ปัจจัยกระทบต่อราคาน้ำมันดิบในเชิงลบ
- Joint Organization Data Initiative (JODI) รายงานปริมาณส่งออกน้ำมันดิบของซาอุดีอาระเบีย ในเดือน ส.ค. 61 เพิ่มขึ้นจากเดือนก่อน 90,000 บาร์เรลต่อวัน มาอยู่ที่ 7.21 ล้านบาร์เรลต่อวัน ขณะที่บริษัท Saudi Aramco ของซาอุดิอาระเบียรายงานโครงการขยายกำลังการส่งออกน้ำมันดิบจากท่าเรือ Yanbu ฝั่งตะวันตกออกสู่ทะเลแดง แล้วเสร็จ สามารถส่งออกเพิ่มขึ้นอีก 2 ล้านบาร์เรลต่อวัน รวมส่งออกได้ 7 ล้านบาร์เรลต่อวัน เป็นทางเลือกในการระบายน้ำมันดิบ นอกเหนือจากการส่งออกทางฝั่งตะวันออก ผ่านช่องแคบ Hormuz
- ผู้ผลิตในตะวันออกกลางต่างเพิ่มอุปทานน้ำมัน เพื่อเตรียมรับสถานการณ์ที่สหรัฐฯ จะคว่ำบาตรอิหร่าน อาทิ บริษัทน้ำมันแห่งชาติของสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ Abu Dhabi National Oil Co. (ADNOC) ผลิตน้ำมันดิบชนิดใหม่ ชื่อ Umm Lulu (API 38.7 และ 0.7 %S) โดยมีกำลังการผลิตเบื้องต้น 50,000 บาร์เรลต่อวัน ในเดือน ต.ค. 61 และ บริษัท Kuwait Petroleum Corp. (KPC) ของคูเวตผลิตน้ำมันดิบชนิดใหม่ Super Light Crude (API 48 และ 0.4 %S) เพื่อเป็นทางเลือกทดแทน คอนเดนเสทจากอิหร่านให้กับตลาดเอเชีย อาทิ เกาหลีและญี่ปุ่น
- Energy Information Administration (EIA) รายงานปริมาณสำรองน้ำมันดิบเชิงพาณิชย์ที่สหรัฐฯ สัปดาห์สิ้นสุดวันที่ 12 ต.ค. 61 เพิ่มขึ้นจากสัปดาห์ก่อน 6.4 ล้านบาร์เรล มาอยู่ที่ 416.4 ล้านบาร์เรล สูงสุดในรอบ 3 เดือน
- EIA คาดปริมาณการผลิต Shale Oil จาก 7 แหล่งผลิตสำคัญของสหรัฐฯ ในเดือน พ.ย. 61 จะเพิ่มขึ้นจากเดือนก่อน 1.0 ล้านบาร์เรลต่อวัน มาอยู่ที่ 7.70 ล้านบาร์เรลต่อวัน
ปัจจัยที่กระทบต่อราคาน้ำมันดิบในเชิงบวก
- 20 ต.ค. 61 ทางการซาอุดิอาระเบียยอมรับ นาย Jamal Khashoggi นักหนังสือพิมพ์ Washington Post ชาวซาอุฯ ซึ่งอาศัยอยู่ในสหรัฐฯ หายสาบสูญจากสถานกงสุลซาอุฯ ในตรุกี เสียชีวิตจากการทะเลาะวิวาท ซาอุฯ สั่งปลดเจ้าหน้าที่ระดับสูง 5 นาย และจับกุมเจ้าหน้าที่ 18 นาย อย่างไรก็ดีผู้นำนานาชาติยังคงเคลือบแคลงว่ามกุฎราชกุมาร Mohammed Bin Salman มีส่วนร่วมด้วยหรือไม่ ทั้งนี้ Saudi Press Agency (SPA) ระบุว่าซาอุฯ พร้อมตอบโต้มาตรการลงโทษ หรือคว่ำบาตรจากต่างประเทศ โดยสร้างแรงสะเทือนต่อเศรษฐกิจโลกซึ่งโดยนัยหมายถึงการใช้น้ำมันเป็นอาวุธ
