นายบุญชัย เกียรติธนาวิทย์ กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน ธนชาต จำกัด เปิดเผยว่า ตลาดหุ้นไทยมีความผันผวนค่อนข้างมาก เห็นได้จากช่วงไตรมาสแรกของปี ตลาดหุ้นไทยสามารถไปแตะระดับสูงสุดที่ 1,850 จุด และปรับไปแตะจุดต่ำสุดที่เกือบ 1,580 จุด ในช่วงไตรมาส 2 ซึ่งจะเห็นว่าแกว่งตัวในกรอบที่กว้างมาก ทำให้ผู้ลงทุนหลายคนเริ่มมีความกังวลว่า หุ้นจะยังน่าลงทุนในช่วงนี้หรือไม่ ประกอบกับตราสารหนี้ก็ยังคงผันผวนเช่นกัน ดังนั้น การหลีกเลี่ยงไม่ลงทุนในหุ้นน่าจะไม่ใช่ทางเลือกที่ดี ประกอบกับสัญญานการเลือกตั้งที่ชัดเจนน่าจะทำให้หุ้นไทยทำผลงานได้ดี
จากสถานการณ์ดังกล่าว บลจ.ธนชาต จึงขอแนะนำกองทุน T-SmartBeta ซึ่งเป็นกองทุนหุ้น เน้นลงทุนในหุ้นไทยที่มีค่า Beta ไม่เกิน 1.4 โดยใช้กลยุทธ์ที่เรียกว่า Smart Beta เป็นการผสมผสานระหว่างหุ้น Low Beta (ค่า Beta ไม่เกิน 1) และ Mid Beta (ค่า Beta 1-1.4) ซึ่งผู้จัดการกองทุนสามารถปรับพอร์ตลงทุนให้เหมาะสมกับสภาวะเศรษฐกิจในแต่ละช่วง และการคัดสรรหุ้นแบบ Mid Beta ยังช่วยให้กองทุนมีโอกาสสร้างผลตอบแทนที่ดีได้ ซึ่งที่ผ่านมาได้รับการตอบรับจากผู้ลงทุนจำนวนมาก มีผู้สนใจลงทุนกว่า 4,855 ล้านบาท (ณ วันที่ 28 ก.ย.61, บลจ.ธนชาต)
นอกจากนี้ ในช่วงเดียวกัน บลจ.ธนชาต ยังเปิดขายกองทุน T-PrimePlusAI ซึ่งเป็นกองทุนหุ้น เน้นลงทุนในหุ้นไทยที่มีปัจจัยพื้นฐานดี มีความมั่นคง ผลประกอบการดี มีแนวโน้มการเจริญเติบโตทางธุรกิจ ส่วนมากเป็นบริษัทขนาดใหญ่มีศักยภาพในการสร้างผลตอบแทนให้ผู้ถือหุ้น มีสภาพคล่องในการซื้อขายสูง ในกลุ่มอุตสาหกรรมต่างๆ ไม่เกิน 40 บริษัท ซึ่งหุ้นประเภทนี้มีแนวโน้มได้รับผลตอบแทนสอดคล้องกับการเจริญเติบโตของเศรษฐกิจไทย โดยผู้ลงทุนจะได้รับสิทธิประโยชน์ความคุ้มครองประกันชีวิต 10,000 บาท และความคุ้มครองประกันสุขภาพ จากบริษัท พรูเด็นเชียล ประกันชีวิต (ประเทศไทย) จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทประกันชั้นนำของเมืองไทย หากลงทุนตามเงื่อนไข
สำหรับกองทุน T-SmartBeta ผู้ลงทุนสามารถลงทุนครั้งแรกขั้นต่ำตั้งแต่ 50,000 บาทขึ้นไป และครั้งต่อไป 1,000 บาท ผู้ลงทุนสามารถรับซื้อคืนหน่วยลงทุนอัตโนมัติไม่เกิน 12 ครั้งต่อปี และกองทุน T-PrimePlusAI ลงทุนครั้งแรกขั้นต่ำตั้งแต่ 500,000 บาทขึ้นไป และครั้งต่อไป 1,000 บาท โดยทั้ง 2 กองทุน มีรอบการเปิดขาย วันนี้ -5 ตุลาคม 2561
