ทริสเรทติ้งคงอันดับเครดิตองค์กรและแนวโน้ม “บ. ผลิตภัณฑ์คอนกรีตชลบุรี” ที่ “BB+/Stable”

22 Mar 2018
ทริสเรทติ้งคงอันดับเครดิตองค์กรของ บริษัท ผลิตภัณฑ์คอนกรีตชลบุรี จำกัด (มหาชน) ที่ระดับ "BB+" โดยอันดับเครดิตยังคงสะท้อนถึงผลการดำเนินงานที่ยาวนานของบริษัท ตลอดจนการมีขีดความสามารถในการแข่งขันที่เพียงพอในจังหวัดชลบุรี อย่างไรก็ตาม จุดแข็งดังกล่าวถูกลดทอนบางส่วนจากการที่บริษัทมีขนาดธุรกิจที่เล็กเมื่อเปรียบเทียบกับคู่แข่งที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ ตลอดจนการกระจุกตัวของธุรกิจเฉพาะในพื้นที่จังหวัดชลบุรี รวมทั้งความเสี่ยงจากวงจรที่มีลักษณะขึ้นลงและการแข่งขันที่รุนแรงของอุตสาหกรรมวัสดุก่อสร้าง นอกจากนี้ การคงอันดับเครดิตดังกล่าวยังได้มีการพิจารณาถึงผลประกอบการที่ค่อนข้างอ่อนแอในปัจจุบันของบริษัทรวมถึงสภาพคล่องที่ตึงตัวมากขึ้นเนื่องจากบริษัทมีหุ้นกู้ที่จะครบกำหนดชำระจำนวนมาก

ประเด็นสำคัญที่กำหนดอันดับเครดิต

มีความสามารถในการแข่งขันที่เพียงพอในพื้นที่ภาคตะวันออกของประเทศ

ความแข็งแกร่งทางธุรกิจของบริษัทเป็นผลมาจากการดำเนินธุรกิจที่ยาวนานซึ่งได้สร้างฐานลูกค้าที่มั่นคงและความสามารถในการแข่งขันที่เพียงพอในตลาด สินทรัพย์หลักของบริษัทประกอบด้วยโรงงานคอนกรีตผสมเสร็จหลายแห่งและโรงงานคอนกรีตสำเร็จรูป โรงงานอิฐมวลเบา รวมถึงพาหนะในการขนส่งสินค้าต่าง ๆ ซึ่งตั้งอยู่ในพื้นที่จังหวัดชลบุรี โดยสินทรัพย์เหล่านี้ช่วยให้บริษัทมีความได้เปรียบในด้านการให้บริการและค่าขนส่งที่เหนือกว่าคู่แข่งทั้งในและนอกพื้นที่ นอกจากนี้ สภาพเศรษฐกิจภายในภาคตะวันออกของประเทศไทยที่ขยายตัวสูงกว่าค่าเฉลี่ยนั้นยังเป็นปัจจัยสนับสนุนสำคัญอีกประการหนึ่งที่มีผลต่อการเติบโตของรายได้และกำไรของบริษัทด้วยเช่นกัน

ธุรกิจที่มีขนาดเล็กและรายได้ที่กระจุกตัว

การทบทวนอันดับเครดิตยังได้มีการพิจารณาถึงขนาดของธุรกิจของบริษัทที่มีขนาดเล็กเมื่อเปรียบเทียบกับคู่แข่งที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ด้วย กล่าวคือ บริษัทมีตำแหน่งทางการตลาดที่อ่อนแอเนื่องจากในอุตสาหกรรมการผลิตซีเมนต์และคอนกรีตนั้นมีผู้ครองตลาดรายใหญ่เพียง 3 ราย นอกจากนี้ ความสามารถในการแข่งขันของบริษัทยังจำกัดวงอยู่เฉพาะในเขตจังหวัดชลบุรีและจังหวัดใกล้เคียง การมีขนาดธุรกิจที่เล็กส่งผลทำให้ธุรกิจของบริษัทมีความอ่อนไหวได้ง่ายหากได้รับผลกระทบจากภาวะตลาดขาลง ในขณะที่สถานะทางธุรกิจของบริษัทยังมีความเสี่ยงจากการกระจุกตัวของรายได้เฉพาะในพื้นที่เดียวเท่านั้นอีกด้วยเนื่องจากรายได้จำนวนมากกว่า 75% ของบริษัทอยู่ในจังหวัดชลบุรี

