“AECS” ชี้ทยอยสะสมหุ้นกลุ่มพลังงาน-แบงก์ แนะจับตาปัญหาสหรัฐฯ-รัสเซีย ตัวฉุดภาคการลงทุน

18 Apr 2018
บริษัทหลักทรัพย์เออีซี (AECS)ให้กรอบการลงทุนภายในสัปดาห์นี้แนวรับที่ระดับ 1,755 -1,760 จุด และแนวต้านที่ระดับ 1,780 จุด แนะทยอยสะสม ลงทุนในหุ้น Outperform อย่าง กลุ่มพลังงาน PTT, PTTEP และกลุ่มธนาคารพาณิชย์ KBANK, SCB, BBL, TMB เพื่อเป็นการลดความเสี่ยง พร้อมเตือนนักลงทุนจับตาปัญหาระหว่างสหรัฐฯ-รัสเซีย ที่อาจส่งผลต่อภาคการลงทุนบริษัทหลักทรัพย์ เออีซี จำกัด (มหาชน) มองกรอบการลงทุนประจำสัปดาห์ (17-20 เมษายน 2561)ว่า SET Index จะมีโอกาสแกว่งตัวอยู่ในกรอบบริเวณแนวรับที่ระดับ 1,755 -1,760 จุด และแนวต้านที่ระดับ 1,780 จุด ดังนั้นฝ่ายวิจัยจึงมีกลยุทธ์แนะนำการลงทุน "แบ่งซื้อสะสม โดย Selective Buy หุ้นที่คาดจะOutperform โดยให้น้ำหนักไปยังหุ้นกลุ่มพลังงาน ซึ่งได้อานิสงส์ราคาน้ำมันยังสูงเกิน 65 ดอลลาร์/บาร์เรล มองว่าที่จะเป็นตัวนำของกลุ่ม ได้แก่ PTT, PTTEP ขณะเดียวกันหุ้น กลุ่มธนาคารพาณิชย์ คาดว่าจะยังฟื้นตัวต่อหลังปรับลงแรงก่อนหน้า โดยให้น้ำหนักการลงทุนไปยังหุ้น KBANK, SCB, BBL, TMB
“AECS” ชี้ทยอยสะสมหุ้นกลุ่มพลังงาน-แบงก์ แนะจับตาปัญหาสหรัฐฯ-รัสเซีย ตัวฉุดภาคการลงทุน

นอกจากนี้ ยังคงแนะนำจับตาหุ้น กลุ่มDomestic Play ที่ยังโตแกร่ง โดยเฉพาะกลุ่มค้าปลีก อาทิ HMPRO, CPALL, BJC ขณะที่หุ้นในกลุ่มโรงพยาบาล อาทิ BCH, RJH หุ้นกลุ่มโรงแรม MINT, ERW หุ้นกลุ่มบันเทิง RS, MONO, WORK ยังเป็นหุ้นที่น่าลงทุน พร้อมทั้งยังแนะจับตาหุ้นที่จ่าย Div. Yield เกิน 3% โดยจะขึ้น XD เม.ย.–พ.ค. นี้ ได้แก่ KKP, AIT, SC, AP, LH" จากกราฟสัญญาทางเทคนิค(Technical) เชื่อว่าSET สัปดาห์นี้น่าจะรีบาวด์ต่อ โดยมีแนวต้านแรกที่ 1,780 จุด หากทะลุมองแนวต้านถัดไป 1,805 จุด โดยมองแนวรับสัปดาห์นี้ บริเวณ 1,755-1,760 จุด ทั้งนี้ให้ระมัดระวัง หาก SET ปิดหลุดต่ำกว่าแนวรับที่กำหนด แนะนำให้ Stop Loss ก่อน โดยกลุ่มที่คาดว่าปรับตัวบวก ได้แก่ กลุ่มธนาคาร อาทิ BANK , BBL, TISCO และกลุ่มพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ อาทิ AMATA, WHA "

อย่างไรก็ตาม ฝ่ายวิจัย แนะนำให้นักลงทุนจับตาความคืบหน้าของปัญหาระหว่างสหรัฐฯ-รัสเซีย อย่างใกล้ชิด โดยล่าสุดความสัมพันธ์ระหว่าง 2 ประเทศแย่ลงมาก หลังสหรัฐฯ (ร่วมกับอังกฤษและฝรั่งเศส) ได้ยิงขีปนาวุธถล่มแหล่งผลิตอาวุธเคมีของซีเรียในช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา และกล่าวหารัสเซียว่าเป็นผู้ให้การสนับสนุนการโจมตีกลุ่มกบฎในซีเรีย เมื่อวันที่ 7 เม.ย. พร้อมเตรียมประกาศคว่ำบาตรบริษัทรัสเซียที่มีความเกี่ยวข้องกับรัฐบาลซีเรียเพิ่มเติม เพื่อกดดันทางด้านเศรษฐกิจ ทำให้เรามองว่าประเด็นดังกล่าวยังอยู่ในภาวะที่ค่อนข้างอ่อนไหว โดยเบื้องต้นเราประเมินว่าหากสถานการณ์ในซีเรียยังไม่สามารถคลี่คลายได้ หรือลุกลามไปสู่กลุ่มประเทศตะวันออกกลางอื่น (ปัญหาในซีเรียเกี่ยวพันกับหลายประเทศในกลุ่มตะวันออกกลาง) อาจส่งผลต่ออุปทานน้ำมันดิบจากฝั่งตะวันออกกลาง รวมถึงกดดันภาวะการค้าโลกโดยเฉพาะกลุ่มประเทศที่มีการส่งออกไปยังตะวันออกกลางเป็นสัดส่วนสูง สร้างความกังวลต่ออัตราเติบโตของเศรษฐกิจโลก