สรุปสภาวะตลาดทองคำแท่งและโกลด์ฟิวเจอร์ส วันที่ 28 มกราคม 2562

28 Jan 2019
สภาวะตลาดวันที่ 28 มกราคม 2562 ราคาทองคำแกว่งตัวในกรอบที่ระดับ 1,299.10-1,304.41 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ขณะที่ราคาทองคำแท่ง 96.5% ภายในประเทศขายออกอยู่ที่ 19,450 บาทต่อบาททองคำ ทรงตัวจากวันก่อนหน้าที่ระดับ 19,450 บาทต่อบาททองคำ ขณะที่โกลด์ฟิวเจอร์ส GFG19 อยู่ที่ 19,520 บาท ปรับตัวเพิ่มขึ้น 170 บาท จากวันก่อนหน้าที่ระดับ 19,350 บาท

(หมายเหตุ: ข้อมูลนี้จัดทำขึ้น ณ เวลา 15.20 น. ของวันที่ 28/01/62)

แนวโน้มวันที่ 29 มกราคม 2562

คณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงินของเฟด (FOMC) จะประชุมกันในวันที่ 29-30 ม.ค. และคาดกันในวงกว้างว่า นายเจอโรม พาวเวลล์ ประธานเฟดจะยอมรับถึงความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้นต่อเศรษฐกิจสหรัฐ ขณะที่เจ้าหน้าที่กำหนดนโยบายของเฟดจะส่งสัญญาณการระงับวงจรการคุมเข้ม รวมทั้งอาจกำหนดกรอบเวลาในการยุติการปรับลดงบดุลของเฟด แนวโน้มดังกล่าวกดดันดอลลาร์ปรับตัวลง จนดันราคาทองคำปรับตัวขึ้น แม้ว่าความกังวลประเด็นการปิดดำเนินการรัฐบาล(ชัตดาวน์)ในสหรัฐได้ลดลงหลังประธานาธิบดี ทรัมป์ ของสหรัฐได้ลงนามผ่านร่างกฎหมายงบประมาณชั่วคราว จนลดอุปสงค์ของนักลงทุนสำหรับทองคำในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัย แต่งบประมาณชั่วคราวดังกล่าวได้ตกลงให้เปิดดำเนินการรัฐบาลอีกครั้งถึงแค่วันที่ 15 ก.พ. เท่านั้น โดยปราศจากงบประมาณในการก่อสร้างกำแพงกั้นระหว่างพรมแดนสหรัฐ-เม็กซิโก มูลค่า 5.7 พันล้านดอลลาร์สหรัฐที่ปธน.ทรัมป์เรียกร้อง ขณะที่ปธน.ทรัมป์ กล่าวว่า อาจยอมให้รัฐบาลเข้าสู่ภาวะชัตดาวน์อีกครั้ง หากผู้นำในสภาคองเกรสไม่สามารถบรรลุข้อตกลงรวมงบประมาณสร้างกำแพงได้ภายในช่วงกลางเดือนก.พ. ซึ่งปธน.ทรัมป์อาจใช้อำนาจประธานาธิบดีประกาศภาวะฉุกเฉิน และออกกฎหมายอนุมัติงบประมาณสร้างกำแพงกั้นชายแดนเม็กซิโก โดยไม่ต้องผ่านการอนุมัติจากสภาคองเกรส แนวโน้มดังกล่าวพยุงราคาทองคำไว้ นอกจากนี้ ภาวะชัตดาวน์ที่ยาวนานที่สุดเป็นระยะเวลา 35 วัน ได้สร้างความเสียหายทางเศรษฐกิจสหรัฐมากที่สุดเหตุการณ์หนึ่งในประวัติศาสตร์สหรัฐ เนื่องจากภาวะชัตดาวน์ส่งผลกระทบต่อความสามารถในการผลิตจากเจ้าพนักงานและแรงงานที่ถูกสั่งพักงานเป็นการชั่วคราว ตลอดจนสูญเสียรายได้ทางภาษีและอีกมาก โดยสถาบันจัดอันดับความน่าเชื่อถือ S&P Global Ratings สถาบันจัดอันดับความน่าเชื่อถือชั้นนำของโลกเปิดเผยว่า เศรษฐกิจสหรัฐได้รับความเสียหายอย่างน้อย 6 พันล้านดอลลาร์ ขณะที่ก่อนหน้านี้ นักเศรษฐศาสตร์ของบาร์เคลย์ ลดคาดการณ์จีดีพี Q1 ของสหรัฐสู่ 2.5%จากคาดการณ์ก่อนหน้านี้ที่ 3.0% แม้มุมมองดังกล่าวจะส่งผลบวกต่อราคาทองคำ แต่ราคาปรับตัวขึ้นตอบรับประเด็นดังกล่าวไปแล้ว ระดับหนึ่ง ดังนั้นหากราคายังไม่สามารถดีดตัวกลับไปทดสอบหรือยืนเหนือโซนแนวต้าน 1,309-1,318 ดอลลาร์ต่อออนซ์ จะเกิดแรงขายที่อาจกดดันให้ราคาปรับตัวลงทดสอบแนวรับอีกครั้ง

กลยุทธ์การลงทุน ทางวายแอลจีมีมุมมองว่า หากราคาทองคำดีดตัวขึ้นไม่ผ่านแนวต้านที่ 1,309 ดอลลาร์ต่อออนซ์ หรือไม่สามารถยืนเหนือแนวต้านดังกล่าวได้ราคาอาจอ่อนตัวลงมาอีกครั้ง แต่หากสามารถยืนเหนือแนวต้านได้ราคาก็พร้อมขึ้นไปทดสอบแนวต้านถัดไปที่ระดับ 1,318 ดอลลาร์ต่อออนซ์ อย่างไรก็ตามแนะนำจับตาการสร้างฐานของราคาบริเวณ 1,293-1,287 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ซึ่งถือว่าเป็นแนวรับสำคัญ หากยืนได้มั่นคงแนะนำเข้าซื้อ แต่หากราคาหลุดควรตัดขาดทุน เพราะราคาทองคำอาจจะมีการปรับฐานต่อ โดยประเมินแนวรับถัดไปบริเวณ 1,276 ดอลลาร์ต่อออนซ์

ทองคำแท่ง (96.50%)

แนวรับ 1,287 (19,150บาท) 1,276 (19,000บาท) 1,265 (18,850บาท)

แนวต้าน 1,309 (19,500บาท) 1,318 (19,650บาท) 1,326 (19,750บาท)

GOLD FUTURES (GFG19)

แนวรับ 1,287 (19,310บาท) 1,276 (19,140บาท) 1,265 (18,950บาท)

แนวต้าน 1,309 (19,640บาท) 1,318 (19,770บาท) 1,326 (19,890บาท)

หากต้องการทราบทิศทางราคาทองคำและแนวทางลงทุนทองคำ ขอคำปรึกษาเพิ่มเติมจากทีมที่ปรึกษาการลงทุนด้านโกล์ดฟิวเจอร์ส โทร.02-687-9999