- Reuters ระบุปริมาณส่งออกน้ำมันดิบอิหร่าน ช่วงวันที่ 1-14 ต.ค. 61 อยู่ที่ระดับ 1.33 ล้านบาร์เรลต่อวัน โดยส่งออกไปยังจีน อินเดียและตุรกี ลดลงจากเดือน เม.ย. 61 ที่ส่งออก 2.5 ล้านบาร์เรลต่อวัน (ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ถอนตัวจากข้อตกลงนิวเคลียร์กับอิหร่านเมื่อเดือน พ.ค. 61)
- สำนักงานสถิติแห่งชาติจีน (National Bureau of Statistics) รายงานปริมาณนำน้ำมันดิบเข้ากลั่นในเดือน ก.ย. 61 เพิ่มขึ้นจากปีก่อน 4.9% มาอยู่ที่ 12.54ล้านบาร์เรลต่อวัน ระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์
แนวโน้มราคาน้ำมัน
ราคาน้ำมันดิบปิดตลาดวันศุกร์ปรับตัวเพิ่มขึ้นเล็กน้อย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังสหรัฐฯ นาย Steven Mnuchin ให้สัมภาษณ์ว่า ประเทศผู้นำเข้าน้ำมันดิบจากอิหร่านจะต้องลดปริมาณนำเข้าราว 20% เมื่อเทียบกับมาตรการคว่ำบาตรในสมัยนาย Barack Obama อดีตประธานาธิบดีสหรัฐฯ ในช่วงปี พ.ศ. 2556-2558 อีกทั้งนาย Mnuchin ยังย้ำว่า แม้ในเดือน พ.ย. 61 นี้ปริมาณส่งออกน้ำมันดิบของอิหร่านจะไม่ถูกจำกัดอย่างสิ้นเชิง แต่สุดท้ายแล้วอิหร่านจะไม่สามารถส่งออกน้ำมันดิบได้แม้แต่น้อย ขณะเดียวกันกระทรวงการคลังสหรัฐฯ ยังอยู่ระหว่างการเจรจากับองค์กร SWIFT ที่ทำธุรกรรมการเงินระหว่างประเทศ ในการตัดอิหร่านออกจากระบบดังกล่าวเช่นเดียวกับเมื่อการคว่ำบาตรรอบก่อนหน้า อย่างไรก็ตาม ตั้งแต่เดือน ส.ค. 61 ทางยุโรปมีการหารือเพื่อหาช่องทางในการทำธุรกรรมทางการเงินกับอิหร่านโดยไม่ต้องพึ่งพาสหรัฐฯ แต่ยังไม่มีความคืบหน้าเป็นรูปธรรม ทางด้านกลุ่มผู้ผลิต OPEC และนอกกลุ่ม (Non-OPEC) ล่าสุด Reuters รายงานโดยอ้างอิงเอกสารภายในของกลุ่ม OPEC ว่าปริมาณการผลิตในเดือน ก.ย. 61 เพิ่มขึ้นเพียง 720,000 บาร์เรลต่อวัน เมื่อเทียบกับเดือน พ.ค. 61 หลังการประชุมกลุ่มที่มีมติจะปรับเพิ่มราว 1 ล้านบาร์เรลต่อวัน สำหรับการผลิตของ OPEC ประเทศซาอุดีอาระเบีย อิรัก คูเวต และสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ผลิตเพิ่มขึ้น ขณะที่อิหร่าน เวเนซุเอลา และแองโกลาลดลง และNon-OPEC มีเพียงรัสเซียประเทศเดียวที่ผลิตเพิ่มขึ้น ขณะที่ผู้ผลิตรายใหญ่อื่นๆ อาทิ คาซัคสถาน เม็กซิโก และมาเลเซียผลิตลดลง ให้จับตามองประเด็นการเมืองระหว่างประเทศ หลังยุโรปเข้าร่วมกดดันซาอุดีอาระเบียเพื่อหาข้อเท็จจริงของการฆาตรกรรมนักข่าว นสพ. Washington Post นาย Khashoggi โดยนายกรัฐมนตรีเยอรมนี