วุ้นตาเสื่อม (Vitreous degeneration)

ข่าวประชาสัมพันธ์ »

          วุ้นตาเสื่อม (Vitreous degeneration) คือภาวะที่น้ำวุ้นตาที่อยู่ภายในลูกตามีการเปลี่ยนแปลงสภาพและแยก
ตัวออกจากจอตา ภาวะที่น้ำวุ้นตาแยกตัวออกจากจอตาทำให้เกิดแรงดึงรั้งจนจอตามีโอกาสฉีกขาดและเกิดจอตาหลุดลอกตามมาได้
          คนที่มีวุ้นตาเสื่อมจะมีอาการอย่างไร?
          อาการของวุ้นตาเสื่อม ได้แก่ การเห็นจุดดำลอยไปมา (floaters) และเห็นแสงคล้ายฟ้าแลบ (light flashes)โดยคนไข้มักจะสังเกตเห็นแสงฟ้าแลบในที่มืดได้ชัดเจนกว่าที่สว่าง คนไข้มักอธิบายลักษณะของจุดดำที่ลอยไปมาคล้ายกับ แมลง ยุง ใยแมงมุม หรือเป็นเส้นคล้ายเส้นขน เป็นต้น
          จุดดำที่เห็นนั้นอาจเกิดจากเศษของน้ำวุ้นตาที่เป็น collagen มาหดรวมตัวกัน (condensation of vitreous collagen), เศษเลือดจากน้ำวุ้นตากระชากเส้นเลือดฉีกขาด (blood from a torn or avulsed retinal vessel) หรือเศษเนื้อเยื่อบริเวณขั้วประสาทตาที่หลุดแยกตัวมากับน้ำวุ้นตา (glial tissue)
          ใครบ้างที่จะมีวุ้นตาเสื่อม?
          วุ้นตาเสื่อมเป็นความเสื่อมตามอายุของทุกคน มักเกิดอาการตอนอายุ 45-65 ปี แต่อาจเกิดขึ้นเร็วกว่าปกติในผู้
ที่มีสายตาสั้น หรือผู้ที่ได้รับอุบัติเหตุรุนแรงที่ตามาก่อน นอกจากนี้ การผ่าตัดในลูกตา เช่น ผ่าตัดต้อกระจก ก็อาจทำให้น้ำวุ้นตาเสื่อมมากขึ้นได้
          ถ้ามีวุ้นตาเสื่อมจะส่งผลกระทบให้เกิดอะไรบ้าง และต้องปฏิบัติตัวอย่างไร?
          หากสังเกตเห็นจุดดำลอยไปมาในตาไม่ว่าจะมองไปทิศทางไหน หรือเห็นแสงคล้ายฟ้าแลบในตาโดยเฉพาะในที่มืดหรือหลับตาก็ยังเห็น และเพิ่งมีอาการดังกล่าวภายใน 1-3 วันที่ผ่านมา แสดงว่ามีอาการของวุ้นตาเสื่อมเฉียบพลัน โดยพบว่าคนไข้ที่มีอาการของวุ้นตาเสื่อมเฉียบพลัน พบรูฉีกขาดที่จอตาได้ 8-26% ดังนั้น คนที่มีอาการลักษณะดังกล่าวแนะนำให้ไปตรวจกับจักษุแพทย์เพื่อขยายม่านตาดูว่ามีรูฉีกขาดที่จอตาหรือไม่
          หากตรวจแล้วปกติดี
          - คนที่มีอาการวุ้นตาเสื่อมเฉียบพลันที่ตรวจแล้วไม่เจอรูฉีกขาดที่จอตา มีโอกาส 2-5% ที่จะตรวจพบรอยฉีกขาดตามมาภายหลัง
          - สำหรับผู้ที่มีอาการของวุ้นตาเสื่อมเฉียบพลัน และตรวจไม่เจอรูฉีกขาดที่จอตา จักษุแพทย์มักจะนัดตรวจอีกครั้งภายใน 1-8 สัปดาห์แรกหลังมีอาการ หลังจากนั้นทุก 6-12 เดือน ทั้งนี้ความถี่ของการนัดติดตามขึ้นกับผลการตรวจที่จักษุตรวจพบว่ามีความเสี่ยงในการเกิดรอยฉีกขาดในอนาคตได้มากน้อยแค่ไหน (vitreouspigment, vitreous or reitnal hemorrhage, visible vitreoretinal tractionj)
          หากตรวจแล้วมีรูฉีกขาดที่จอตา
          - การรักษาด้วยยิงเลเซอร์ (Laser photocoagulation) รอบรูฉีกขาดที่จอตา สามารถลดโอกาสการเกิดจอตาหลุดลอกในอนาคตให้เหลือน้อยกว่า 5% ได้
          - อีกวิธีหนึ่งคือรักษาการจี้ด้วยความเย็น (Cryotherapy) ใช้ในกรณีที่ไม่สามารถยิงเลเซอร์รอบรูฉีกขาดได้
ครบ
          - อย่างไรก็ตาม คนที่เคยได้รับการรักษารูฉีกขาดที่จอตา 5-14% มีโอกาสเกิดรอยฉีกขาดที่ตำแหน่งอื่นได้อีก เพราะฉะนั้นต้องตรวจติดตามและสังเกตอาการเป็นระยะต่อเนื่อง
          
