นางอัมพวัน พิชาลัย ผู้อำนวยการศูนย์ส่งเสริมศิลปาชีพระหว่างประเทศ หรือ SACICT เปิดเผยว่า "กิจกรรมครูพบครู" เป็นโครงการริเริ่มที่ SACICT จัดขึ้นเป็นปีแรกในปีนี้ ที่เกิดขึ้นจากไอเดียต่อยอดความสำเร็จในงาน Cross Culture Craft ซึ่งเป็นงานแลกเปลี่ยนองค์ความรู้ระหว่างประเทศที่จัดขึ้นในต่างประเทศ โดยนำครูศิลป์ของแผ่นดินไปพบปะแลกเปลี่ยนวัฒนธรรมพื้นถิ่นในงานศิลปหัตกรรมกับครูศิลป์ต่างประเทศ
"แล้วเรานำมาผสมผสานกับการยกระดับการอบรมช่างศิลป์ของไทย โดยที่ครูศิลป์ในพื้นถิ่นของแต่ละภูมิภาคต่างมีทักษะเทคนิคขั้นสูงและฝีมือในงานศิลปหัตถกรรมที่ถนัดระดับชั้นเยี่ยมเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตนแตกต่างกันไป ทั้งภาคเหนือ ภาคใต้ และภาคอีสาน แต่ครูศิลป์แต่ละท่านต่างมีรากฐานเทคนิคในการทำงานศิลปหัตถกรรมที่เหมือนกัน จึงคิดทำเพื่อสร้างรากฐานที่มีอยู่เดิมนี้มาต่อยอดใหม่ให้เกิดผลผลิตใหม่ ที่ให้ความเจริญงอกงามและเติบโตเพิ่มขึ้น บนพื้นฐานลวดลวยที่มาจากเทคนิคต่างๆ ตามวัฒนธรรมพื้นถิ่นเดิมที่มีอยู่ จึงสรุปการทำงานมาเป็นรูปแบบการแลกเปลี่ยนวัฒนธรรมโดยการนำครูศิลป์หัตกรรมพื้นถิ่นหนึ่งมาพบปะแลกเปลี่ยนองค์ความรู้ร่วมกันกับครูศิลป์อีกพื้นถิ่นหนึ่ง โดยจะเลือกพืนถิ่นที่มีองค์ความรู้ในแนวทางเดียวกันเป็นหลักนำในการสร้างโอกาสให้เกิดการแลกเปลี่ยนระหว่างวัฒนธรรมพื้นถิ่นระหว่างกัน" นางอัมพวันกล่าว
กิจกรรมครูพบครูครั้งนี้จึงมีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมสร้างโอกาสให้ครูศิลป์ของแผ่นดิน ครูช่างศิลปหัตถกรรม และทายาทช่างศิลปะหัตถกรรม ได้แลกเปลี่ยนเรียนรู้องค์ความรู้ ภูมิปัญญา ทักษะและเทคนิคต่างๆ ในงานศิลปหัตถกรรมในวัตนธรรมพื้นถิ่นที่แตกต่างกัน จากพื้นถิ่นหนึ่งร่วมกับอีกพื้นถิ่นหนึ่ง เพื่อให้เป็นแนวทางเสริมสร้างโอกาสให้เกิดความร่วมมือ และการเชื่อมโยงในเชิงของหัตถกรรมในวัฒนธรรมพื้นถิ่น ตลอดจนการเชื่อมโยงเครือข่ายความสัมพันธ์ระหว่างผู้ผลิตงานศิลปหัตถกรรมของบุคคลระดับ "ครู" ที่ได้รับการเชิดชูให้มีการพบปะแลกเปลี่ยนเรียนรู้ และถ่ายทอดผลงานระหว่างกัน อันเป็นแรงบันดาลใจให้เกิดการอนุรักษ์ สืบสานจากบรรพบุรุษ หรือเกิดแนวคิดในการนำไปปรับประยุกต์เป็นผลงานเชิงสร้างสรรค์ สู่การต่อยอดขยายผลด้วยองค์ความรู้ในหลากหลายวัฒนธรรมพื้นถิ่น
