ล่าสุด เว็บไซต์ medhubnews.com ข่าวสุขภาพ สาธารณสุข การท่องเที่ยว วาไรตี้ และ เพจ sasook รายงานว่า นายแพทย์ณรงค์ อภิกุลวณิช รองอธิบดีกรมการแพทย์ และ โฆษกกรมการแพทย์ ให้ข้อมูลเกี่ยวกับ โรคอีสุกอีใสว่า เป็นโรคติดต่อทางผิวหนังที่ทำให้ร่างกายเกิดผื่นคัน มีตุ่มนูนขนาดเล็ก หรือตุ่มน้ำใส ๆ ทั่วร่างกาย ส่วนใหญ่มักเกิดขึ้นได้บ่อยในเด็กที่มีอายุต่ำกว่า 15 ปี อย่างไรก็ตามสามารถเกิดขึ้นได้กับทุกเพศทุกวัย และแพร่กระจายได้อย่างรวดเร็ว การดูแลคนไข้อีสุกอีใสจึงมีความสำคัญมาก โดยเฉพาะทำให้ลดการแพร่กระจายของโรค และลดภาวะเสี่ยงจากโรคแทรกซ้อนต่างๆ ที่อาจทำให้เสียชีวิต เช่น โรคปอดบวม โรคสมองอักเสบ ภาวะติดเชื้อในกระแสเลือด ภาวะขาดน้ำและเกลือแร่ ดังนั้น ผู้ป่วยที่เป็นเด็กเล็กอายุต่ำกว่า 1 ปี สตรีตั้งครรภ์ โดยเฉพาะถ้าพบมีไข้ขึ้นสูง หรือเป็นไข้ติดต่อนานกว่า 4 วัน ไอ หอบ เหนื่อย ต้องรีบพบแพทย์
ด้านแพทย์หญิงสาวสวย มิ่งขวัญ วิชัยดิษฐ ผู้อำนวยการสถาบันโรคผิวหนัง กรมการแพทย์ ระบุว่า โรคดังกล่าวเกิดจากเชื้อไวรัส Varicella zoster virus ซึ่งเป็นตัวเดียวกับที่ทำให้เกิดโรคงูสวัดสามารถติดต่อได้ด้วย การไอ จาม หายใจรดกัน หรือโดยการสัมผัส ตลอดจนการใช้ของใช้ร่วมกับผู้เป็นโรค โดยปกติจะมีระยะฟักตัวประมาณ 2-3 สัปดาห์ มักจะระบาดในช่วงปลายฤดูหนาวถึงต้นฤดูร้อนเช่นเดียวกับหัด พบได้ทุกเพศทุกวัยแต่พบมากในกลุ่มเด็กอายุระหว่าง 5-12 ปี อาการจะมีไข้ต่ำๆ อ่อนเพลีย และเบื่ออาหาร
ส่วนผู้ใหญ่มักมีไข้สูง มีอาการปวดเมื่อยตามเนื้อตัวคล้ายไข้หวัด ขณะเดียวกันจะมีผื่นขึ้นพร้อมๆ กับวันที่เริ่มมีไข้ และกลายเป็นตุ่มนูนมีน้ำใสๆ อยู่ข้างใน ดูคล้ายตุ่มหนอง และมีอาการคัน 2-4 วัน ต่อมาจะค่อยๆ ตกสะเก็ด
โดยทั่วไปตุ่มอีสุกอีใสมักหายกลายเป็นแผลเป็นหลุม โดยเฉพาะถ้าแกะเกาจนติดเชื้อแบคทีเรียแทรกซิ้น โรคนี้เมื่อหายแล้ว มักจะมีเชื้อหลบอยู่ตามปมประสาท ซึ่งอาจเป็นโรคงูสวัดภายหลังได้
โรคอีสุกอีใสเป็นโรคที่หายเองได้โดยมีไข้อยู่เพียงไม่กี่วัน ส่วนตุ่มจะตกสะเก็ดและค่อยๆ หายใน 1-3 สัปดาห์ ดังนั้นผู้ป่วยควรพักผ่อนและดื่มน้ำมากๆ ถ้ามีไข้สูงให้ใช้ ยาลดไข้ ห้ามใช้ยาแอสไพริน เพราะอาจทำให้ผู้ป่วยเด็กถึงแก่ชีวิตได้
ควรใช้สบู่อ่อนๆ อาบน้ำ ควรตัดเล็บให้สั้นและหลีกเลี่ยงการแกะหรือเกาตุ่ม ในรายที่มีอาการคันมาก อาจให้ยาช่วยลดอาการคันหรือใช้ผ้าก๊อซชุบน้ำเกลือล้างและปิดบาดแผล ทั้งนี้โรคอีสุกอีใสใน ผู้ใหญ่และคนที่มีภูมิต้านทานโรคต่ำจะมีอาการรุนแรง แพทย์จะพิจารณาให้ยาต้านไวรัสในการรักษา
ทั้งนี้ เว็บไซต์ medhubnews.com รายงานว่า ปัจจุบันยังมีความเชื่อในผู้ใหญ่บางกลุ่มที่ให้ลูกหลานทานยาเขียว ส่งผลให้เกิดรอบแผลเป็น และ ไม่ใช่แนวทางการรักษาที่ถูกต้อง ปัจจุบันมียาต้านไวรัสที่มีประสิทธิภาพ ทานแล้วแทบไม่เกิดแผลเป็นเลย
BKGI ส่ง บ.ย่อย"โอมิกส์สเฟียร์" จับมือกรมการแพทย์-ฮิลจีนฯ พัฒนา ATMPs
มหาวิทยาลัยเซนต์จอร์จเน้นย้ำความสำคัญของการตรวจคัดกรองมะเร็งต่อมลูกหมาก เพื่อป้องกันและดูแลสุขภาพผู้ชาย
ภัยเงียบ! ปอดอุดกั้นฯ คร่าชีวิตคนไทยอันดับ 3 แพทย์ชี้ "กำเริบ 1 ครั้ง เพิ่มเสี่ยงโรคหัวใจ 3 เท่า ครึ่งหนึ่งเสียชีวิตใน 3.6 ปี" ภาคีสาธารณสุขเร่งรณรงค์หยุด 'ความตายเงียบ' ในวันปอดอุดกั้นเรื้อรังโลก
สธ. พัฒนาทีม "CFT Home ใกล้บ้าน ใกล้ใจ" ดูแลอนามัยแม่และเด็ก
โรงพยาบาลเลิดสิน เปิดตัวศูนย์กลางเทคโนโลยี 3 มิติทางการแพทย์แห่งแรกของกรมการแพทย์ พลิกโฉมการแพทย์ไทยสู่ยุคดิจิทัล ด้วยพลังแห่งนวัตกรรม 3D Printing
เดือนแห่งการรณรงค์ตระหนักรู้มะเร็งเต้านม: คำแนะนำจากมหาวิทยาลัยเซนต์จอร์จเพื่อส่งเสริมสุขภาพเต้านมในคนไทย
"ใครกรนต้องรู้! มจธ. พัฒนา 'หมอนรองคออัจฉริยะ' สั่นเตือนก่อนคุณหยุดหายใจ"
วว. ต้อนรับกรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือกในโอกาสเยี่ยมชมศูนย์เชี่ยวชาญนวัตกรรมผลิตภัณฑ์สมุนไพร