โดยกองทุน T-PrimePlusAI มีนโยบายการจ่ายเงินปันผลไม่เกินปีละ 4 ครั้ง ที่ผ่านมากองทุนมีประวัติการจ่ายปันผลอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งสิ้น 2 ครั้ง เป็นจำนวนเงิน 0.5 บาท/หน่วยครั้งที่ 1 (20 ก.พ. 61) จำนวน 0.25 บาท/หน่วย และครั้งที่ 2 (6 มิ.ย. 61) จำนวน 0.25 บาท/หน่วย โดยกองทุน T-PrimePlusAI ทำผลงานตั้งแต่จัดตั้งกองทุน (27 ก.ย. 60) ได้ 3.36% เทียบกับ SET50 Index ที่ทำผลงานได้ 11.16% (ณ วันที่ 27 ก.ย. 61, บลจ.ธนชาต)
คำเตือน
- การลงทุนมีความเสี่ยงผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลก่อนการตัดสินใจลงทุน
- ผลการดำเนินงานในอดีตของกองทุน มิได้เป็นสิงยืนยันถึงผลการดำเนินงานในอนาคต
- ผู้ลงทุนไม่สามารถขายคืนหน่วยลงทุนนี้ในช่วง 1 ปีแรกได้ ดังนั้น หากมีปัจจัยลบที่ส่งผลต่อการลงทุนดังกล่าว ผู้ลงทุนอาจสูญเสียเงินจำนวนมาก
- ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไข ผลตอบแทน ความเสี่ยง รายละเอียดความคุ้มครองที่กำหนดในกรมธรรม์ประกันชีวิต และโปรดขอคำแนะนำเพิ่มเติมก่อนตัดสินใจลงทุน
- การลงทุนในหน่วยลงทุนมิใช่การฝากเงิน และมีความเสี่ยงของการลงทุน ผู้ถือหน่วยลงทุนอาจได้รับเงินลงทุน มากกว่าหรือน้อยกว่าเงินลงทุนเริ่มแรกได้
- เอกสารวัดผลการดำเนินงานของกองทุนรวมฉบับนี้ได้จัดทำขึ้นตามมาตรฐานการวัดผลการดำเนินงานของกองทุนรวมของสมาคมบริษัทจัดการกองทุน
KTAM เพิ่มทางเลือกให้นักลงทุนกับ 2 กองทุน RMF "KT-Technology RMF และ KT-GESG RMF" IPO 28 ต.ค.-5 พ.ย. นี้
บลจ. ทิสโก้ จัดสัมมนา "ชีวิตดี๊ดี Happy 55+" หนุนสมาชิก PVD มีชีวิตหลังเกษียณมั่นคงและมีความสุข
โค้งสุดท้ายลดหย่อนภาษีปีนี้ BBLAM ชวนคนไทยเลือกลงทุนใน RMF และ Thai ESG ให้เท่าทันสถานการณ์โลก
บลจ.อีสท์สปริง เปิดกองพันธบัตรรัฐมุ่งรักษาเงินต้น "ES-GOVCP3M3 อายุ 3 เดือน มูลค่า 7,000 ล้านบาท ยิลด์ 0.90%ต่อปี IPO 21-27 ต.ค.68
InnovestX จับมือ LH Fund เปิด IPO "LH GLOBAL ENHANCED FUND"
บลจ.เกียรตินาคินภัทร เดินหน้าขับเคลื่อนการลงทุนอย่างรับผิดชอบ ร่วมลงนามรับหลักการ UN-Supported Principles for Responsible Investment (PRI)
บลจ.อีสท์สปริง จับมือ บล.กรุงศรี ขยายธุรกิจผู้แนะนำการลงทุนอิสระ เสริมศักยภาพบริการลูกค้า
บลจ.อีสท์สปริง เปิด "ES-GAINCOME-UH" เพิ่มอีก 1 กอง
KTAM เปิดขายกองทุนตราสารหนี้ภัยพิบัติ "KT-CATBOND-UI และ KT-CATBONDUH-UI" IPO 14-21 ต.ค.นี้