กิจกรรมครั้งแรกในการแลกเปลี่ยนองค์ความรู้เชื่อมโยงระหว่างวัฒนธรรมพื้นถิ่นนี้จะเริ่มขึ้นในวันที่ 9-11 สิงหาคมนี้ ในงานหัตถกรรม "ผ้ายกดอก– ผ้าทอเทคนิคยก" ในวัฒนธรรมภาคใต้ – ภาคอีสาน กับวัฒนธรรมภาคเหนือ และ "ผ้ายกดอกที่ใช้ในราชสำนัก" ประกอบด้วย ผ้ายกดอกนคร จังหวัดนครศรีธรรมราช ผ้ายกดอกอีสาน จังหวัดสุรินทร์ จังหวัดนครราชสีมา จังหวัดอุบลราชธานี ผ้าทอเทคนิคยก (ผ้าแพรวา) จังหวัดกาฬสินธุ์ ผ้ายกดอกลำพูน จังหวัดลำพูน ผ้ายกดอกแบบราชสำนัก ผ้านุ่งของสตรีชั้นเจ้านายฝ่ายใน ในราชสำนักสยาม
องค์ความรู้ที่แลกเปลี่ยน จะเป็นเรื่องราวการศึกษาเทคนิควิธีการ "ทอยก" ในพื้นที่ทอจริง สาธิตและบอกเล่าเทคนิคต่างๆ พร้อมกับการบรรยายเพื่อชี้ให้เห็นถึงเรื่องราวเชิงเอกลักษณ์ และอัตลักษณ์พิเศษของความเป็นงาน "ผ้า ยกดอก" ที่ต้องมี ต้องรักษา และต้องไม่ผิดเพี้ยน ดำเนินการโดยครูศิลป์ของแผ่นดิน หรือทายาทช่างศิลปหัตถกรรม ผู้เชี่ยวชาญงานผ้ายกดอก โดยเฉพาะเรื่องราวความเป็นเอกลักษณ์ "ความเหมือน" ในความเป็น "ผ้ายกดอก-ผ้าทอเทคนิคยก" และ"ความต่าง" ของความเป็นเอกลักษณ์ของผ้ายกแต่ละพื้นถิ่นที่มีรากเง้าหรือประวัติศาสตร์ที่มาที่แตกต่างกัน รวมถึง เอกลักษณ์ "ผ้ายกแบบราชสำนัก" ผ้านุ่งสตรีชั้นพระมเหสี และสตรีฝ่ายใน ในราชสำนัก อัตลักษณ์ที่ต้องรักษาไว้ในความเป็นผ้ายกของพื้นถิ่นนั้นๆ เพื่อคงคุณค่าของการเป็นผ้ายก ผ้าชั้นสูงไม่ให้หายไป
แล้วยังมีการแลกเปลี่ยนทัศนะและมุมมองระหว่างครูศิลป์ของแผ่นดิน ครูช่างศิลปหัตถกรรม ทายาทช่างศิลปหัตถกรรม และผู้เชี่ยวชาญงานผ้ายกดอก เพื่อบอกเล่าถึงเอกลักษณ์ และเทคนิคของความเป็นผ้ายกดอกแต่ละพื้นถิ่น ผ่านผลงาน "ผ้ายก" ในแต่ละพื้นถิ่น ตลอดจนความนิยม และเอกลักษณ์ที่ต้องดำรงรักษา รวมทั้งจุดที่ควรได้รับการพัฒนาสร้างสรรค์ในงาน "ผ้ายกดอก" / "ผ้าแพรวา-เทคนิคยก" ให้คงอยู่ในความนิยมของคนไทยต่อไป อีกทั้งเรียนรู้ ผ้าในวัฒนธรรมพื้นถิ่นของชาวล้านนา เช่น ผ้าทอแบบราชสำนักของเจ้านายในวัฒนธรรมชาวพม่าและไทใหญ่ ผ้าแห่งชาติพันธุ์ต่างๆ ผ้าลุนตะยาอะเชะ ผ้าในการแต่งกายต่างๆ