เป็นอุตสาหกรรมที่มีลักษณะวงจรขึ้นลงและมีการแข่งขันรุนแรง

ความต้องการสินค้าของบริษัทขึ้นอยู่กับโครงการก่อสร้างใหม่ ๆ และการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานของภาครัฐซึ่งขึ้นอยู่กับการตัดสินใจและมักเปลี่ยนแปลงไปตามวงจรที่ขึ้นลงของภาวะเศรษฐกิจ ทั้งนี้ การแข่งขันในอุตสาหกรรมวัสดุก่อสร้างนั้นค่อนข้างรุนแรงเมื่อพิจารณาจากลักษณะของการแข่งขันด้านราคา การมีลักษณะของผลิตภัณฑ์ที่มีความแตกต่างกันน้อย และการมีคู่แข่งจำนวนมากในตลาด

ทริสเรทติ้งยังคงมุมมองในเชิงบวกในลักษณะกว้าง ๆ สำหรับกิจกรรมการก่อสร้างในจังหวัดชลบุรีในอนาคต โดยเฉพาะอย่างยิ่งโครงการก่อสร้างภายใต้โครงการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (Eastern Economic Corridor -- EEC) ของรัฐบาล อย่างไรก็ตาม ทริสเรทติ้งไม่ได้คาดหมายว่าอุปสงค์ของวัสดุก่อสร้างจะเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วในทันทีเมื่อพิจารณาจากอุปทานส่วนเกินที่มีอยู่ในปัจจุบัน นอกจากนี้ การแข่งขันในจังหวัดชลบุรีก็ยังมีแนวโน้มที่จะทวีความรุนแรงยิ่งขึ้นเนื่องจากโอกาสทางธุรกิจของจังหวัดจะเป็นปัจจัยดึงดูดให้ผู้ผลิตจากพื้นที่อื่น ๆ เข้ามาสู่พื้นที่นี้

ผลประกอบการยังคงอ่อนแออย่างต่อเนื่อง

สถานะเครดิตของบริษัทยังคงอยู่ในสถานการณ์ที่ย่ำแย่อันเป็นผลมาจากอุปสงค์ที่ยังคงซบเซาและการมีอุปทานส่วนเกินในอุตสาหกรรมวัสดุก่อสร้าง ในขณะที่โครงการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานต่าง ๆ ที่รอคอยมานานก็ยังคงล่าช้าออกไปซึ่งส่งผลให้บรรยากาศในอุตสาหกรรมก่อสร้างยิ่งย่ำแย่ลงและยังมีผลยับยั้งการฟื้นตัวของตลาด

บริษัทยังคงรักษารายได้ให้อยู่ที่ระดับ 2,340 ล้านบาทได้ในปี 2560 จากสัญญาโครงการของภาครัฐในพื้นที่รอบ ๆ จังหวัดชลบุรี อย่างไรก็ตาม อัตรากำไรยังคงลดลงจากการแข่งขันด้านราคาและการขาดทุนที่มากขึ้นจากธุรกิจอิฐมวลเบา การเพิ่มขึ้นของราคาปูนซีเมนต์ในช่วงครึ่งหลังของปี 2560 ก็สร้างแรงกดดันต่อต้นทุนวัตถุดิบและความสามารถในการทำกำไรของบริษัทด้วยเช่นกัน โดยบริษัทมีอัตราส่วนกำไรจากการดำเนินงาน (อัตราส่วนกำไรจากการดำเนินงานก่อนค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่ายต่อรายได้) ลดลงอย่างต่อเนื่องจาก 8.5% ในปี 2559 เหลือ 7.3% ในปี 2560 ซึ่งเป็นอัตราส่วนที่ต่ำที่สุดในรอบ 5 ปีที่ผ่านมา เงินทุนจากการดำเนินงานก็ลดลงเหลือ 143 ล้านบาทในปี 2560 ซึ่งเป็นจำนวนที่ลดลงอย่างต่อเนื่องถึง 5 ปีติดต่อกัน ส่วนสภาพคล่องนั้นก็อ่อนแอลงเนื่องจากอัตราส่วนเงินทุนจากการดำเนินงานต่อเงินกู้รวมลดลงจาก 19.1% ในปี 2559 เหลือ 16.5% ในปี 2560

สภาพคล่องที่ตึงตัว

สภาพคล่องของบริษัทตึงตัวมากขึ้นจากกระแสเงินสดที่ลดลงในขณะที่มีหุ้นกู้จำนวนมากที่ใกล้จะครบกำหนดชำระ โดยบริษัทมีหุ้นกู้จำนวน 250 ล้านบาทที่จะครบกำหนดชำระในเดือนพฤษภาคมและกรกฎาคมนี้ ในขณะที่แหล่งเงินทุนของบริษัทซึ่งประกอบด้วยเงินทุนจากการดำเนินงานและเงินสดในมือนั้นมีไม่เพียงพอที่จะใช้ชำระหุ้นกู้ดังกล่าว ส่วนวงเงินกู้ระยะสั้นของบริษัทนั้นก็มีการเบิกใช้ไปเกือบเต็มวงเงินแล้ว ทริสเรทติ้งมองว่าผลประกอบการที่อ่อนแอในปัจจุบันน่าจะส่งผลให้ความเสี่ยงด้านการกู้ยืมใหม่หรือรีไฟแนนซ์ของบริษัทมีเพิ่มสูงขึ้น ความล้มเหลวในการหาแหล่งเงินทุนที่เพียงพอที่จะนำมาใช้จ่ายชำระหุ้นกู้นั้นจะนำไปสู่การปรับลดอันดับเครดิตของบริษัทได้ในอนาคต

ทั้งนี้ ทริสเรทติ้งเห็นว่า ณ ปัจจุบัน บริษัทไม่มีหนี้ตั๋วแลกเงินระยะสั้นเหลืออยู่เนื่องจากบริษัทได้นำเงินกู้จากธนาคารไปชำระคืนเรียบร้อยแล้วในปีที่ผ่านมา

แนวโน้มอันดับเครดิต

แนวโน้มอันดับเครดิต "Stable" หรือ "คงที่" สะท้อนถึงมุมมองของทริสเรทติ้งว่าการแข่งขันที่รุนแรงและผลประกอบที่ย่ำแย่ของธุรกิจอิฐมวลเบาจะยังคงสร้างแรงกดดันต่อความสามารถในการทำกำไรในธุรกิจหลักของบริษัทต่อไป จากประมาณการพื้นฐานของทริสเรทติ้งคาดว่าผลประกอบการของบริษัทน่าจะยังคงอ่อนแอต่อไปในปี 2561 ทั้งนี้ หากโครงการของภาครัฐโดยเฉพาะโครงการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออกมีความชัดเจนมากขึ้น ผลประกอบของบริษัทก็น่าจะค่อย ๆ ปรับตัวดีขึ้นจากความได้เปรียบในด้านพื้นที่ของบริษัทในจังหวัดชลบุรี อย่างไรก็ตาม ธุรกิจอิฐมวลเบามีแนวโน้มที่จะยังคงขาดทุนอย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้ คาดว่าเงินทุนจากการดำเนินงานของบริษัทจะอยู่ที่ 140-160 ล้านบาทในระหว่างปี 2561-2563 อัตราส่วนกำไรจากการดำเนินงานน่าจะอยู่ในระดับระหว่าง 7.5%-8.5% ในขณะที่อัตราส่วนเงินทุนจากการดำเนินงานต่อเงินกู้รวมคาดว่าจะยังอยู่สูงกว่า 15%

ปัจจัยที่อาจทำให้อันดับเครดิตเปลี่ยนแปลง

อันดับเครดิตและ/หรือแนวโน้มอันดับเครดิตอาจได้รับการปรับเพิ่มขึ้นหากบริษัทสามารถเพิ่มกระแสเงินสดให้มากเพียงพอที่จะใช้รองรับภาระหนี้ได้ซึ่งอาจเกิดได้จากการมีความสามารถในการทำกำไรที่ดีขึ้นเป็นระยะเวลานานและการลดลงของระดับหนี้เงินกู้อย่างมีนัยสำคัญ ทั้งนี้ ทริสเรทติ้งมองว่าบริษัทมีความจำเป็นที่จะต้องบริหารจัดการสภาพคล่องให้รอบคอบมากขึ้นเพื่อป้องกันผลกระทบในเชิงลบในกรณีที่ตลาดย่ำแย่ลง

อันดับเครดิตและ/หรือแนวโน้มอันดับเครดิตของบริษัทอาจได้รับการปรับลดลงหากผลประกอบการของบริษัทอ่อนแอมากขึ้น และ/หรือหนี้เงินกู้ของบริษัทเพิ่มสูงขึ้นกว่าระดับในปัจจุบันอย่างมีนัยสำคัญ