมิ พร้อมชวนประชาชน ใช้ประโยชน์หาความรู้สร้างอาชีพสร้างรายได้

พลอากาศเอก ประจิน จั่นตอง รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ในฐานะกำกับดูแลงานกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) เปิดเผยว่า การลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมการดำเนินงานของศูนย์ดิจิทัลชุมชนอำเภอจัตุรัส จังหวัดชัยภูมิ ในวันนี้ (7 พ.ค.2561) เป็นส่วนหนึ่งของการประชุมคณะรัฐมนตรีนอกสถานที่อย่างเป็นทางการ ครั้งที่ 3/2561 ซึ่งครั้งนี้จะมีการประชุมที่มหาวิทยาลัยราชภัฏบุรีรัมย์ ในวันอังคารที่ 8 พฤษภาคม 2561

จากการรายงานได้ทราบว่าศูนย์ดิจิทัลชุมชนอำเภอจัตุรัส เป็น 1 ในจำนวน 1,000 แห่ง ที่กระทรวงดิจิทัลฯ จัดตั้งขึ้นเนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 84 พรรษามหาราช และ 80 พรรษามหาราชินี เมื่อปี 2554 เพื่อเทิดพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร (รัชกาลที่ 9) และสมเด็จ พระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ในรัชกาลที่ 9 เป็นศูนย์ขนาดกลางที่มีคอมพิวเตอร์พร้อมอุปกรณ์ จำนวน 16 ชุด ใช้สัญญาณอินเทอร์เน็ตระบบ ADSL ของบริษัท ทีโอที จำกัด (มหาชน) รัฐวิสาหกิจในสังกัดกระทรวงฯ และเปิดให้บริการมาตั้งแต่ 1 กรกฎาคม 2555 โดยมีสำนักงานส่งเสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย หรือ กศน.อำเภอจัตุรัส เป็นผู้ดูแลบริหารจัดการศูนย์ฯ ให้เป็นไปตามวัตถุประสงค์เพื่อลดช่องว่างในการเข้าถึงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารของเด็ก เยาวชน และประชาชนในชุมชน ตลอดจนเข้าถึงบริการของภาครัฐ (e-Services) และการแลกเปลี่ยนเรียนรู้แบ่งปันประสบการณ์ระหว่างชุมชน นอกจากนั้นยังเป็นการสนองนโยบายรัฐบาลที่ต้องการผลักดันให้ประเทศเข้าสู่สังคมแห่งภูมิปัญญาและการเรียนรู้ (Knowledge Based Society) รวมทั้งได้ปรับบทบาท ของศูนย์ฯ จาก "การสร้างโอกาส" มาเป็น "การเพิ่มคุณค่า" โดยใช้ศูนย์ฯ เป็นสื่อกลางระหว่างประชาชนกับรัฐ เป็นช่องทางการรับบริการอิเล็กทรอนิกส์ ส่งเสริมการเรียนรู้ตามอัธยาศัย และส่งเสริมการเรียนรู้ตลอดชีวิตผ่านสื่อต่างๆ

สำหรับการดำเนินงานที่ผ่านมา ศูนย์ดิจิทัลชุมชนอำเภอจัตุรัส (บ้านกอก) ได้จัดสอนหลักสูตรต่างๆ ให้กับคนในชุมชนทั้งที่เป็นนักศึกษาและประชาชนทั่วไปที่สนใจอย่างต่อเนื่อง อาทิ การใช้คอมพิวเตอร์เบื้องต้น การเรียนรู้แอปพลิเคชั่น การสร้างเพจเพื่อขายสินค้าและบริการ การใช้แอปพลิเคชั่นเพื่อการสื่อสาร การสืบค้นข้อมูลทางอินเทอร์เน็ตเบื้องต้น การขายสินค้าออนไลน์ เพิ่มรายได้ สร้างความรู้ เป็นต้น โดยเปิดให้บริการฟรีและมีเจ้าหน้าที่คอยให้คำแนะนำตลอดวันทำการ

ดังนั้น เพื่อให้ศูนย์ดิจิทัลชุมชนอำเภอจัตุรัส สามารถให้บริการประชาชนได้อย่างมีประสิทธิภาพและเกิดประโยชน์ต่อประชาชนในชุมชนอย่างยั่งยืน กระทรวงดิจิทัลฯ ได้มีแนวทางให้หน่วยงานในสังกัดฯ พิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้อง อาทิ สำนักงานคณะกรรมการดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ หรือ สดช. พิจารณาการปรับรูปแบบของศูนย์ฯ ให้เข้ากับความต้องการของประชาชน โดยบูรณาการร่วมกับหลายหน่วยงาน และจัดให้มีบริการภาครัฐที่มีความจำเป็นไว้ให้บริการภายในศูนย์ฯ รวมทั้งจัดกิจกรรมเพื่อประชาสัมพันธ์ส่งเสริมให้ประชาชนเข้าใช้ประโยชน์จากศูนย์ฯ ด้านสำนักงานสถิติจังหวัดชัยภูมิ ดำเนินการประชาสัมพันธ์รายชื่อศูนย์ฯ ในการประชุมหัวหน้าส่วนราชการของจังหวัดซึ่งมีผู้ว่าราชการจังหวัดเป็นประธาน เพื่อให้ทุกหน่วยงานสามารถใช้ประโยชน์ด้านต่างๆ อาทิ เป็นสถานที่จัดฝึกอบรมหรือถ่ายทอดองค์ความรู้ให้กับประชาชนได้ ส่วนสำนักงานรัฐบาลอิเล็กทรอนิกส์ (องค์การมหาชน) หรือ สรอ. พิจารณาจัดสรรตู้บริการอเนกประสงค์ภาครัฐ (Government Smart Kiosk) และจัดอบรมพร้อมประชาสัมพันธ์การใช้งานบริการภาครัฐผ่านตู้ดังกล่าว รวมถึงบริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด พิจารณาดำเนินการติดตั้งระบบบริหารงาน ณ จุดขาย (Point of Sale: POS) ให้กับศูนย์ฯ เพื่อเป็นศูนย์กลางในการฝากขายและส่งสินค้าผ่านไปรษณีย์ไทย ซึ่งจะทำให้ศูนย์ฯ มีรายได้ในการบริหารจัดการ และทำให้ประชาชนเข้าใช้ประโยชน์เพิ่มมากขึ้น