นาง Angela Merkel กล่าวว่าเยอรมนีจะไม่ส่งออกอาวุธยุทโธปกรณ์ให้กับซาอุดีอาระเบียจนกว่าประเด็นดังกล่าวจะคลี่คลาย อย่างไรก็ตามผู้อำนวยการทบวงพลังงานโลก (IEA) นาย Fatih Birol กล่าวยังไม่เห็นความเสี่ยงว่าซาอุดีอาระเบียจะลดการส่งออกน้ำมันดิบเพื่อตอบโต้แรงกดดันจากนานาประเทศในสัปดาห์นี้ทางเทคนิคคาดการณ์ราคาน้ำมันดิบ ICE Brent จะเคลื่อนไหวอยู่ในกรอบ 77.0-82.0 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล และน้ำมันดิบ NYMEX WTI อยู่ในกรอบ 67.0-72.0 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล ราคาน้ำมันดิบ Dubai จะเคลื่อนไหวอยู่ในกรอบ 75.0-80.0 เหรียญสหรัฐฯ ต่อ บาร์เรล
สถานการณ์ราคาน้ำมันเบนซิน
ราคาน้ำมันเบนซินเฉลี่ยรายสัปดาห์ลดลงเนื่องจาก Platts ประเมินปริมาณการส่งออกน้ำมันเบนซินจากยุโรปสู่เอเชีย ตะวันออกกลาง และออสเตรเลีย ในเดือน ต.ค. 61 จะเพิ่มขึ้นจากเดือนก่อน 4.43% มาอยู่ที่ 9.42 ล้านบาร์เรล ประกอบกับบริษัทน้ำมันแห่งชาติของสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (ADNOC) เปิดเผยว่าจะกลับมาดำเนินการหน่วย Residue Fluid Catalytic Cracker หรือ RFCC (กำลังการผลิต 127, 000 บาร์เรลต่อวัน) ที่โรงกลั่นน้ำมันRuwais (กำลังการกลั่น 800,000 บาร์เรลต่อวัน) ภายในสิ้นปี พ.ศ. 2561 เร็วกว่าเดิมที่คาดการณ์ว่าจะเป็นไตรมาสที่ 1/62 ซึ่งจะทำให้ ADNOC ส่งออกน้ำมันเบนซินและน้ำมันดีเซลเพิ่มขึ้น และ National Iranian Oil Products Refining and Distribution Co. ของอิหร่านเปิดเผยว่าโครงการขยายกำลังการกลั่นของโรงกลั่นน้ำมัน Persian Gulf Star ของอิหร่าน ระยะที่ 3 มีกำหนดแล้วเสร็จภายในเดือน ธ.ค. 61 และคาดว่าจะเดินเครื่องเต็มกำลังภายในเดือน มี.ค. 62 ทำให้กำลังการกลั่นทั้งหมดเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 360,000 บาร์เรลต่อวัน ด้านปริมาณสำรอง International Enterprise Singapore (IES) รายงานปริมาณสำรองน้ำมันเบนซินเชิงพาณิชย์ที่สิงคโปร์ สัปดาห์สิ้นสุดวันที่ 17 ต.ค. 61 เพิ่มขึ้นจากสัปดาห์ก่อน 1.08 ล้านบาร์เรล มาอยู่ที่ 11.12 ล้านบาร์เรล สูงสุดในรอบ 2 สัปดาห์ และ PAJ รายงานปริมาณสำรองน้ำมันเบนซินเชิงพาณิชย์ที่ญี่ปุ่น สัปดาห์สิ้นสุดวันที่ 13 ต.ค. 61 เพิ่มขึ้นจากสัปดาห์ก่อน 390,000 บาร์เรล มาอยู่ที่ 9.52 ล้านบาร์เรล อย่างไรก็ตาม Nigerian National Petroleum Corp. บริษัทน้ำมันแห่งชาติของไนจีเรียประกาศท่อขนส่งน้ำมัน 2E Network เกิดเพลิงไหม้จากการขโมยน้ำมัน ตั้งแต่ 12 ต.