แสนสิริเผยแผนเปิด 12 คอนโดปี 2561 มูลค่ารวม 33,500 ล้านบาท ภายใต้ 6 กลยุทธ์ฉีกกฎพัฒนา
คอนโดมิเนียมรูปแบบเดิม ไฮไลท์เปิดตัวคอนโดมิเนียมโครงการแรกของแสนสิริ สร้างเสร็จก่อนขาย "เดอะ ไลน์
วงศ์สว่าง" มูลค่าโครงการ 4,600 ล้านบาท ตั้งเป้ายอดขายคอนโดมิเนียม 30,000 ล้านบาท เติบโตขึ้น 43%
แสนสิริ ประกาศแผนพัฒนาคอนโดมิเนียมปี 2561 เปิด 12 โครงการใหม่ มูลค่ารวม 33,500 ล้านบาท ครอบคลุ
มกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด ภายใต้ 6 กลยุทธ์ฉีกกฎพัฒนาคอนโดมิเนียมรูปแบบเดิม ได้แก่ 1.การรุกสร้างแบรนด์คอนโดมิเนียมและเปิดตัวคอนโดมิเนียมภายใต้แบรนด์ใหม่ 2.รุกกว้างตลาดต่างชาติ เกาหลี – ญี่ปุ่น – ไต้หวัน 3.ผนึกกำลังพันธมิตรชั้นนำทั้งไทยและระดับโลกสานต่อความสำเร็จภายใต้ บ.ร่วมทุนกับ บีทีเอส – โตคิว กรุ๊ป 4. ลุยพัฒนาต่ออีก 5 คอนโดในหัวเมืองหลักต่างจังหวัด 5.สานต่อ Digital Transformation Chapter2 สู่การพัฒนาคอนโดมิเนียมรูปแบบใหม่ 6. นำแนวคิดระดับโลก Agile (เอจาวล์) พลิกโฉมองค์กรรับยุคมิลเลนเนียล ไฮไลท์ไตรมาสแรกด้วยการเปิดตัวคอนโดมิเนียมโครงการแรกของแสนสิริที่สร้างเสร็จก่อนขาย "เดอะ ไลน์ วงศ์สว่าง" คอนโดมิเนียมโครงการล่าสุดภายใต้การร่วมทุนระหว่างแสนสิริ – บีทีเอส จำนวนทั้งสิ้น 1,287 ยูนิต มูลค่าโครงการ 4,600 ล้านบาท ชูจุดเด่นสร้างเสร็จก่อนขาย ตกแต่งครบพร้อมอยู่ ติด MRT วงศ์สว่าง พร้อม Facility กว่า 6,000 ตารางเมตรที่มีถึง 14 ฟังก์ชันการใช้งานออกแบบตอบโจทย์ครบทุกความต้องการ เปิดพรีเซลล์ 17 – 18 มี.ค.นี้ ในราคาเริ่มต้นเพียง 1.99 ล้านบาท เผยตั้งเป้ายอดขายคอนโดมิเนียมในปีนี้ 30,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้นถึง 43% จากปีก่อน
นายอุทัย อุทัยแสงสุข ประธานผู้บริหารสายงานปฎิบัติการ บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า แผนธุรกิจในการพัฒนาคอนโดมิเนียมในปี 2561 บริษัทวางแผนเปิดตัวคอนโดมิเนียมใหม่จำนวน 12 โครงการคอนโดมิเนียมใหม่ มูลค่ารวม 33,500 ล้านบาท แบ่งเป็นในกรุงเทพฯ จำนวน 7 โครงการ และต่างจังหวัดอีก 5 โครงการ โดยแนวทางการพัฒนาคอนโดมิเนียมในปี 2561 บริษัทจะก้าวแกร่งครั้งใหญ่สู่ "Tomorrow is Unfolded" ตามโรดแมพการดำเนินธุรกิจของบริษัท ภายใต้ 7 กุญแจสำคัญ ได้แก่
