Asus พร้อมวางจำหน่าย ZenFone 5Z สุดยอดสมาร์ทโฟนเรือธงแรงที่สุด สั่งซื้อผ่าน Shopee ระหว่างวันที่ 16-20 กรกฎาคมนี้ รับส่วนลดพิเศษ! 1,000 บาท พร้อมเงินคืน 500 Shopee coins

          บริษัท เอซุส มาร์เก็ตติ้ง (ประเทศไทย) จำกัด ต่อยอดความสำเร็จของ ZenFone 5 จับมือผู้นำตลาดอีคอมเมิร์ซในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้อย่าง Shopee วางจำหน่าย ZenFone 5Z อย่างเป็นทางการครั้งแรกในประเทศไทย โดยสมาร์ทโฟนเรือธงที่แฟนๆชาวไทยตั้งตารอตัวนี้ มาพร้อมชิพเซ็ท Qualcomm(R) Snapdragon 845 ผสานกับเทคโนโลยี AI ฟีเจอร์อัจฉริยะที่ช่วยการทำงานในหลายส่วน ตั้งแต่การปรับจออุณหภูมิแสงอัตโนมัติ, การประมวลผลตั้งค่าขณะถ่ายภาพ, การควบคุมระบบชาร์จไฟ และเสียงเรียกเข้าตามสภาพแวดล้อม ทั้งนี้ ZenFone 5Z ยังมีฟีเจอร์ใหม่สร้างความบันเทิงอย่าง 'ZeniMoji' ช่วยให้ผู้ใช้สามารถเลือก Avatar ใบหน้าตัวการ์ตูน ควบคุมการเคลื่อนไหวด้วยการแสดงออกทางสีหน้าและการพูด โดยสามารถใช้งานในโหมดวีดีโอคอล หรือ Live-streaming สร้างสีสันในการสนทนาได้อย่างดีเยี่ยม
          ZenFone 5Z จะเริ่มวางจำหน่ายผ่าน Shopee ในวันที่ 16 กรกฎาคม 2561 เป็นต้นไป ในราคา 15,990 บาท สำหรับรุ่น Ram 6 GB และหน่วยความจำขนาด 128 GB มีให้เลือก 2 สีด้วยกัน ได้แก่ Meteor Silver และ Midnight Black พิเศษ! เมื่อสั่งซื้อระหว่างวันที่ 16-20 กรกฎาคม 2561 รับส่วนลดเพิ่ม 1,000 บาท และรับ Shopee coins 500 บาท ลูกค้าชาวไทยที่สนใจเป็นเจ้าของสมาร์ทโฟนที่โดดเด่นด้วยดีไซน์และฟังก์ชั่นการใช้งานครบครันอย่าง ZenFone 5Z นี้ สามารถสั่งซื้อได้ที่ https://shopee.co.th/product/43576771/1285227621/ หรือสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ https://www.facebook.com/ASUSTHAILAND/ 

          เกี่ยวกับเอซุส
          เอซุสเป็นบริษัทชั้นนำที่เติบโตอย่างมากในอุตสาหกรรมไอที เอซุสยังคงมุ่งมั่นและนำเสนอโดยครอบคลุมทุกด้านของเทคโนโลยีสารสนเทศ รวมทั้งชิ้นส่วนคอมพิวเตอร์และอุปกรณ์ต่อพ่วง คอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊ค แท็บเล็ต เซิร์ฟเวอร์ และสมาร์ทโฟน ปัจจุบันมีพนักงานมากกว่า 16,000 คนทั่วโลก
          ด้วยวิสัยทัศน์ที่มีอย่างต่อเนื่องและนำสมัย เป็นเหตุผลว่า ทำไมเอซุสจึงเป็นผู้นำนวัตกรรมของผลิตภัณฑ์ และคุณภาพที่ดีเยี่ยมเข้าสู่ไลฟ์สไตล์ของผู้ใช้ได้อย่างแท้จริง ซึ่งผลิตภัณฑ์ของเอซุสได้รับรางวัลเป็นจำนวนกว่า 4,511 รางวัล ในระดับนานาชาติ นอกจากนี้บริษัทฯ ยังมีรายได้ไม่ต่ำกว่า 13 พันล้านเหรียญสหรัฐในปี 201