กิจกรรมครั้งที่สอง จะมีขึ้นในปลายเดือนสิงหาคมนี้ เป็นการแลกเปลี่ยนเชื่อมโยงวัฒนธรรมในงานหัตถกรรม "เครื่องเงิน – เครื่องถม – ผ้าทอ" ระหว่างวัฒนธรรมภาคใต้ กับภาคอีสาน ได้แก่ เครื่องเงินในวัฒนธรรมอีสานใต้ จังหวัดสุรินทร์ ที่ได้รับอิทธิพลจากเขมร เครื่องเงินในวัฒนธรรมล้านนา จังหวัดน่าน เครื่องถมเงิน-ถมทอง ประวัติศาสตร์เครื่องใช้ชั้นสูงในราชสำนักในวัฒนธรรมถิ่นใต้ จังหวัดนครศรีธรรมราช ผ้าทอเทคนิคมัดหมี่ (มัดหมี่ / จวนตานี / ปะลางิง) ในวัฒนธรรมอีสานใต้ และวัฒนธรรมถิ่นใต้ จังหวัดปัตตานี – ยะลา เพื่อร่วมกันแลกเปลี่ยนองค์ความรู้ภูมิปัญญา ทักษะและเรียนรู้เทคนิคต่างๆ ในความเหมือน และความแตกต่างของแต่ละพื้นถิ่น ในการทำงานในพื้นที่จริง ทั้งในการทำ "เครื่องถมเงิน-ถมทอง" "การมัดหมี่ – การย้อมสี และย้อมสีธรรม ผ้าจวนตานี" ด้วยการสาธิตและบอกเล่าเทคนิคต่างๆ ระหว่าง ครูศิลป์ของแผ่นดิน ครูช่างศิลปหัตถกรรม และทายาทช่างศิลปหัตถกรรม
พร้อมกับบรรยายเพื่อชี้ให้เห็นถึงเรื่องราวเชิงเอกลักษณ์และอัตลักษณ์พิเศษของความเป็นงาน "ผ้ามัดหมี่ (จวนตานี)" และ การผสมผสานสีย้อมธรรมชาติ ดำเนินการโดยผู้เชี่ยวชาญงานผ้าจวนตานี และการย้อมสีธรรมชาติ และการเสวนาแลกเปลี่ยนทัศนะและมุมมองระหว่างครูศิลป์ของแผ่นดิน ครูช่างศิลปหัตถกรรม และทายาทช่างศิลปหัตถกรรม และผู้เชี่ยวชาญงานผ้าจวนตานี ผ้ามัดหมี่ ผ้าย้อมสีธรรมชาติผ่านผลงาน "ผ้า" ในแต่ละพื้นถิ่น รวมถึงความนิยม และเอกลักษณ์ที่ต้องดำรงรักษา และจุดที่ควรได้รับการพัฒนาสร้างสรรค์ในงาน "ผ้าจวนตานี" ให้อยู่ในความนิยมของคนไทยต่อไป รวมทั้งการศึกษาเรียนรู้ ผ้าในวัฒนธรรมพื้นถิ่นใต้ เช่น ผ้าจวนตานีโบราณ ผ้าจวนตานี-ซงเค็ต ผ้าปะลางิงโบราณในวัฒนธรรมมลายู ผ้าในการแต่งกายต่างๆ
กิจกรรมครั้งที่สาม จัดขึ้นในช่วงต้นเดือนกันยายนนี้ จะเป็นการแลกเปลี่ยนองค์ความรู้ภูมิปัญญา ทักษะและเทคนิคเชื่อมโยงวัฒนธรรมในงานหัตถกรรม "ผ้าทอชาติพันธุ์" ในวัฒนธรรมล้านนา ร่วมกันของครูศิลป์ของแผ่นดิน ครูช่างศิลปหัตถกรรม ประกอบด้วย การศึกษาเรียนรู้ผ้าทอชาติพันธุ์ในวัฒนธรรมล้านนา เช่น ผ้าทอชาติพันธุ์ไทลื้อ จังหวัดน่าน ผ้าทอชาติพันธุ์ไทยวน จังหวัดแพร่ รวมทั้งการอนุรักษ์/สืบสานวัฒนธรรม และภูมิปัญญาบรรพบุรุษผ้าทอในวัฒนธรรม และชาติพันธุ์ จากอดีตสู่ผลงานเชิงสร้างสรรค์ในปัจจุบัน