1.การรุกสร้างแบรนด์คอนโดมิเนียมและเปิดตัวคอนโดมิเนียมภายใต้แบรนด์ใหม่ บริษัทจะรุกสร้างแบรนด์คอนโดมิเนียมภายใต้แบรนด์ THE BASE "เดอะ เบส" ซึ่งเป็นคอนโดมิเนียมที่มุ่งเน้นตอบสนองชีวิตคนรุ่นใหม่ ทันสมัย มีความเป็นตัวของตัวเอง การออกแบบในแต่ละโครงการสะท้อนบุคลิกภาพและไลฟ์สไตล์ของกลุ่มลูกค้าในทำเลนั้น ซึ่งเป็นที่มาของแนวคิด "You are where you live" โดยในปีนี้จะเน้นแนวคิดการตลาดด้านการพัฒนาแบรนด์ที่มีความชัดเจนและสะท้อนความต้องการของลูกค้าอย่างแท้จริงซึ่งมีแผนเปิดตัวคอนโดมิเนียมแบรนด์ เดอะ เบส ในรูปแบบใหม่จำนวน 5 โครงการ มูลค่ารวม 13,600 ล้านบาท ในทำเลสุขุมวิท 50, สะพานใหม่, ภูเก็ต, เจริญราษฎร์ และท่าพระ รวมถึงจะมีการเปิดตัวคอนโดมิเนียมภายใต้แบรนด์ Via (เวีย) อีกครั้ง หลังจากที่เคยประสบความสำเร็จจากคอนโดมิเนียมภายใต้แบรนด์เวียมาแล้ว 3 โครงการในช่วงที่ผ่านมา ได้แก่ Via31, Via Botani และ Via49 นอกจากนี้การรุกสร้างแบรนด์คอนโดมิเนียมที่สำคัญในปีนี้ บริษัทจะมีการเปิดตัวคอนโดมิเนียมภายใต้แบรนด์ใหม่จำนวนถึง 4 โครงการ ที่มีดีไซน์เฉพาะตัวออกแบบมาเพื่อรองรับความต้องการและไลฟ์สไตล์ของคนรุ่นใหม่โดยเฉพาะ โดยจะมีการเปิดตัวในช่วงไตรมาสที่ 4 ของปีนี้
2. การรุกกว้างตลาดต่างชาติ เจาะกลุ่มลูกค้าต่างชาติเพิ่มมากขึ้น ด้วยการเจาะกลู่มลูกค้าใหม่ "เกาหลี" และสร้างฐานที่แข็งแกร่งมากขึ้นในญี่ปุ่น รวมถึงการขยายฐานลูกค้าเดิมอย่างลูกค้าชาวจีน ฮ่องกง ไต้หวัน และสิงคโปร์เพิ่มมากขึ้น โดยล่าสุดในช่วงต้นปีที่ผ่านมาบริษัทได้เปิดออฟฟิศในต่างประเทศเพิ่มขึ้นแห่งที่ 6 ที่ฮ่องกง เพื่อเพิ่มส่วนแบ่งการตลาดและรักษาความเป็นที่หนึ่งในตลาดต่างประเทศ โดยมีการตั้งเป้ายอดขายเพิ่มขึ้นถึง 40% จากปี 2560 เป็น 13,000 ล้านบาท เพื่อรองรับแนวโน้มการขยายตัวของเศรษฐกิจโลกและเอเชีย
3. สานต่อกลยุทธ์การเติบโตอย่างก้าวกระโดดด้วยการเป็นพันธมิตรกับบริษัทชั้นนำทั้งไทยและต่างประเทศ สำหรับกลุ่มโครงการที่อยู่อาศัย จะมีโครงการใหม่จากการลงทุนร่วมกับบีทีเอสและโตคิว กรุ๊ป อีกประมาณ 4-6 โครงการ มีมูลค่ารวมประมาณ 12,000-19,000 ล้านบาท รวมทั้งยังมีแผนเปิดโครงการที่พักอาศัย The Standard Residence และ Monocle Residenceเป็นครั้งแรกของโลก ส่วนในกลุ่มธุรกิจใหม่ๆ JustCo บริษัทได้เตรียมเปิด 4 สาขา โดยจะเปิด 2 สาขาแรกที่อาคาร AIA Sathorn ในเดือนพฤษภาคม และอาคาร All Seasons Place ในเดือนสิงหาคม โดยเล็งมอบสิทธิพิเศษให้ลูกบ้านแสนสิริเข้าใช้บริการ ส่วน Hostmaker จะเข้ามาช่วยบริหารจัดการอสังหาริมทรัพย์ให้แก่ลูกบ้านและสร้างเพิ่มความสามารถในการแข่งขันในตลาดต่างประเทศ
4. ลุยพัฒนาต่ออีก 5 คอนโดในหัวเมืองหลักต่างจังหวัด อาทิ ภูเก็ต หาดใหญ่ พัทยา และหัวหินจากความสำเร็จในการรุกขยายการพัฒนาโครงการในตลาดต่างจังหวัดอย่างต่อเนื่องในช่วงที่ผ่านมา โดยบริษัทเตรียมเปิดตัวแคมเปญ Joy of Hua Hin ซึ่งเป็นแคมเปญต้อนรับฤดูร้อนในช่วงเดือนมีนาคมนี้เพื่อมอบสิทธิพิเศษสำหรับลูกค้าแสนสิริ รวมถึงตอบรับการเปิดตัวโครงการใหม่ล่าสุดที่หัวหิน ในชื่อโครงการ "La Casita" (ลา คาสิตา) หัวหิน ซึ่งวางแผนเปิดตัวการขายในช่วงต้นเดือนเมษายนนี้
5. ก้าวสำคัญในการสานต่อ Digital Transformation Chapter 2 สู่การพัฒนาคอนโดมิเนียมรูปแบบใหม่ อาทิ การพัฒนาต่อยอดใน Siri Life Tech 6 นวัตกรรมของแสนสิริเพื่อการใช้ชีวิตและการอยู่อาศัยแนวใหม่ รวมถึงการพัฒนานวัตกรรมในคอนโดมิเนียมที่เติมเต็มประสบการณ์การอยู่อาศัยและการใช้ชีวิตในทุก ๆ ด้านตามแนวคิด Complete your living experience อาทิ Saving Energy: Automatic light system ระบบเปิด/ปิดไฟในพื้นที่ส่วนกลางแบบอัตโนมัติจากการจับเซนเซอร์ความเคลื่อนไหวเพื่อช่วยประหยัดพลังงาน และ Smart Locker บริการตรวจสอบการรับ-ส่งสิ่งของจาก Home Service Applications ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของคนรุ่นใหม่ที่รักการช็อปปิ้งออนไลน์ รวมถึง Trendy Wash เปลี่ยนการหยอดเหรียญเครื่องซักผ้าให้กลายเป็นการชำระเงินออนไลน์ด้วยระบบการเติมเงินซักผ้าใน E-wallet ที่มาพร้อมกับความสะดวกสบายแบบเต็มพิกัดด้วยระบบแจ้งเตือนอัตโนมัติเมื่อเครื่องซักผ้าเสร็จ ซึ่งเริ่มนำร่องใช้งานแล้วที่โครงการ เดอะ ไลน์ จตุจักร หมอชิต เป็นต้น
6. การปักธง 3 ปี สู่ "Dream Place to Work" ซึ่งนำแนวคิดระดับโลก "Agile" (เอจาวล์) พลิกโฉมองค์กรรับยุคมิลเลนเนียล ฉีกกฏการทำงานแบบเดิมให้คล่องตัวและมีประสิทธิภาพขึ้น เพิ่มประสิทธิภาพพัฒนาโครงการและบริการที่ตอบโจทย์ลูกค้ารวดเร็วขึ้นสูงสุดได้ถึง 20%