ฟิทช์คงอันดับเครดิตของ บมจ. ทิปโก้แอสฟัลท์ ที่ระดับ 'A-(tha)’/แนวโน้มเครดิตมีเสถียรภาพ และยกเลิกอันดับเครดิต

ข่าวประชาสัมพันธ์ »

          บริษัท ฟิทช์ เรทติ้งส์ (ประเทศไทย) จำกัด ประกาศคงอันดับเครดิตภายในประเทศ (National Rating) ระยะยาวของ บริษัท ทิปโก้แอสฟัลท์ จำกัด (มหาชน) หรือ TASCO ที่ระดับ 'A-(tha)' และอันดับเครดิตภายในประเทศระยะสั้นที่ระดับ 'F2(tha)' แนวโน้มเครดิตมีเสถียรภาพ ในขณะเดียวกัน ฟิทช์ได้ประกาศยกเลิกอันดับเครดิตดังกล่าวของ TASCO ดังนั้นฟิทช์จะไม่ติดตามและวิเคราะห์อันดับเครดิตของบริษัทฯ ต่อไป

          ปัจจัยที่มีผลต่ออันดับเครดิต
          ความเสี่ยงจากความไม่ต่อเนื่องของการจัดหาน้ำมันดิบ: ฟิทช์คิดว่าความเสี่ยงจากความไม่ต่อเนื่องของการจัดหาน้ำมันดิบของ TASCO นั้นจะยังคงอยู่ในระดับที่สูงในช่วง 12-24 เดือนข้างหน้า เนื่องจากโรงกลั่นยางมะตอยในประเทศมาเลเซียของบริษัทฯ ยังมีแนวโน้มที่จะพึ่งพาแหล่งน้ำมันดิบจากประเทศเวเนซุเอลาเป็นหลัก ฟิทช์เชื่อว่า TASCO จะยังคงต้องการซื้อน้ำมันดิบจากประเทศเวเนซุเอลามากกว่าแหล่งอื่น เนื่องจากเป็นน้ำมันดิบที่ให้อัตราผลตอบแทนที่สูง ตามที่บริษัทฯได้กล่าวไว้ แม้ว่า TASCO มีการศึกษาทางเลือกในการจัดหาแหล่งน้ำมันดิบอื่นๆด้วยเช่นกัน ฟิทช์ประมาณปริมาณการขายและอัตรากำไรของบริษัทฯ ในระดับที่ต่ำกว่าในอดีตเนื่องจากความเสี่ยงด้านความไม่ต่อเนื่องของการจัดหาน้ำมันดิบ
          ผู้ขายน้ำมันให้กับ TASCO ซึ่งอยู่ในประเทศเวเนซุเอลา ประสบปัญหาด้านการดำเนินงาน การเงิน และข้อพิพาททางกฎหมายระหว่างประเทศ ซึ่งจำกัดความสามารถในการจัดส่งน้ำมันดิบให้แก่ลูกค้า ปัญหาดังกล่าวส่งผลให้เกิดการล่าช้าในการจัดส่งน้ำมันดิบให้กับ TASCO และส่งผลกระทบโดยตรงต่อผลการดำเนินงานของบริษัทฯ ในช่วงครึ่งแรกของปี 2561 โดยในช่วงดังกล่าวน้ำมันดิบที่ TASCO ได้รับสำหรับโรงกลั่นยางมะตอยลดลงเหลือเพียงครึ่งหนึ่งของระดับปกติ เป็นผลให้ปริมาณการขายยางมะตอยในต่างประเทศของบริษัทฯลดลงร้อยละ 51 สถานการณ์ดังกล่าวน่าจะดีขึ้นในช่วงครึ่งหลังของปี 2561 เนื่องจากการขนส่งน้ำมันดิบได้เริ่มคลี่คลายตัวในปลายเดือนกรกฎาคม 2561
          อัตราส่วนกำไรที่ลดลง: ฟิทช์คาดว่าอัตราส่วนกำไรจากการดำเนินงานก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่าย ต่อรายได้ (EBITDA margin) ของ TASCO จะลดลงมาอยู่ที่ระดับร้อยละ 8 - 9 ในปี 2561-2562 จากร้อยละ 12 ในปี 2560 (ครึ่งปีแรกของปี 2561: ร้อยละ 9) เป็นผลมาจากราคาน้ำมันดิบที่เพิ่มขึ้นและการหยุดชะงักของการรับน้ำมันดิบเป็นครั้งคราว TASCO อาจจำเป็นต้องซื้อยางมะตอยมาขายแทนที่จะผลิตเอง หรือต้องนำเข้าน้ำมันดิบจากแหล่งอื่น ในกรณีที่มีการหยุดชะงักของการรับน้ำมันดิบจากประเทศเวเนซุเอลา ซึ่งทั้งสองกรณีจะสร้างอัตราส่วนกำไรที่ลดลง โดยฟิทช์คาดว่าราคาเฉลี่ยน้ำมันดิบเบรนท์จะเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 70 เหรียญต่อบาร์เรลในปี 2561 และ 65 เหรียญต่อบาร์เรลในปี 2562 จากราคาเฉลี่ยที่ประมาณ 55 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรลในปี 2560
          อัตราส่วนเครดิตที่ยังคงอยู่ในเกณฑ์: ฟิทช์คาดว่าอัตราส่วนหนี้สินสุทธิที่ปรับปรุงแล้วต่อกระแสเงินสดจากการดำเนินงานก่อนการเปลี่ยนแปลงของเงินทุนหมุนเวียน (FFO adjusted net leverage) ของบริษัทฯ จะเพิ่มขึ้นชั่วคราวอยู่ที่ระดับ 2.3 เท่าในปี 2561 (ครึ่งปีแรกของปี 2561: 2.0 เท่า) และจะค่อยๆลดลงมาอยู่ที่ระดับ 1.8 เท่าในปี 2562 และประมาณ 1.1 เท่าในปี 2563 ด้วยสมมติฐานว่าจะไม่มีการลงทุนขนาดใหญ่เพื่อขยายกำลังการผลิตของโรงกลั่น อัตราส่วนหนี้สินฯที่สูงของบริษัทฯในปี 2561 เป็นผลมาจากกระแสเงินสดจากการดำเนินงานที่อ่อนแอลง ซึ่งส่วนใหญ่เป็นผลกระทบมาจากความล่าช้าในการรับน้ำมันดิบ ฟิทช์คาดว่า TASCO จะเลื่อนแผนการลงทุนขยายกำลังการผลิตของโรงกลั่นออกไปจนกว่าจะมีแผนการบริหารความเสี่ยงจากการรับน้ำมันดิบที่ชัดเจน
          ผู้นำตลาดในประเทศ: อันดับเครดิตของ TASCO ได้รับการสนับสนุนจากตำแหน่งผู้นำทางการตลาดในธุรกิจยางมะตอยของประเทศไทย TASCO ยังคงสามารถรักษาส่วนแบ่งตลาดในประเทศที่ประมาณร้อยละ 38 ตามข้อมูลของบริษัทฯ แม้ในช่วงที่บริษัทประสบปัญหาในการดำเนินธุรกิจในช่วงครึ่งปีแรกของปี 2561 นอกจากนี้ TASCO ยังมีสถานะทางการตลาดที่แข็งแกร่งในตลาดต่างประเทศ โดยเฉพาะประเทศอินโดนีเซียและเวียดนาม แม้ว่าปริมาณการขายในต่างประเทศจะลดลงอย่างมากจากการหยุดผลิตของโรงกลั่นของบริษัทฯ และความต้องการที่ลดลงในตลาดหลัก ในช่วงครึ่งปีแรกของปีนี้ ฟิทช์คาดว่า TASCO จะสามารถรักษาสถานะทางการตลาดไว้ได้และสามารถเพิ่มยอดขายหลังจากที่โรงกลั่นของบริษัทฯ กลับมาดำเนินการได้ตามปกติในช่วงครึ่งปีหลังของปี 2561
          ความสามารถในการแข่งขันของ TASCO ได้รับการสนับสนุนจากการที่บริษัทฯ มีผลิตภัณฑ์ที่หลากหลายครอบคลุมสินค้าทั่วไปและสินค้าคุณภาพสูง มีขีดความสามารถสูงในการขนส่งและกระจายสินค้า โดยเป็นเจ้าของเรือบรรทุกสินค้าจำนวน 9 ลำ และรถบรรทุกอีกกว่า 300 คัน และมีความชำนาญการในด้านการก่อสร้างและซ่อมแซมถนน
