นายชยพล ธิติศักดิ์ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) ผู้อำนวยการกลาง กองอำนวยการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยกลาง (กอปภ.ก.) เปิดเผยว่า ตั้งแต่วันที่ 3 - 11 ม.ค.62 อิทธิพลจากพายุโซนร้อน "ปาบึก" ส่งผลกระทบในพื้นที่ 23 จังหวัด รวม 111 อำเภอ 563 ตำบล 3,769 หมู่บ้าน บ้านเรือนเสียหายรวม 53,413 หลัง แยกเป็น เสียหายทั้งหลัง 405 หลัง เสียหายบางส่วน 53,008 หลัง ประชาชนได้รับผลกระทบ 265,132 ครัวเรือน 883,572 คน ผู้เสียชีวิต 5 ราย ปัจจุบันสถานการณ์คลี่คลายแล้ว 21 จังหวัด ยังคงมีสถานการณ์ 2 จังหวัด ได้แก่ นครศรีธรรมราช และสุราษฎร์ธานี รวม 25 อำเภอ 168 ตำบล 1682 หมู่บ้าน แยกเป็น นครศรีธรรมราช มีพื้นที่ได้รับผลกระทบ 23 อำเภอ รวม 165 ตำบล 1,671 ประชาชนได้รับผลกระทบ 199,864 ครัวเรือน 679,257 คน ผู้เสียชีวิต 3 ราย ส่วนที่สุราษฎร์ธานี มีพื้นที่ได้รับผลกระทบ 16 อำเภอ รวม 80 ตำบล 555 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 15,490 ครัวเรือน 37,142 คน ปัจจุบันยังคงมีน้ำท่วมขังในพื้นที่ 2 อำเภอ ได้แก่ อ.พระแสง และ อ.เวียงสระ รวม 3 ตำบล 11 หมู่บ้าน 113 ครัวเรือน 452 คน ทั้งนี้ กอปภ.ก โดยกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยร่วมกับหน่วยทหารและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องระดมสรรพกำลังและทรัพยากรปฏิบัติการให้การช่วยเหลือผู้ประสบภัย พร้อมฟื้นฟูพื้นที่ประสบภัยให้กลับสู่ภาวะปกติโดยเร็ว อย่างไรก็ตาม ได้เน้นย้ำให้จังหวัดประสานการปฏิบัติกับหน่วยปฏิบัติในพื้นที่จังหวัด เพื่อประสานข้อมูลและมาตรการในการให้ความช่วยเหลือประชาชนที่ประสบภัยให้มีความครบถ้วน สำหรับการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัย ให้จังหวัดร่วมกับ ก.ช.ภ.จ. เร่งสำรวจความเสียหายเพื่อให้การความช่วยเหลือผู้ประสบภัยตามระเบียบและหลักเกณฑ์ฯ ที่กำหนด โดยให้ดำเนินการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยเร่งด่วนใน 3 ด้าน ได้แก่ ด้านการดำรงชีพ เน้นการดูแลครอบครัวผู้เสียชีวิต บ้าน ที่อยู่อาศัยที่ได้รับความเสียหาย ตลอดจนการดูแลสุขภาพจิตใจ ด้านการประกอบอาชีพของประชาชน ประกอบด้วย ด้านการเกษตร ด้านการประมง ด้านปศุสัตว์ ให้ดำเนินการให้แล้วเสร็จภายใน 60 วัน และด้านสิ่งสาธารณประโยชน์ อาทิ ถนน สะพาน ระบบสาธารณูปโภค ไฟฟ้า ประปา และสถานที่ราชการที่ได้รับความเสียหาย ให้จังหวัดประสานหน่วยงานที่รับผิดชอบปรับแผนเพื่อดำเนินการซ่อมแซมให้สามารถใช้การได้ตามปกติต่อไป ในส่วนของกรณีบ้านเรือนที่อยู่อาศัยของประชาชนได้รับความเสียหาย ให้จังหวัดร่วมกับหน่วยทหารในพื้นที่ อาสาสมัคร สถาบันอาชีวศึกษา กศน. ตลอดจนประชาชนจิตอาสา แบ่งมอบพื้นที่ปฏิบัติงานและร่วมกันซ่อม/สร้างที่อยู่อาศัยของผู้ประสบภัย ทั้งนี้ เพื่อให้ประชาชนสามารถกลับมาดำเนินชีวิตได้ตามปกติโดยเร็วที่สุด ท้ายนี้ ประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนจากสถานการณ์ภัยสามารถติดต่อได้ทางสายด่วนนิรภัย 1784 ตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อประสานให้การช่วยเหลือโดยด่วนต่อไป
NT หนุนพัฒนาระบบแจ้งเตือนภัยแห่งชาติ "T-Alert" ยกระดับความปลอดภัยประชาชนทั่วประเทศ
เฝ้าระวังน้ำหลาก ดินโคลนถล่ม น้ำท่วมขัง น้ำล้นตลิ่ง และระดับน้ำแม่น้ำเจ้าพระยา
SAM ห่วงใยลูกหนี้ ออกมาตรการเร่งด่วนครอบคลุมทุกกลุ่ม ทั้งผู้ประสบสาธารณภัยพายุ "วิภา" พักเงินต้นและดอกเบี้ยสูงสุด 3 เดือน ส่วนผู้เป็นหนี้เสียบัตรเครดิต สินเชื่อส่วนบุคคล จัดดอกเบี้ยต่ำ 3-5% ผ่อนยาว 10 ปี เพื่อส่งมอบโอกาสเพื่อคนไทยเริ่มต้นใหม่อย่างยั่งยืน
มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง จับมือ กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ลงนามบันทึกความเข้าใจ ยกระดับ MOU ร่วมให้ความรู้
NT พร้อมแจ้งเตือนภัยผ่าน Cell Broadcast หลังการทดสอบประสบผลสำเร็จ ได้รับข้อความแจ้งเตือนภัยรวดเร็ว แม่นยำ
ชาวเชียงใหม่ อยุธยา อุดรฯ นครศรีฯ และกรุงเทพฯ เตรียมตัวให้พร้อม!
NT ร่วม ปภ. ทดสอบระบบ Cell Broadcast ในพื้นที่ครั้งแรก แจ้งผลมีประสิทธิภาพ รวดเร็ว ครอบคลุม เสริมความพร้อมระบบเตือนภัยแห่งชาติ
NT ยืนยันความพร้อม ร่วมทดสอบระบบแจ้งเตือนภัย Cell Broadcast ในพื้นที่จริง
ชไนเดอร์ อิเล็คทริค แนะ 7 วิธี เช็กระบบไฟฟ้า เพิ่มความปลอดภัย รับมือหยุดยาวเทศกาลสงกรานต์