สบน. ชี้แจงหนี้สาธารณะคงค้าง ณ สิ้นเดือนสิงหาคม 2561

ข่าวประชาสัมพันธ์ »

          นายธีรัชย์ อัตนวานิช ที่ปรึกษาด้านตลาดตราสารหนี้ สำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ ชี้แจงประเด็นปรากฏข่าวในสื่อสังคมออนไลน์ (Social Media) เกี่ยวกับตัวเลขหนี้สาธารณะคงค้าง ณ สิ้นเดือนสิงหาคม 2561 โดยเปรียบเทียบกับตัวเลขหนี้สาธารณะ ณ สิ้นเดือนสิงหาคม 2557 ที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะหนี้ที่รัฐบาลกู้โดยตรง 
          สำนักงานบริหารหนี้สาธารณะขอชี้แจงที่มาของยอดหนี้ที่รัฐบาลกู้โดยตรงที่เพิ่มขึ้นในช่วงระยะเวลาดังกล่าวว่า เป็นการกู้เงินของรัฐบาลเพื่อดำเนินนโยบายการคลังในการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมของประเทศภายใต้กรอบงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2557 - 2561 รวมถึงการกู้เงินเพื่อให้รัฐวิสาหกิจกู้ต่อสำหรับลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานที่สำคัญของประเทศ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อเสริมสร้างขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศในระยะยาว ซึ่งการเพิ่มขึ้นของการลงทุนดังกล่าวสะท้อนได้จากสัดส่วนการลงทุนของภาครัฐต่อ GDP ที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องจากร้อยละ 4 ในปี 2557 เป็นร้อยละ 6 ในปีปัจจุบัน และสัดส่วนงบประมาณรายจ่ายเพื่อการลงทุนของรัฐบาลในกรอบงบประมาณรายจ่ายประจำปีที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องจากร้อยละ 17.5 ของวงเงินงบประมาณรายจ่ายในปีงบประมาณ 2557 (หรือ 441,128.6 ล้านบาท) เป็นร้อยละ 22.2 ในปีงบประมาณ 2561 (หรือ 676,469.6 ล้านบาท) รวมถึงการลงทุนของรัฐวิสาหกิจในสาขาคมนาคมขนส่ง ได้แก่ ระบบรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนในเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑล ระบบรถไฟทางคู่เพื่อเชื่อมโยงการขนส่งในภูมิภาค ระบบทางพิเศษในเขตกรุงเทพมหานคร และทางหลวงพิเศษระหว่างเมือง เป็นต้น โดยในช่วงปี 2558 - 2561 มีการเบิกจ่ายเม็ดเงินลงทุนผ่านโครงการดังกล่าวเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจรวมทั้งสิ้น 330,905.46 ล้านบาท 
          ทั้งนี้ ระดับหนี้สาธารณะต่อ GDP ในเดือนสิงหาคม 2561 เท่ากับร้อยละ 41.32 ยังอยู่ภายใต้สัดส่วนการบริหารหนี้สาธารณะตามกฎหมายวินัยการเงินการคลังของรัฐ โดยหากเปรียบเทียบกับระดับหนี้สาธารณะต่อ GDP ในเดือนสิงหาคม 2557 ที่ร้อยละ 43.12 พบว่ามีแนวโน้มลดลง แสดงให้เห็นว่าการลงทุนของรัฐบาลผ่านระบบงบประมาณและผ่านการลงทุนของรัฐวิสาหกิจส่งผลให้การเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจของไทยเพิ่มขึ้นได้ตามศักยภาพที่ควรจะเป็น
          สำหรับการบริหารหนี้สาธารณะในอนาคตนั้น นอกจากจะต้องดำเนินการตามพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะแล้ว ยังต้องสอดคล้องกับพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ ซึ่งประกาศใช้ในเดือนเมษายน 2561 ด้วย โดยมีการกำหนดสัดส่วนการบริหารหนี้สาธารณะเพื่อรักษาวินัยในการก่อหนี้ของรัฐบาล ซึ่งนอกจากการรักษาระดับหนี้สาธารณะต่อ GDP ให้อยู่ในระดับที่เหมาะสมแล้ว ยังต้องคำนึงถึงสัดส่วนรายได้ของรัฐบาลเพื่อการชำระหนี้ในอนาคตด้วย โดยรัฐบาลต้องจัดสรรงบประมาณเพื่อการชำระหนี้ในสัดส่วนที่เหมาะสม กล่าวคือชำระดอกเบี้ยตามภาระที่เกิดขึ้นจริงและชำระคืนต้นเงินกู้ตามสัดส่วนที่คณะกรรมการนโยบายการเงินการคลังของรัฐกำหนด คือ ไม่ต่ำกว่าร้อยละ 2.5 ของวงเงินงบประมาณรายจ่าย ทั้งนี้ การชำระคืนต้นเงินกู้จะต้องอยู่ในช่วงระหว่างร้อยละ 2.5 - 3.5 ของกรอบงบประมาณรายจ่ายในแต่ละปี รวมถึงกำหนดสัดส่วนงบลงทุนขั้นต่ำไม่น้อยกว่าร้อยละ 20 ของวงเงินงบประมาณในแต่ละปี โดยกำหนดให้การกู้เงินเพื่อชดเชยการขาดดุลงบประมาณต้องนำไปใช้จ่ายเพื่อการลงทุนเท่านั้น ทำให้รัฐบาลต้องรับผิดชอบในการจัดเก็บรายได้ให้เพียงพอสำหรับรายจ่ายประจำ ซึ่งจะส่งผลให้การดำเนินนโยบายการคลังและการบริหารหนี้สาธารณะของรัฐบาลมีความยั่งยืนในระยะยาว 

          คณะโฆษกสำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ 
          โทร. 02 265 8050 ต่อ 5505
 
 

ข่าวสำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ+หนี้สาธารณะคงค้างวันนี้

ภาพข่าว: การประชุมคณะอนุกรรมการพิจารณากลั่นกรองแผนการบริหารหนี้สาธารณะและติดตามโครงการเงินกู้ภายใต้แผนการบริหารหนี้สาธารณะ ครั้งที่ 3/2561

นายจักรกฤศฏิ์ พาราพันธกุล รองปลัดกระทรวงการคลัง หัวหน้ากลุ่มภารกิจด้านรายจ่ายและหนี้สิน เป็นประธานการประชุมคณะอนุกรรมการพิจารณากลั่นกรองแผนการบริหารหนี้สาธารณะและติดตามโครงการเงินกู้ภายใต้แผนการบริหารหนี้สาธารณะ ครั้งที่ 3/2561 โดยมีนายภูมิศักดิ์ อรัญญาเกษมสุข ผู้อำนวยการสำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ ผู้บริหาร และเจ้าหน้าที่ สบน. ร่วมการประชุม ซึ่ง สบน. ในฐานะฝ่ายเลขานุการฯ รายงานสถานะหนี้สาธารณะคงค้างและความเสี่ยง สภาวะตลาดตราสารหนี้ในประเทศ รวมทั้งรายงานความคืบหน้าแผนการแก้

ชี้แจงข้อกำหนดเงินกู้ ADB

นางสาวศิรสา กันต์พิทยา รองผู้อำนวยการสำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ ชี้แจงประเด็นที่มีการตั้งข้อสังเกตเกี่ยวกับเงินกู้ ADB ที่มีข้อกำหนดหลายประการ นอกเหนือจากการคิดอัตราดอกเบี้ย ดังนี้ 1. หนี้สาธารณะคงค้าง ณ วันที่ 31 ตุลาคม 2560 มีจำนวน 6,305,654.60 ล้านบาท แบ่งออกเป็นหนี้ในประ...