          จุดดำที่ลอยไปมากับแสงฟ้าแลบมีทางรักษาหรือไม่?
          - ปัจจุบันยังไม่มีวิธีที่มีประสิทธิภาพพอในการป้องกันวุ้นตาเสื่อม ไม่มียาหยอดหรือยากินที่ช่วยทำให้ floatersหรือ light flashes หายไปได้
          - โดยส่วนใหญ่จุดดำที่ลอยไปมามักจะเล็กลงหรือจำนวนลดลงเมื่อเวลาผ่านไปอาจเป็นหลายเดือนเช่นเดียวกันกับแสงฟ้าแลบ และคนไข้ก็จะชินไปเอง
          - ยกเว้นในบางคนที่จุดดลอยบังตรงกลางทำให้การมองเห็นไม่ดี มีผลต่อการทำงานหรือการใช้ชีวิตประจำวันร่วมกับสังเกตอาการหลายเดือนแล้วไม่ดีขึ้น ก็อาจจะพิจารณาผ่าตัดเอาน้ำวุ้นตาออก
วุ้นตาเสื่อม (Vitreous degeneration)
          มีวิธีป้องกันวุ้นตาเสื่อมหรือไม่?
          - ไม่มีวิธีป้องกันการเกิดวุ้นตาเสื่อมที่พิสูจน์ได้ในปัจจุบัน วิธีที่ดีที่สุดคือตรวจเช็คจอตาสม่ำเสมอและสังเกตอาการของ floaters และ light flashes คือ หากมีจำนวนจุดดำลอยไปมามากขึ้น หรือเห็นแสงคล้ายฟ้าแลบบ่อยขึ้น ให้มาพบจักษุแพทย์เพื่อขยายม่านตาและตรวจจอตา เพื่อหากพบรูฉีกขาดที่จอตาจะได้ทำการรักษาต่อไป เป็นการลดการเกิดโรคจอตาหลุดลอกที่จะตามมาได้ในอนาคต
วุ้นตาเสื่อม (Vitreous degeneration)
          บทความโดย: แพทย์หญิง อุษณีย์ สีพงษ์พันธ์ จักษุด้านจอตาและวุ้นตา โรงพยาบาลเวิลด์เมดิคอล
          สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม ศูนย์จักษุวิทยาเฉพาะทาง โทร. 02-836-9999 ต่อ 3621-2

วุ้นตาเสื่อม (Vitreous degeneration)
 
วุ้นตาเสื่อม (Vitreous degeneration)
 
 
 
 
 
 

ข่าววุ้นตาเสื่อม+เปลี่ยนวันนี้

สธ. หนุน "นับคาร์บ" ดันข้าว กข. 43 คาร์บคุณภาพ GI ต่ำ ทางเลือกสุขภาพ ลดอ้วน ลดเสี่ยง NCDs

นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เดินหน้ารณรงค์ให้ประชาชน "นับคาร์บ" เพื่อการดูแลสุขภาพคนไทย ลดอ้วน ซึ่งเป็นปัจจัยเสี่ยงต่อการเกิดโรค NCDs ภายใต้นโยบาย "คนไทยห่างไกล NCDs" พร้อมสนับสนุนการเลือกกินคาร์บที่มีคุณภาพดี มีดัชนีน้ำตาลต่ำ (Low Glycemic Index) ซึ่งค่าดัชนีน้ำตาล (Glycemic Index: GI) หมายถึง ค่าที่บ่งบอกการเปลี่ยนแปลงระดับน้ำตาลในเลือด เมื่ออาหารผ่านการย่อยและดูดซึมเข้าสู่กระแสเลือดหลังกินอาหารกลุ่มคาร์โบไฮเดรต โดยอาหารที่มีค่า GI ต่ำ ร่างกายจะค่อย ๆ ย่อยและดูดซึม

สะดวก: จ่ายบิลในไม่กี่ขั้นตอน รู้ใจ: แนะน... ทรูชวน 'ฟอส-บุ๊ค' พาลูกค้าทรู ดีแทค เปิดโลกใหม่ใน แอปทรู ครบจบทุกเรื่องในแอปเดียว — สะดวก: จ่ายบิลในไม่กี่ขั้นตอน รู้ใจ: แนะนำแพ็กฯเสริมที่ตรงใจ โดนใจ: รั...

BIM FAIR:BIM CARE พร้อมแล้ว! มหัศจรรย์ธรรมชาติสู่ดวงตาและข้อเข่าด้วยภูมิสมดุล

บมจ. เอเชียน ไฟย์โตซูติคอลส์ (APCO) จัดกิจกรรมส่งท้ายปีเพื่อคนรักสุขภาพ BIM FAIR:BIM CARE มหัศจรรย์ธรรมชาติสู่ดวงตาและข้อเข่า พบกับวิธีดูแลสุขภาพดวงตาและข้อเข่าด้วยนวัตกรรม ภูมิสมดุลจากพืชไทย 5 ชนิด พร้อม...

งาน “เปิดวิสัยทัศน์เพื่อทัศนวิสัย….มิติใหม่ถนอมและแก้ไขปัญหาดวงตา”

ศูนย์รับปรึกษาปัญหาข้อ เข่า เบาหวานและดวงตา (APCO) เอาใจคนรักสุขภาพจัดงาน "เปิดวิสัยทัศน์เพื่อทัศนวิสัย….มิติใหม่ถนอมและแก้ไขปัญหาดวงตา" พบกับวิธีดูแลสุขภาพดวงตาด้วยภูมิสมดุลจากพืชไทย 5 ชนิด พร้อมแลก...

ด้วยไลฟ์สไตล์ที่เปลี่ยนแปลงไปของคนทำงานใน... “วุ้นตาเสื่อม”...ภัยเงียบใกล้ตัวมนุษย์เงินเดือน — ด้วยไลฟ์สไตล์ที่เปลี่ยนแปลงไปของคนทำงานในเมืองยุคปัจจุบัน ที่ต้องอยู่หน้าคอมพิวเตอร์กันมากขึ้น ประก...

เอเชียน ไฟย์โตซูติคอลส์ แถลงข่าวความสำเร็จผลงานวิจัยนวัตกรรมถนอมดวงตาจากพืชไทย 5 ชนิด พร้อมเปิดตัวนวัตกรรม “APCOcap O” & “APCOessence”

บริษัท เอเชียน ไฟย์โตซูติคอลส์ จำกัด (มหาชน) หรือ APCO ผู้ดำเนินธุรกิจด้านนวัตกรรมธรรมชาติจากสารสกัดจากธรรมชาติมากว่า 38 ปี ได้ประสบความสำเร็จ...