          การกระจายความเสี่ยงด้านภูมิศาสตร์: TASCO มีโรงงานผลิตมากกว่า 40 แห่ง ตั้งอยู่ใน 8 ประเทศในภูมิภาคเอเชีย ซึ่งรวมถึงโรงกลั่นยางมะตอยที่มีกำลังการกลั่น 30,000 บาเรลต่อวัน ในประเทศมาเลเซียด้วย ยอดขายยางมะตอยในตลาดต่างประเทศของบริษัทฯ มีประมาณร้อยละ 65 ของการจำหน่ายผลิตภัณฑ์ยางมะตอยในปี 2560 โดยประเทศหลักประกอบด้วย จีน อินโดนีเซีย เวียดนาม มาเลเซีย และ ออสเตรเลีย นอกจากนี้ ในช่วงปีที่ผ่านมา บริษัทฯ ยังได้ขยายธุรกิจใน ลาว และ ฟิลิปินส์ ฟิทช์เชื่อว่าการกระจายตัวของรายได้ในหลากหลายประเทศจะช่วยให้กระแสเงินสดของบริษัทฯ มีความสม่ำเสมอมากขึ้น 
          ความเสี่ยงจากความผันผวนของราคาน้ำมัน: TASCO ต้องเผชิญกับความผันผวนของราคาวัตถุดิบซึ่งได้แก่น้ำมันดิบเป็นหลัก แม้ว่าราคาผลิตภัณฑ์ยางมะตอยจะมีความสัมพันธ์กับการเปลี่ยนแปลงของราคาน้ำมันดิบในระยะสั้นไม่มากนัก ระยะเวลาที่ใช้ในการขนส่งน้ำมันดิบจากอเมริกาใต้ไปยังโรงกลั่นในประเทศมาเลเซียยังทำให้เกิดความแตกต่างระหว่างราคาสินค้าผลิตภัณฑ์ที่ออกจากโรงกลั่นกับราคาน้ำมันดิบ ณ เวลาที่ซื้อ อย่างไรก็ตาม บริษัทฯได้ใช้เครื่องมือทางการเงินในการประกันความเสี่ยงเพื่อบรรเทาความเสี่ยงดังกล่าว โดยการเข้าทำสัญญาซื้อขายล่วงหน้าเพื่อรักษาอัตราส่วนกำไรให้อยู่ในระดับเป้าหมายที่ตั้งไว้ได้ในระดับหนึ่ง
          การกำหนดอันดับเครดิตโดยสรุป
          TASCO มีขนาดธุรกิจที่เล็กกว่าบริษัทอื่นที่ฟิทช์ทำการจัดอันดับในกลุ่มวัสดุก่อสร้าง ได้แก่ บริษัท ปูนซิเมนต์ไทย จำกัด (มหาชน) (SCC, อันดับเครดิต A+(tha) แนวโน้มเครดิตมีเสถียรภาพ) และ บริษัท ปูนซีเมนต์นครหลวง จำกัด (มหาชน) (SCCC, อันดับเครดิต A(tha) แนวโน้มเครดิตเป็นลบ) และมีอัตราส่วนกำไรจากการดำเนินงานก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคา ค่าตัดจำหน่าย และค่าเช่า ต่อรายได้ (EBITDAR margin) ที่ต่ำกว่า นอกจากนี้ธุรกิจปูนซีเมนต์ยังช่วยให้ SCC และ SCCC มีรายได้และกำไรสม่ำเสมอกว่า และตลาดปูนซีเมนต์ครอบคลุมกลุ่มลูกค้าที่กว้างขวางกว่าเมื่อเทียบกับธุรกิจยางมะตอยของ TASCO แม้ว่า SCC จะได้รับผลกระทบจากราคาน้ำมันที่มีความผันผวนในธุรกิจเคมีภัณฑ์ แต่ SCC มีสถานะทางธุรกิจและการกระจายความเสี่ยงทางธุรกิจที่ดีกว่า TASCO ด้วยสถานะทางธุรกิจที่ดีกว่าส่งผลให้บริษัทผู้ผลิตปูนซีเมนต์ทั้งสองรายมีอันดับเครดิตที่สูงกว่า TASCO
          TASCO มีขนาดธุรกิจที่เล็กกว่า บริษัท ไออาร์พีซี จำกัด (มหาชน) (IRPC, อันดับเครดิต A-(tha) แนวโน้มเครดิตมีเสถียรภาพ อันดับเครดิตโดยลำพัง ที่ BBB+(tha)) อย่างไรก็ตาม ธุรกิจของ TASCO มีเสถียรภาพมากกว่า สร้างอัตราส่วนกำไรที่สูงกว่า และมีอัตราส่วนหนี้สินที่ต่ำกว่า ทำให้อันดับเครดิตของ TASCO อยู่สูงกว่าอันดับเครดิตโดยลำพังของ IRPC อันดับเครดิตระยะยาวของ IRPC ได้รับการปรับเพิ่มขึ้นหนึ่งอันดับ เพื่อสะท้อนถึงความเชื่อมโยงกับบริษัทแม่ ได้แก่ บริษัท ปตท จำกัด (มหาชน) (อันดับเครดิต AAA(tha) แนวโน้มเครดิตมีเสถียรภาพ)

