สภาวะตลาดวันที่ 09 มีนาคม 2561 ราคาทองคำแกว่งตัวในกรอบที่ระดับ 1,316.40-1,322.60 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ขณะที่ราคาทองคำแท่ง 96.5% ภายในประเทศขายออกอยู่ที่ 19,650 บาทต่อบาททองคำ โดยราคาปรับตัวลดลง 50 บาท จากวันก่อนหน้าที่ระดับ 19,700 บาทต่อบาททองคำ ขณะที่โกลด์ฟิวเจอร์ส GFJ18 อยู่ที่ 19,700 บาท โดยราคาปรับตัวลดลง 100 บาท จากวันก่อนหน้าที่ระดับ 19,800 บาท
(หมายเหตุ: ข้อมูลนี้จัดทำขึ้น ณ เวลา 15.51 น. ของวันที่ 09/03/61)
แนวโน้มวันที่ 12 มีนาคม 2561
ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์แห่งสหรัฐ ได้ลงนามในคำสั่งประธานาธิบดี เพื่อใช้มาตรการเรียกเก็บภาษีนำเข้าเหล็กในอัตรา 25% และอลูมิเนียม 10% จากประเทศต่างๆ ยกเว้นแคนาดาและเม็กซิโก และ เปิดโอกาสสำหรับกาเจราการค้าเพิ่มเติมในบางประเทศ จนปัญหาความตึงเครียดทางการค้าระหว่างประเทศคู่ค้าสหรัฐเบาบางลง ปธน.ทรัมป์ ดูเหมือนจะยอมอ่อนข้อลงต่อแรงกดดันจากนักการเมืองในพรรครีพับลิกัน กลุ่มธุรกิจอุตสาหกรรมในสหรัฐ และพันธมิตรของสหรัฐในต่างประเทศ ประเด็นดังกล่าวหนุนดัชนีดอลลาร์ปรับขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบกว่า 1 สัปดาห์ จนสร้างแรงขายเข้าสู่ตลาดทองคำ แต่อย่างไรก็ตาม ยังคงมีบางประเทศแสดงท่าทีตอบโต้มาตรการเรียกเก็บภาษีดังกล่าวของสหรัฐ อย่างชัดเจน เช่น จีน และสหภาพยุโรป เตรียมพร้อมดำเนินการตอบโตด้วยมาตรการที่เหมาะสมในกรณีที่เกิดปัญหาสงครามการค้ากับสหรัฐ ซึ่งหากเกิดการตอบโต้ที่เป็นรูปธรรมที่ชัดเจนขึ้น ประเด็นดังกล่าวก็จะกลับมาเป็นปัจจัยหนุนราคาทองคำ ทั้งนี้ ปธน.ทรัมป์ ได้ตกลงที่จะประชุมกับนายคิม จอง อึน ผู้นำเกาหลีเหนือ ภายในเดือนพ.ค.นี้ นอกจากนี้ นายชินโสะ อาเบะ นายกรัฐมนตรีของญี่ปุ่น ได้ออกมาแสดงท่าทีพอใจต่อการเปลี่ยนท่าทีของรัฐบาลเกาหลีเหนือ เดินทางเยือนสหรัฐในเดือนเมษายน เพื่อเข้าพบ ปธน.ทรัมป์ ในประเด็นดังกล่าว ทำให้ทั้งดอลลาร์แข็งค่าเพิ่ม แนวโน้มความขัดแย้งบริเวณคาบสมุทรเกาหลีลดความตึงเครียดลง จนส่งผลให้ทองคำในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัยถูกลดความน่าสนใจในการลงทุนตามไปด้วย ขณะที่ประเด็นดังกล่าวกระตุ้นการลงทุนในตลาดหุ้นหลายประเทศของเอเชียให้ปรับตัวสูงขึ้น ในระยะสั้นวายแอลจีแนะนำให้ซื้อขายทำกำไรในกรอบ โดยรอจังหวะเปิดสถานะซื้อเมื่อราคาย่อตัวลงมาบริเวณแนวรับ และขายทำกำไรเมื่อราคาดีดตัวขึ้นไปบริเวณแนวต้าน หากราคาทองคำดีดตัวขึ้นไม่ผ่านแนวต้านที่ 1,329 ดอลลาร์ต่อออนซ์ หรือไม่สามารถยืนเหนือบริเวณดังกล่าวได้ราคาทองคำอาจมีย่อตัวลงมา โดยประเมินแนวรับที่ 1,308-1,302 ดอลลาร์ต่อออนซ์
(หมายเหตุ: ข้อมูลนี้จัดทำขึ้น ณ เวลา 15.51 น. ของวันที่ 09/03/61)
แนวโน้มวันที่ 12 มีนาคม 2561
ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์แห่งสหรัฐ ได้ลงนามในคำสั่งประธานาธิบดี เพื่อใช้มาตรการเรียกเก็บภาษีนำเข้าเหล็กในอัตรา 25% และอลูมิเนียม 10% จากประเทศต่างๆ ยกเว้นแคนาดาและเม็กซิโก และ เปิดโอกาสสำหรับกาเจราการค้าเพิ่มเติมในบางประเทศ จนปัญหาความตึงเครียดทางการค้าระหว่างประเทศคู่ค้าสหรัฐเบาบางลง ปธน.ทรัมป์ ดูเหมือนจะยอมอ่อนข้อลงต่อแรงกดดันจากนักการเมืองในพรรครีพับลิกัน กลุ่มธุรกิจอุตสาหกรรมในสหรัฐ และพันธมิตรของสหรัฐในต่างประเทศ ประเด็นดังกล่าวหนุนดัชนีดอลลาร์ปรับขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบกว่า 1 สัปดาห์ จนสร้างแรงขายเข้าสู่ตลาดทองคำ แต่อย่างไรก็ตาม ยังคงมีบางประเทศแสดงท่าทีตอบโต้มาตรการเรียกเก็บภาษีดังกล่าวของสหรัฐ อย่างชัดเจน เช่น จีน และสหภาพยุโรป เตรียมพร้อมดำเนินการตอบโตด้วยมาตรการที่เหมาะสมในกรณีที่เกิดปัญหาสงครามการค้ากับสหรัฐ ซึ่งหากเกิดการตอบโต้ที่เป็นรูปธรรมที่ชัดเจนขึ้น ประเด็นดังกล่าวก็จะกลับมาเป็นปัจจัยหนุนราคาทองคำ ทั้งนี้ ปธน.ทรัมป์ ได้ตกลงที่จะประชุมกับนายคิม จอง อึน ผู้นำเกาหลีเหนือ ภายในเดือนพ.ค.นี้ นอกจากนี้ นายชินโสะ อาเบะ นายกรัฐมนตรีของญี่ปุ่น ได้ออกมาแสดงท่าทีพอใจต่อการเปลี่ยนท่าทีของรัฐบาลเกาหลีเหนือ เดินทางเยือนสหรัฐในเดือนเมษายน เพื่อเข้าพบ ปธน.ทรัมป์ ในประเด็นดังกล่าว ทำให้ทั้งดอลลาร์แข็งค่าเพิ่ม แนวโน้มความขัดแย้งบริเวณคาบสมุทรเกาหลีลดความตึงเครียดลง จนส่งผลให้ทองคำในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัยถูกลดความน่าสนใจในการลงทุนตามไปด้วย ขณะที่ประเด็นดังกล่าวกระตุ้นการลงทุนในตลาดหุ้นหลายประเทศของเอเชียให้ปรับตัวสูงขึ้น ในระยะสั้นวายแอลจีแนะนำให้ซื้อขายทำกำไรในกรอบ โดยรอจังหวะเปิดสถานะซื้อเมื่อราคาย่อตัวลงมาบริเวณแนวรับ และขายทำกำไรเมื่อราคาดีดตัวขึ้นไปบริเวณแนวต้าน หากราคาทองคำดีดตัวขึ้นไม่ผ่านแนวต้านที่ 1,329 ดอลลาร์ต่อออนซ์ หรือไม่สามารถยืนเหนือบริเวณดังกล่าวได้ราคาทองคำอาจมีย่อตัวลงมา โดยประเมินแนวรับที่ 1,308-1,302 ดอลลาร์ต่อออนซ์
กลยุทธ์การลงทุน วายแอลจีประเมินว่า ราคาทองคำในระยะสั้นอาจขยับขึ้นทดสอบแนวต้าน 1,329 ดอลลาร์ต่อออนซ์ โดยบริเวณนี้ นักลงทุนที่สะสมทองคำไว้อาจมีการขายทำกำไรบางส่วนออกมาบ้าง สำหรับการทำกำไรให้ดูว่าราคาจะผ่านแนวต้านได้หรือไม่ ถ้าสามารถผ่านไปได้ให้แนะนำให้ถือต่อไป เพื่อไปขายทำกำไรที่แนวต้านถัดไป สำหรับนักลงทุนที่รอซื้อทองคำ แนะนำรอดูการตั้งฐานของราคาโดยประเมินแนวรับไว้ที่ 1,308-1,302 ดอลลาร์ต่อออนซ์ แนะนำนักลงทุนซื้อขายในระยะสั้นและควรตั้งจุดตัดขาดทุน เพื่อลดความเสียหายของพอร์ต
ทองคำแท่ง (96.50%)
แนวรับ 1,308 (19,400บาท) 1,294 (19,150บาท) 1,283 (19,000บาท)
แนวต้าน 1,329 (19,750บาท) 1,341 (19,900บาท) 1,352 (20,050บาท)
GOLD FUTURES (GFJ18)
แนวรับ 1,308 (19,550บาท) 1,294 (19,340บาท) 1,283 (19,170บาท)
แนวต้าน 1,329 (19,870บาท) 1,341 (20,050บาท) 1,352 (20,210บาท)
หากต้องการทราบทิศทางราคาทองคำและแนวทางลงทุนทองคำ ขอคำปรึกษาเพิ่มเติมจากทีมที่ปรึกษาการลงทุนด้านโกล์ดฟิวเจอร์ส โทร.02-687-9999