ผู้อำนวยการ SACICT กล่าวย้ำว่า กิจกรรมครูพบครูในครั้งแรกนี้ จะทำให้เครือข่ายครูศิลป์มีความแน่นแฟ้นมากขึ้น ในการแลกเปลี่ยนองค์ความรู้วัฒนธรรมระหว่างพื้นถิ่นนี้ จะนำไปสู่การสร้างสรรค์ผลงานที่เป็น "นวตกรรมใหม่" ทั้งในด้านการทำงานและทางเทคนิคในพื้นที่ทั้งภาคเหนือ อีสาน และใต้ เข้าด้วยกัน และนำไปพัฒนาต่อยอดสู่ผลิตภัณฑ์หัตถกรรมใหม่ๆ ขึ้นมา อาทิ ผ้าทอแบบใหม่ที่เกิดจากการผสมผสานองค์ความรู้ทางเทคนิคในวัฒนธรรมของเหนือ อีสาน และใต้ ที่มาจากการทำงานแลกเปลี่ยนองค์ความรู้ร่วมกันระหว่างครูศิลป์ด้วยกันที่มาจากต่างแต่ละพื้นถิ่นแต่เป็นวัฒนธรรมเดียวกัน เป็นต้น พร้อมกับวางเป้าหมายต่อไปในปีหน้าด้วยว่า เพื่อให้เกิดการขยายผลกิจกรรมเช่นนี้อีกไปยังหัตถกรรมประเภทอื่นๆ ที่เป็นการข้ามรากเหง้าทางวัฒนธรรมแต่มาจากงานประเภทที่เหมือนกัน อาทิ งานทอเครื่องจักสาน กับ ผ้าทอ เป็นต้น
"ท้ายสุดแล้วความมุ่งหวังจากกิจกรรมครูพบครูครั้งนี้ จะนำไปสู่การสร้างแรงบันดาลใจให้กับบุคคลสำคัญในงานหัตถศิลป์เกิดความรู้สึกรักในงานของตน เกิดการอนุรักษ์งานหัตถศิลป์ที่สำคัญของชาติ ต้องการให้มีการสืบสานต่อเนื่องต่อไปจากบรรพบุรุษสู่รุ่นลูกรุ่นหลาน ผลิตดอกออกผลสร้างสรรค์เป็นผลงานที่ทรงคุณค่าในปัจจุบันและสู่อนาคตในวันข้างหน้าต่อไป" นางอัมพวัน กล่าวทิ้งท้าย
จุรินทร์เตรียมดันไทยเป็น Art & Crafts Hub ของอาเซียนเพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจ
SACICT ก้าวสู่ปีที่ 18 สืบสาน รักษา และต่อยอดคุณค่าในงานศิลปาชีพและหัตถกรรมไทย
SACICT เปิดรันเวย์โชว์ 50 ผลงาน รอบชิงชนะเลิศ SACICT AWARD 2020
คัดเลือก 50 ผลงาน “ผ้าไทยใส่ได้ทุก GEN”สู่รันเวย์รอบชิงชนะเลิศ
SACICT เดินหน้าสืบสานพระราชณิธาน ส่งเสริม คุณค่าความเป็นไทย จัด กิจกรรมเสวนาและประชุมวิชาการด้านศิลปหัตถกรรม วิทยากรคนดังตบเท้าร่วมเสวนาคับคั่ง
เซ็นทรัลพัฒนา เชิดชูหัตถศิลป์ไทยร่วมสมัยสุดเลอค่า จับมือศูนย์ส่งเสริมศิลปาชีพระหว่างประเทศ (องค์การมหาชน) หรือ SACICT จัดงาน “SACICT เพลินคราฟต์”
ศูนย์ส่งเสริมศิลปาชีพระหว่างประเทศพร้อมจัดงาน SACICT Craft Trend Show 2020 จากงานหัตถศิลป์สู่งานนวัตศิลป์ร่วมสมัย
SACICT จัด “SACICT Craft Fair 2020” เสิร์ฟหัตถกรรมร่วมสมัย บุกหัวเมืองโคราช
ศ.ศ.ป. จัดแสดงผลงาน “หัตถกรรมชั้น “ครู” ที่ใกล้สูญหาย” หวังให้มีการ รื้อฟื้น และสืบสาน ก่อนสูญหายไปจากแผ่นดิน