ค. 61 ท่อดังกล่าวใช้สูบถ่าย น้ำมันเบนซินที่กลั่นจากโรงกลั่น Port Harcourt (กำลังการกลั่น 210,000 บาร์เรลต่อวัน) อีกทั้ง บริษัท Motiva Enterprises หยุดดำเนินการฉุกเฉินหน่วย Fluid Catalytic Cracking (FCC: 81,000 บาร์เรลต่อวัน) ที่โรงกลั่นน้ำมัน Port Arthur, Texas (กำลังการกลั่น 603,000 บาร์เรลต่อวัน) เมื่อวันที่ 17 ต.ค. 61 และ EIA รายงานปริมาณสำรองน้ำมันเบนซินเชิงพาณิชย์ที่สหรัฐฯ สัปดาห์สิ้นสุดวันที่ 12 ต.ค. 61 ลดลงจากสัปดาห์ก่อน 2 ล้านบาร์เรล มาอยู่ที่ 234.2 ล้านบาร์เรล ต่ำสุดในรอบ 4 สัปดาห์ ทางด้านเทคนิคในสัปดาห์นี้คาดว่าราคาน้ำมันเบนซินจะเคลื่อนไหวอยู่ในกรอบ 82.0-87.0 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล
สถานการณ์ราคาน้ำมันดีเซล
ราคาน้ำมันดีเซลเฉลี่ยรายสัปดาห์ลดลงจาก Platts รายงานอัตราการกลั่นของโรงกลั่นอิสระในจีน เดือน ก.ย. 61 เพิ่มขึ้นจากเดือนก่อน 7.8 % อยู่ที่ระดับ 66.8% ทั้งนี้สัดส่วนการผลิตน้ำมันดีเซล : น้ำมันเบนซินอยู่ที่ 1.65:1 สูงสุดในรอบ 13 เดือน และ บริษัท Idemitsu Kosan ของญี่ปุ่น กลับมาดำเนินการ Crude Distillation Unit (CDU) ที่โรงกลั่น Hokkaido (กำลังการกลั่น 150, 000 บาร์เรลต่อวัน) เมื่อวันที่ 15 ต.ค. 61 หลังปิดซ่อมแซมเมื่อวันที่ 6 ก.ย. 61 จากเหตุแผ่นดินไหว ขณะที่ Japanese Meteorological Agency (JMA) ของญี่ปุ่นคาดการณ์ว่าฤดูหนาวในปี พ.ศ.2561 นี้ มีโอกาสที่หิมะจะตกต่ำกว่าระดับเฉลี่ย 40 % และอุณหภูมิจะสูงกว่าระดับเฉลี่ย 40 % ด้านปริมาณสำรอง PAJ รายงานปริมาณสำรองน้ำมันดีเซลเชิงพาณิชย์ที่ญี่ปุ่น สัปดาห์สิ้นสุดวันที่ 13 ต.ค. 61 เพิ่มขึ้นจากสัปดาห์ก่อน 290,000 บาร์เรล มาอยู่ที่ 9.75 ล้านบาร์เรล อย่างไรก็ตาม IES รายงานปริมาณสำรองน้ำมันดีเซลเชิงพาณิชย์ที่สิงคโปร์ สัปดาห์สิ้นสุดวันที่ 17 ต.ค. 61 ลดลงจากสัปดาห์ก่อน 900,000 บาร์เรล มาอยู่ที่ 9.19 ล้านบาร์เรล ต่ำสุดในรอบ 2 เดือน และ EIA รายงานปริมาณสำรองน้ำมันดีเซลเชิงพาณิชย์ที่สหรัฐฯ สัปดาห์สิ้นสุดวันที่ 12 ต.ค. 61 ลดลงจากสัปดาห์ก่อน 900,000บาร์เรล มาอยู่ที่ 132.6 ล้านบาร์เรล ต่ำสุดในรอบ 1 เดือน ด้านเทคนิคในสัปดาห์นี้คาดว่าราคาน้ำมันดีเซล จะเคลื่อนไหวอยู่ในกรอบ 93.0-98.0 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล