ดร. สันติธาร เสถียรไทย Group Chief Economist Sea (Group) กล่าวว่า "ปี 2561 ที่ผ่านมา นับว่าเป็นอีกหนึ่งปีที่ดีของอุตสาหกรรมอีคอมเมิร์ซ โดยเรายังได้เห็นแนวโน้มการเติบโตของอีคอมเมิร์ซอย่างต่อเนื่อง สำหรับ Sea (กรุ๊ป) เราเดินหน้าสู่ความเป็นผู้นำการให้บริการอินเตอร์เน็ตแพลตฟอร์มของภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ที่มีศักยภาพครอบคลุมพร้อมตอบโจทย์ทุก ไลฟ์สไตล์ผู้ใช้งานในยุคดิจิตอล ภายใต้พันธกิจ 'Connecting the dots' ในฐานะผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ตแพลตฟอร์มที่ครอบคลุมทั้งบนระบบคอมพิวเตอร์พื้นฐาน เราพร้อมดินหน้าพัฒนากลุ่มสินค้าและบริการ ให้มีความหลากหลายเพื่อตอบสนองความต้องการของผู้ใช้งานทุกคน และหวังว่าเทรนด์อีคอมเมิร์ซที่น่าจับตาในปี 2562 นี้ จะเป็นประโยชน์ต่ออุตสาหกรรมโดยกว้าง"
สามเทรนด์ที่น่าจับตามองของอีคอมเมิร์ซในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ในปี 2562
แม้นักเศรษฐศาสตร์หลายสำนักต่างก็คาดการณ์ว่า เศรษฐกิจโลกมีแนวโน้มจะชะลอตัวลงในปี2562 เนื่องด้วยปัจจัยต่างๆ เช่น สงครามการค้าระหว่างประเทศและการขึ้นอัตราดอกเบี้ย นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่ยังมองว่า อีคอมเมิร์ซในอาเซียนน่าจะยังเติบโตได้อย่างแข็งแรง
รายงานจากกูเกิ้ล (Google) และเทมาเส็ก (Temasek) ระบุว่า อุตสาหกรรมอีคอมเมิร์ซในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เติบโตเฉลี่ยต่อปีมากกว่า 62% ในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา และคาดการณ์ว่าจะขยายตัวอย่างต่อเนื่อง ผลักดันให้ยอดขายทั้งหมด (GMV) มีมูลค่ามากกว่า 1 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 3.1 ล้านล้านบาท) ภายในปี 2568 เนื่องจากการที่คนเข้าถึงอินเทอร์เน็ตมากขึ้นผ่านทางโทรศัพท์สมาร์ทโฟน การลงทุนจากภาคเอกชนและรัฐเพื่อพัฒนาระบบนิเวศน์ของอีคอมเมิร์ซ บวกกับการที่ยอดขายบนแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้นับเป็นเพียง 3-5% ของยอดขายจากการค้าปลีกทั้งหมด นับว่ามีขนาดค่อนข้างเล็กเมื่อเทียบกับประเทศจีนและสหรัฐอเมริกาที่สัดส่วนยอดขาย อีคอมเมิร์ซสูงถึง 20% และ 10% ตามลำดับ
หากเจาะลึกลงไปอีกขั้นจะพบว่าสิ่งที่น่าสนใจยิ่งกว่าอัตราการเติบโตอย่างก้าวกระโดดคือ"รูปแบบ"ของการขยายตัวและการพัฒนาของอีคอมเมิร์ซในภูมิภาคนี้ที่กำลังเปลี่ยนแปลงพลิกโฉมอย่างมหาศาลเช่นกัน โดยมีสามเทรนด์ที่ต้องจับตามองอย่างใกล้ชิด ได้แก่
ปรากฎการณ์ 'Experiential ecommerce' หรือ การที่อีคอมเมิร์ซกลายเป็นเรื่องของคนซื้อ "ประสบการณ์" ไม่ใช่แค่ซื้อของ – คล้ายกับการไปห้างสรรพสินค้า
ในปัจจุบันความต้องการของผู้ใช้อีคอมเมิร์ซไม่หยุดอยู่เพียงแค่การซื้อสินค้าที่ตนเองต้องการ แต่ยังชอบที่จะค้นพบสินค้าใหม่ที่ตนไม่เคยรู้จักมาก่อน มองหาความเพลิดเพลินจากการใช้แพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซ และพอใจที่จะมีปฏิสัมพันธ์ร่วมกับเพื่อนและผู้คนในแวดวงของตนเอง อีกด้วย ผู้บริโภคอาจเข้าแอพพลิเคชั่นโดยที่ยังไม่มีสินค้าที่อยากซื้ออยู่ในใจ แต่เข้ามาเพื่อมองหาสินค้าและข้อเสนอที่น่าสนใจจากแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซและสอบถามข้อมูลจากผู้ขายเมื่อพบสินค้าที่ตนเองสนใจ
การใช้เทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) บวกกับบิ๊กดาต้า เพื่อให้รู้จักผู้บริโภคและสามารถปรับสินค้าแนะนำที่แต่ละคนจะเห็นจึงกลายเป็นเรื่องที่สำคัญมาก นอกจากนี้ ผู้บริโภคยังเข้าแอพพลิเคชั่นมาเพื่อเล่นมินิเกม เช่น เกมตอบคำถามแบบในเกมโชว์ ที่ดำเนินรายการโดยดาราที่เราคุ้นเคย เพื่อชิงรางวัลได้เป็นส่วนลดไปใช้ในการช้อปปิ้งต่อได้ ที่สำคัญผู้เล่นยังสามารถเข้าไปเล่นร่วมกับเพื่อนไปพร้อมๆกัน เป็นกิจกรรมไม่ได้ทำคนเดียวแต่มีมิติของสังคมผสมเข้าไปด้วย
สิ่งที่เกิดขึ้นก็คือพรมแดนระหว่างการช้อปปิ้ง แวดวงสังคม และความบันเทิงจางหายไป ทำให้ตัวชี้วัดความสำเร็จของอีคอมเมิร์ซแพลตฟอร์มก็เปลี่ยนไปเช่นกัน ปัจจัยที่เมื่อก่อนนักวิเคราะห์อาจไม่สนใจเช่น "ระยะเวลา"ที่ผู้คนใช้บนแอพพลิเคชั่นก็ได้กลายเป็นปัจจัยที่มีความสำคัญเป็นอย่างยิ่ง
อีคอมเมิร์ซแพลตฟอร์มกลายเป็น "เพื่อนคู่คิดภาคดิจิทัล" สำหรับผู้ขาย'ออฟไลน์'
เมื่อพฤติกรรมของผู้บริโภคเปลี่ยนไป แพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซ กำลังได้รับบทบาทใหม่ทางธุรกิจ ที่มากกว่าแค่ 'ช่องทางจำหน่ายออนไลน์' แต่ได้กลายเป็นเพื่อนคู่คิดของแบรนด์ออฟไลน์ต่างๆ โดยใช้ความเชี่ยวชาญด้านการวิเคราะห์ดาต้า คาดการณ์ความต้องการผู้บริโภค ช่วยนำเสนอแนวทางการโฆษณาและ ทำการตลาด โปรโมชั่น รวมไปถึงแก้ปัญหาเรื่องโลจิสติกส์ การชำระเงิน เพื่อตอบโจทย์ผู้บริโภคมากขึ้น อีกด้วย แม้ผู้ค้าปลีกต่างๆจะเห็นความสำคัญของตลาดออนไลน์มานานแล้วสิ่งที่เปลี่ยนไปจากแต่ก่อนก็คือ ร้านและแบรนด์ออฟไลน์ทุกเจ้าไม่จำเป็นต้องเปิดและลงทุนเงินมหาศาลในการสร้างร้านออนไลน์ของตนเองจากศูนย์เพราะสามารถหันมาจับมือใช้บริการของอีคอมเมิร์ซแพลตฟอร์มที่มีความเชี่ยวชาญเฉพาะทางด้านนี่ได้
เทรนด์นี้ได้เกิดขึ้นแล้วในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ในช่วงที่ผ่านมาแบรนด์ที่ผลิตสินค้าอุปโภค-บริโภค และร้านค้าปลีกขนาดใหญ่ อาทิ 'Miniso' ในสิงค์โปร 'Nestle' ในมาเลเชีย และ 'Big C' ในประเทศไทย ได้เปิดร้านในแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซและร่วมมือกันอย่างใกล้ชิดมากขึ้นเพื่อพัฒนาบริการให้ผู้บริโภค
อีคอมเมิร์ซ "เปิดประตู" สู่ผู้บริโภคและผู้ขายใหม่ที่ไม่เคยค้นพบมาก่อน
แพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซสามารถช่วยให้กลุ่มผู้ประกอบการรายย่อย หรือ กลุ่ม 'micro-entrepreneurs' และ SME เข้าถึงตลาดใหม่ๆ ที่ไม่ได้กำจัดพื้นที่อยู่แค่ตลาดท้องถิ่นที่ผู้ประกอบการรายย่อยนั้นดำเนินการอยู่ อีกทั้งยังสร้างโอกาสให้กับแบรนด์ชั้นนำต่างๆ ให้เข้าถึงกลุ่มตลาดใหม่ ที่ไม่ใช่แค่ตลาดหลักดั้งเดิมของแบรนด์นั้นๆ อีกด้วย ยกตัวอย่างจากประสบการณ์ของช้อปปี้ (Shopee) ได้ทำงานร่วมกับธุรกิจจำหน่าย 'ปลาร้า' แห่งหนึ่งซึ่งปกติจะพบข้อกำจัดด้านการจัดส่งและการเข้าถึงลูกค้า หลังจากได้เปิดช่องทางออนไลน์ SME รายนี้สามารถเพิ่มยอดขายได้ถึงสองเท่าในเวลาสามเดือน จนสุดท้ายติดลมบนพัฒนาจนกลายเป็นผู้ส่งออกไปต่างประเทศเช่น ออสเตรเลีย ฟิลิปปินส์
แต่ความสำเร็จเช่นนี้ไม่ใช่เรื่องที่เกิดขึ้นโดยอัตโนมัติ เพราะยังมี SME จำนวนมากที่ไม่คุ้นกับการใช้อีคอมเมิร์ซ โดยการศึกษาของ 'Bain & Company' ชี้ให้เห็นว่าแม้วิสาหกิจขนาดย่อมส่วนใหญ่ของไทยเห็นประโยชน์ของการขายออนไลน์ มีไม่ถึง 50%ที่ได้ทำจริง การร่วมมือกันระหว่างอีคอมเมิร์ซแพลตฟอร์มและรัฐบาลในการจัดคอร์สอบรมเพื่อช่วยให้ร้านค้าเหล่านี้ใช้อีคอมเมิร์ซได้เต็มที่อย่างมีประสิทธิภาพจึงเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่ง
สุดท้ายไม่ใช่เพียงฝั่งผู้ขายเท่านั้นที่จะเชื่อมเข้าสู่ตลาดได้ง่ายขึ้น ผู้บริโภคที่อาจอยู่ในถิ่นที่ไม่ค่อยมีร้านค้าปลีกให้เลือกมากนักก็สามารถใช้อีคอมเมิร์ซเพื่อให้ได้สินค้าโดยเฉพาะของจำเป็นที่ต้องการได้ โดยข้อมูลของช้อปปี้ชี้ให้เห็นว่ากลุ่มลูกค้าที่อาศัยอยู่นอกเขตเมืองหลวง ได้กลายเป็นกลุ่มผู้บริโภคที่มีความสำคัญมากขึ้นในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
สรุปคือ อีคอมเมิร์ซในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และประเทศไทยเปรียบเสมือนยังอยู่ใน "วัยเยาว์" ที่ไม่เพียงเติบโตอย่างรวดเร็วแต่มีการเปลี่ยนแปลงและวิวัฒนาการอยู่ตลอด ต้องลองมาจับตาดูว่าปี2562นี้เทรนด์เหล่านี้จะมีผลอย่างไรต่อธุรกิจและเศรษฐกิจประเทศไทยอย่างไรบ้าง
เกี่ยวกับ Sea (Group)
Sea เป็นผู้นำในการให้บริการอินเทอร์เนตแพลตฟอร์มด้าน Digital Entertainment, e-Commerce และ Digital Financial Services ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และไต้หวัน โดยพันธกิจของ Sea คือการทำให้ชีวิตของผู้บริโภคและผู้ประกอบการรายย่อยมีความสะดวกสบายยิ่งขึ้นด้วยเทคโนโลยี กลุ่มบริษัทในเครือ Sea ประกอบด้วย บริษัท การีนา แอร์เพย์ และ ช้อปปี้ นอกจากนี้ Sea ยังเป็นบริษัทที่ได้รับการจดทะเบียนในตลาดทุน NYSE โดยใช้สัญลักษณ์ SE
เจาะไฮไลท์ผู้นำสาย "แร็ป" "ดร.ต้นสน" สันติธาร เสถียรไทย แห่ง Sea Group
ภาพข่าว: บลจ.กสิกรไทย เผยกลยุทธ์การลงทุนรับเทรนด์โลกอนาคต ในงานสัมมนา KAsset Investment Forum 2019
“Sea (ประเทศไทย)” เปิดมุมมองสู่ปรากฏการณ์ Digital Transformation อย่างเต็มรูปแบบ ในงานเสวนาพิเศษ “Sea Insight Future Focus”
Sea (Thailand) ผนึกกำลังกูรูเศรษฐกิจดิจิทัลและการศึกษา จัดงาน “Sea Insight Future Focus” ปลดล็อกศักยภาพคนไทยเข้าสู่ “Disruption Transformation”
Sea (ประเทศไทย) ผนึกกำลังกูรูเศรษฐกิจยุคดิจิทัลและการศึกษา จัดงาน “Sea Insight Future Focus”
งานเสวนาพิเศษ “Sea Insight” ภายใต้หัวข้อ “Sea Insight: Future Focus”
ภาพข่าว: กรุงศรีเพื่อลูกค้าธุรกิจจัดงานสัมมนา Blue Ocean Shift: New Approaches in Digital Economy
ภาพข่าว: ธนาคารกรุงเทพ สนับสนุนจัดการประชุมสุดยอดผู้นำธุรกิจในอาเซียน พร้อมสร้างสรรค์ช่วงพิเศษเฉพาะ “ผู้นำธุรกิจนวัตกรรมของอาเซียน”