          สมมุติฐานที่สำคัญของฟิทช์ที่ใช้ในการประมาณการ
          ปริมาณการจำหน่ายผลิตภัณฑ์ยางมะตอยลดลงในปี 2561 และฟื้นตัวในปี 2562 ก่อนที่จเพิ่มขึ้นอย่างช้าๆหลังจากนั้น (2560: ลดลงร้อยละ 11)
          รายได้ลดลงร้อยละ 13 - 15 ในปี 2561 และฟื้นตัวประมาณร้อยละ 8 - 10ในปี 2562 (2560: เติบโตร้อยละ 18)
          อัตราส่วนกำไรขั้นต้นลดลงอยู่ในระดับร้อยละ 9 - 11 ในปี 2561 – 2562
          อัตราการจ่ายเงินปันผลเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ระดับมากกว่าร้อยละ 60 ของกำไรสุทธิ ในปี 2561-2562
          ค่าใช้จ่ายเพื่อการลงทุนและเงินลงทุนอยู่ที่ระดับประมาณ 5 – 8 ร้อยล้านบาทต่อปี ในปี 2561 – 2562 โดยไม่มีการลงทุนเพื่อขยายกำลังการผลิตเพิ่มเติม

          ปัจจัยที่อาจมีผลกับอันดับเครดิตในอนาคต 
          ไม่มีเนื่องจากยกเลิกอันดับเครดิต
          สภาพคล่อง
          สภาพคล่องที่สามารถบริหารได้: TASCO มีหนี้สินจำนวน 4.5 พันล้านบาท ณ สิ้นเดือนมิถุนายน 2561 โดยหนี้สินจำนวน 4.4 พันล้านบาท เป็นหนี้ที่จะครบกำหนดชำระภายใน 12 เดือนข้างหน้า ซึ่งส่วนใหญ่เป็นเงินสินเชื่อหมุนเวียนระยะสั้นของธนาคาร เพื่อสนับสนุนเงินทุนหมุนเวียนของบริษัทฯ สินค้าคงคลังของ TASCO ณ สิ้นเดือนมิถุนายน 2561 เพิ่มขึ้นเป็น 4.8 พันล้านบาทจากระดับ 3.9 พันล้านบาท ณ สิ้นปี 2560 สภาพคล่องของ TASCO ส่วนหนึ่งได้รับการสนับสนุนจากเงินสดในมือจำนวนประมาณ 6.7 ร้อยล้านบาทและความสามารถในการเข้าถึงแหล่งเงินทุนจากธนาคารที่ดี


ข่าวฟิทช์ เรทติ้งส์+ทิปโก้แอสฟัลท์วันนี้

BAFS เตรียมเสนอขายหุ้นกู้ชุดใหม่ ชูดอกเบี้ย 4.75 - 5.10% ต่อปี คาดเปิดจองซื้อแก่ "สถาบัน-รายใหญ่" วันที่ 9 - 14 พ.ค. นี้ รองรับการขยายตัวธุรกิจในอนาคต

BAFS เตรียมออกหุ้นกู้ประเภทไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีประกัน และมีผู้แทนผู้ถือหุ้นกู้ อายุ 3 ปี 9 เดือน อัตราดอกเบี้ยคงที่ [ 4.75 5.10 ] % ต่อปี กำหนดชำระดอกเบี้ยทุก 6 เดือนตลอดอายุหุ้นกู้ ด้วยอันดับความน่าเชื่อถือ "BBB (tha)" จาก ฟิทช์ เรทติ้งส์ (ประเทศไทย) เตรียมเสนอขายผู้ลงทุนสถาบัน นักลงทุนรายใหญ่ คาดจองซื้อระหว่างวันที่ 9 และ 13 14 พฤษภาคม พ.ศ. 2568 ผ่านสถาบันการเงินชั้นนำ ได้แก่ บริษัทหลักทรัพย์ หยวนต้า (ประเทศไทย), บริษัทหลักทรัพย์ เอเซีย พลัส และ บริษัทหลักทรัพย์ กรุงศรี ม.ล. ณัฐสิทธิ์ ดิศกุล

ฟิทช์คงอันดับเครดิตของ บล. แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ ที่ 'AA(tha)' แนวโน้มอันดับเครดิตมีเสถียรภาพ

ฟิทช์ เรทติ้งส์ (ประเทศไทย) ประกาศคงอันดับเครดิตภายในประเทศระยะยาว (National Long-Term Rating) ของบริษัทหลักทรัพย์ แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ จำกัด (มหาชน) หรือ LHS ที่ 'AA(tha)' และอันดับเครดิตภายในประเทศระยะสั้น ...

ฟิทช์ประกาศคงอันดับเครดิตของ บมจ.แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส และ บจก.แอดวานซ์ ไวร์เลส เน็ทเวอร์ค ในเครดิตพินิจแนวโน้มเป็นลบ

ฟิทช์ เรทติ้งส์ ประกาศคงเครดิตพินิจแนวโน้มเป็นลบ (Rating Watch Negative; RWN) ของอันดับเครดิต บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) (AIS) และบริษัท แอดวานซ์ ไวร์เลส เน็ท...