นายณัฎฐปัญญ์ ศิริวิริยะกุล รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มบริษัท เกษตรไทย อินเตอร์เนชั่นแนล ชูการ์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ KTIS ผู้นำในอุตสาหกรรมน้ำตาลและอุตสาหกรรมต่อเนื่อง เปิดเผยว่า โครงการไบโอคอมเพล็กซ์ (Biocomplex) ที่จังหวัดนครสวรรค์ ซึ่งเกิดจากการร่วมลงทุนของ 2 ฝ่ายคือกลุ่มKTIS และ GGC (บมจ.โกลบอลกรีนเคมิคอล) ฝ่ายละเท่าๆ กัน คือร้อยละ 50 ขณะนี้อยู่ระหว่างการออกแบบทางวิศวกรรมขั้นสุดท้าย เพื่อสร้างสาธารณูปโภคพื้นฐานรองรับโครงการในเฟสที่ 1 และเฟสที่ 2 บนพื้นที่โครงการรวมประมาณ 2,000 ไร่ โดยใช้สำหรับเฟส 1 ประมาณ 1,000 ไร่
"โครงการนี้ไม่ได้มีเฉพาะโรงงานของกลุ่ม KTIS และ GGC แต่จะมีโรงงานผลิตภัณฑ์ชีวภาพของผู้ลงทุนอื่นๆ ทั้งในและต่างประเทศที่เข้ามาใช้ระบบสาธารณูปโภคของโครงการ และใช้ผลิตภัณฑ์ที่ผลิตในเฟสแรกคือเอทานอล ไอน้ำ และไฟฟ้า ในการสร้างผลิตภัณฑ์ต่อยอดอื่นๆ ดังนั้น ผู้บริหารและทีมงานของ KTISและ GGC จึงได้ออกไปแนะนำโครงการไบโอคอมเพล็กซ์เพื่อเชิญชวนนักลงทุนต่างประเทศเข้ามาลงทุน โดยประเทศแรกที่ไปคือประเทศญี่ปุ่น ซึ่งผลปรากฏว่าได้รับความสนใจจากนักลงทุนมากเกินความคาดหมาย" นายณัฎฐปัญญ์ กล่าว
ทั้งนี้ จุดเด่นของโครงการไบโอคอมเพล็กซ์ที่จังหวัดนครสวรรค์คือ ตั้งอยู่ในแหล่งศูนย์กลางวัตถุดิบหลักคืออ้อย และมีผลิตภัณฑ์ตั้งต้นอย่างเอทานอล และพลังงานไฟฟ้าและไอน้ำจากเชื้อเพลิงชีวมวล ที่สามารถส่งเข้าโรงงานอื่นๆ ที่จะมาตั้งในไบโอคอมเพล็กซ์ได้อย่างสะดวกรวดเร็ว อีกทั้งยังไม่ไกลจากกรุงเทพมหานคร ทำให้มีความสะดวกในการขนส่งผลิตภัณฑ์ชีวภาพไปยังพื้นที่ต่างๆ ในประเทศ รวมทั้งส่งออกไปต่างประเทศด้วย
"โครงการไบโอคอมเพล็กซ์ที่จะเกิดขึ้นที่จังหวัดนครสวรรค์นี้ จะเป็นประโยชน์อย่างมากกับเศรษฐกิจของไทย เพราะที่ผ่านมา ประเทศไทยมีความได้เปรียบทางด้านวัตถุดิบทางการเกษตรและความหลากหลายทางชีวภาพ แต่ผลิตภัณฑ์ที่ออกมานั้นยังเป็นผลิตภัณฑ์ขั้นพื้นฐานซึ่งมีมูลค่าค่อนข้างต่ำ โครงการไบโอคอมเพล็กซ์ ซึ่งอยู่ภายใต้แนวนโยบายการสร้างเศรษฐกิจชีวภาพ (Bioeconomy) เป็นโครงการที่ใช้เทคโนโลยีขั้นสูงเพื่อผลิตผลิตภัณฑ์ต่อยอดที่มีมูลค่าสูงขึ้น จะส่งผลให้มูลค่าทางเศรษฐกิจของประเทศสูงขึ้นด้วย รายได้ของเกษตรกรก็จะสูงขึ้น เกษตรกรจะมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น โครงการลงทุนต่างๆ จะก่อให้เกิดการจ้างงานมากขึ้น ชุมชนใกล้เคียงก็จะมีเศรษฐกิจและสภาพความเป็นอยู่ดีขึ้นด้วยเช่นกัน" รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่ม KTIS กล่าว
ไตรมาส 2/65 KTIS มีกำไรสุทธิ 689.5 ล้านบาท โต 236.5% รายได้เพิ่มจากปริมาณอ้อยพุ่ง แถมค่าเงินบาทอ่อนช่วยหนุน
กลุ่ม KTIS เผยปัจจัยบวกหลายเด้งปี 65 ค่าเงินบาทอ่อน ปริมาณอ้อยพุ่ง 44% ราคาขายเพิ่ม
กลุ่ม KTIS มั่นใจธุรกิจเติบโตดีปี 65
กลุ่ม KTIS คาดผลผลิตอ้อยปี 64/65 เพิ่มขึ้นกว่า 25% จับตาต้นปี 65 เริ่มรับรู้รายได้จาก 2 กลุ่มธุรกิจใหม่
กลุ่ม KTIS ลดต้นทุนฝ่ากระแสโควิด ส่งผลปี 2563 มีกำไร 569 ล้านบาท
กลุ่ม KTIS เผยรายได้ 9 เดือน 11,260 ล้านบาท คาดอ้อยเข้าหีบฤดูการผลิต 63/64 มากกว่าปีก่อน
กลุ่ม KTIS เน้นคุมต้นทุน หนุนกำไรไตรมาส 3 โต 707%
ภาพข่าว: กลุ่ม KTIS สนับสนุนโมเดลเศรษฐกิจใหม่ BCG
กลุ่ม KTIS ร่วมขบวนโมเดลเศรษฐกิจใหม่ BCG ขับเคลื่อนประเทศไทยสู่การเติบโตอย่างยั่งยืน