กลุ่มงานโกลบอลมาร์เก็ตส์ กรุงศรี มองว่า ในภาพรวมตลาดต้องเผชิญกับความไม่แน่นอนเรื่องสงครามการค้าโลกอีกครั้งหลังประธานาธิบดีทรัมป์ของสหรัฐฯ เตรียมดำเนินการเก็บภาษีสินค้าจีน ซึ่งขัดแย้งกับท่าทีก่อนหน้านี้ที่สหรัฐฯ ได้ส่งคำเชิญเพื่อขอเจรจาครั้งใหม่กับจีน กระแสข่าวดังกล่าวสร้างความสับสนให้กับนักลงทุนเป็นอย่างมาก ขณะที่ข้อมูลเงินเฟ้อสหรัฐที่ต่ำกว่าคาดยังคงกดดันดอลลาร์ นอกจากนี้ ตลาดจะให้ความสนใจการประชุมธนาคารกลางญี่ปุ่น (บีโอเจ) รวมถึงความคืบหน้าของอังกฤษเกี่ยวกับข้อตกลง Brexit ในระยะถัดไป ภาวะเช่นนี้จะทำให้ตลาดยังคงอยู่ในภาวะผันผวนต่อเนื่อง
สำหรับปัจจัยชี้นำหลักภายในประเทศ คาดว่าที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ในวันที่ 19 กันยายนจะมีมติคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ 1.50% ด้วยเสียงไม่เป็นเอกฉันท์ โดยเราให้น้ำหนักไปที่ภาวะเศรษฐกิจซึ่งบ่งชี้ถึงการเติบโตอย่างกระจายตัวมากขึ้นรวมถึงความเสี่ยงด้านเสถียรภาพจากการตรึงดอกเบี้ยที่ระดับต่ำมากเป็นเวลานานเกินไปซึ่งน่าจะสนับสนุนการส่งสัญญาณปรับขึ้นดอกเบี้ยนโยบายก่อนสิ้นปีนี้ แม้ว่าเงินบาทแข็งค่ากว่าสกุลเงินส่วนใหญ่ในภูมิภาค เงินเฟ้อยังค่อนข้างต่ำและความเสี่ยงจากปัจจัยภายนอกยังต้องติดตามอย่างใกล้ชิด ทั้งนี้ เราประเมินว่าจะมีกรรมการมากกว่าหนึ่งรายลงมติให้ขึ้นดอกเบี้ยในครั้งนี้ อย่างไรก็ดี หากการลงมติออกมา 6-1 เสียงเช่นเดิม (ซึ่งไม่ใช่กรณีฐานของเรา) จะสร้างความประหลาดใจให้กับตลาดและกดดันเงินบาทในทิศทางที่อ่อนค่าลง