รายงานหนี้สาธารณะคงค้าง ณ สิ้นเดือนมิถุนายน 2560

นายธีรัชย์ อัตนวานิช ที่ปรึกษาด้านตลาดตราสารหนี้ ได้รายงานหนี้สาธารณะคงค้าง ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2560 มีจำนวน 6,185,431.38 ล้านบาท โดยแบ่งเป็น หนี้รัฐบาล 4,759,892.16 ล้านบาท หนี้รัฐวิสาหกิจ 967,318.90 ล้านบาท หนี้รัฐวิสาหกิจที่เป็นสถาบันการเงิน ...

รายงานสถานะหนี้สาธารณะคงค้าง ณ สิ้นเดือนสิงหาคม 2559

นายธีรัชย์ อัตนวานิช รองผู้อำนวยการสำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ รักษาการในตำแหน่งที่ปรึกษา ด้านตลาดตราสารหนี้ ได้รายงานสถานะหนี้สาธารณะ คงค้าง ดังนี้ หนี้สาธารณะคงค้าง ณ 31 สิงหาคม 2559 มีจำนวน 5,949,330.64 ล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ 42.64 ของGDP โดย...

รายงานสถานะหนี้สาธารณะคงค้าง ณ สิ้นเดือนมิถุนายน 2559

นายธีรัชย์ อัตนวานิช รองผู้อำนวยการสำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ ได้รายงานสถานะหนี้สาธารณะคงค้าง และผลการบริหารจัดการหนี้ภาครัฐ ดังนี้ หนี้สาธารณะคงค้าง ณ 30 มิถุนายน 2559 มีจำนวน 5,924,055.53 ล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ 42.83 ของ GDP โดยแบ่งเป็น...

รายงานสถานะหนี้สาธารณะคงค้าง ณ สิ้นเดือน พ.ค. 2559 และผลการบริหารจัดการหนี้ภาครัฐที่ดำเนินการโดย สบน. ประจำเดือน พ.ค. 2559

สำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ ได้รายงานสถานะหนี้สาธารณะคงค้าง และผลการบริหารจัดการหนี้ภาครัฐ ดังนี้ หนี้สาธารณะคงค้าง ณ 31 พฤษภาคม 2559 มีจำนวน 5,977,353.33 ล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ...

รายงานสถานะหนี้สาธารณะคงค้าง ณ สิ้นเดือนพฤษภาคม 2559

สำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ ได้รายงานสถานะหนี้สาธารณะคงค้าง และผลการบริหารจัดการหนี้ภาครัฐ ดังนี้ หนี้สาธารณะคงค้าง ณ 31 พฤษภาคม 2559 มีจำนวน 5,977,353.33 ล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ 43.35 ของ GDP โดยแบ่งเป็น หนี้ของรัฐบาล จำนวน 4,415,020.02 ล้านบาท...

รายงานสถานะหนี้สาธารณะคงค้าง และผลการบริหารจัดการหนี้ภาครัฐ ณ สิ้นเดือนเมษายน 2559

นายสุวิชญ โรจนวานิช ผู้อำนวยการสำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ ได้รายงานสถานะหนี้สาธารณะ คงค้าง และผลการบริหารจัดการหนี้ภาครัฐ ดังนี้ หนี้สาธารณะคงค้าง ณ 30 เมษายน 2559 มีจำนวน 6,050,595.88 ล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ 44.09...

รายงานสถานะหนี้สาธารณะคงค้าง และผลการบริหารจัดการหนี้ภาครัฐ ณ สิ้นเดือนมีนาคม 2559

นางสุณี เอกสมทราเมษฐ์ ผู้อำนวยการสำนักนโยบายและแผน ในฐานะรองโฆษกสำนักงานบริหาร หนี้สาธารณะ ได้รายงานสถานะหนี้สาธารณะ คงค้าง และผลการบริหารจัดการหนี้ภาครัฐ ดังนี้ หนี้สาธารณะคงค้าง ณ 31 มีนาคม 2559 มีจำนวน 6,013,649.86...