'ซีไอเอ็มบี-พรินซิเพิล’ แนะนำลงทุนภาวะตลาดผันผวน ชูกองทุน 'ซีไอเอ็มบี-พรินซิเพิล พร็อพเพอร์ตี้ อินคัม’ มอร์นิ่งสตาร์ 5 ดาว

ข่าวประชาสัมพันธ์ »

          ลงทุนกองทุนอสังหา รีท ไทย-สิงคโปร์ เน้นสร้างรายได้จากค่าเช่า
'ซีไอเอ็มบี-พรินซิเพิล’ แนะนำลงทุนภาวะตลาดผันผวน ชูกองทุน 'ซีไอเอ็มบี-พรินซิเพิล พร็อพเพอร์ตี้ อินคัม’ มอร์นิ่งสตาร์ 5 ดาว
          ปลื้มผลตอบแทนนับแต่ต้นปี-ก.พ.ได้ 5.72%
          จ่ายเงินปันผลต่อเนื่อง 27 ครั้ง
 
           บลจ.ซีไอเอ็มบี-พรินซิเพิล ประเมินแนวโน้มเศรษฐกิจโลกปีนี้เติบโตชะลอตัว แนะเป็นจังหวะกระจายการลงทุนอสังหาริมทรัพย์ให้เช่าผ่านกองทุนรวม ชูกองทุนเปิดซีไอเอ็มบี-พรินซิเพิล พร็อพเพอร์ตี้ อินคัม' เป็นทางเลือก กองทุนสร้างผลตอบแทนที่ดีอย่างต่อเนื่อง นับแต่ต้นปีกองทุนชนิดจ่ายเงินปันผล สร้างผลตอบแทนได้ถึง 5.72% สูงกว่าดัชนีชี้วัดที่ 5.59% (ข้อมูล ณ
30 ธันวาคม 2561) และสามารถจ่ายเงินปันผลอย่างต่อเนื่องรวม 27 ครั้งทุกไตรมาส (ข้อมูล ณ 30 ธันวาคม 2561) รวมเงิน
ปันผลจ่าย 5.185 บาทต่อหน่วย วางกลยุทธ์เน้นลงทุนกองทุนอสังหาริมทรัพย์ กองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐาน และทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ ("REIT") ในไทยและสิงคโปร์ ที่จะได้รับประโยชน์จากค่าเช่าที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นและอุปทานใหม่ที่ลดลง โดยเน้นวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานเป็นหลัก พร้อมคาดหวังโอกาสรับผลตอบแทนเฉลี่ย 5-7% ต่อปี 
          นายวิน พรหมแพทย์,CFA ประธานเจ้าหน้าที่การลงทุน บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน ซีไอเอ็มบี-พรินซิเพิล จำกัด เปิดเผยว่า จากการประเมินสถานการณ์เศรษฐกิจโลกในปี 2562 โดยทีมจัดการลงทุน บลจ.ซีไอเอ็มบี-พรินซิเพิล วิเคราะห์ว่ามีแนวโน้มเติบโตชะลอตัว จากปัจจัยสงครามการค้าระหว่างสหรัฐอเมริกาและจีน ซึ่งจะกดดันเศรษฐกิจสหรัฐฯ ยูโรโซน ญี่ปุ่น จีนและภูมิภาคอาเซียน เติบโตลดลง ขณะเดียวกันต้องจับตาการดำเนินนโยบายทางการเงินของโลก เช่น ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ที่มีแนวโน้มปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 1 - 2 ครั้งในปีนี้ ธนาคารกลางยุโรป (ECB) ที่อาจเริ่มปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในช่วงครึ่งปีหลังของปีนี้ หลังจากสิ้นสุดมาตรการ QE เมื่อปีที่ผ่านมา ซึ่งอาจส่งผลให้สภาพคล่องในระบบตึงตัวและอาจเป็นปัจจัยลบต่อการลงทุน นอกจากนี้ประเด็น Brexit จะส่งผลให้ตลาดเงินในช่วงต้นปีนี้มีความผันผวนมากยิ่งขึ้น 
          ขณะที่เศรษฐกิจไทยในปีนี้ มีแนวโน้มเติบโต 3.5 - 4% โดยมีปัจจัยสนับสนุน อาทิ การใช้จ่ายภาคครัวเรือนที่คาดว่าจะขยายตัวได้ดี ภาครัฐจะเร่งลงทุนมากขึ้น การลงทุนภาคเอกชนมีโอกาสปรับตัวดีขึ้น ขณะที่แนวโน้มตลาดอสังหาริมทรัพย์ในประเทศไทยนั้น ประเมินว่า Property Fund และ REIT ยังมีโอกาสให้ผลตอบแทนอย่างสม่ำเสมอจากรายได้ค่าเช่า และเป็นทางเลือกการลงทุนที่น่าสนใจในภาวะที่ดอกเบี้ยยังอยู่ในระดับต่ำ จากเงินทุนที่ไหลเข้าสู่ Property Fund และ REIT อย่างต่อเนื่อง โดยมีอัตราผลตอบแทนจากเงินปันผล เฉลี่ย ณ สิ้นปี 2561 อยู่ที่ 6% (ข้อมูลจาก Bloomberg และ บลจ.ซีไอเอ็มบี-พรินซิเพิล ณ วันที่ 30 ธันวาคม 2561) 
          สำหรับภาพรวมอสังหาริมทรัพย์ให้เช่าในไทย ณ ไตรมาส 3/2561 (ข้อมูลจากผลวิจัย CBRE) พบว่า ตลาดอาคารสำนักงานให้เช่าในกรุงเทพฯ มีอัตราเช่าพื้นที่เฉลี่ยที่ดีอยู่ที่ 92.9% และค่าเช่าออฟฟิศทุกระดับเติบโตอย่างต่อเนื่อง เช่น ค่าเช่าออฟฟิศให้เช่าเกรดเอและเกรดบีในย่านศูนย์กลางธุรกิจ (CBD) มีอัตราเติบโตจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 2.7% และ 6% ตามลำดับ ส่วนในปี 2561 – 2565 ประเมินจะมีพื้นที่เช่าอาคารสำนักงานเพิ่มขึ้นอีก 5.9 – 8.65 แสนตารางเมตร และหลังจากปี 2565 อุปทานใหม่ส่วนใหญ่จะเป็นอาคารสำนักงานให้เช่าแบบมิกซ์ยูสที่ผสมผสานการใช้งาน ส่วนภาพรวมตลาดค้าปลีก เริ่มฟื้นตัวจากความมั่นใจของผู้บริโภค แต่ยังคงถูกกดดันจากการแข่งขันที่รุนแรง โดยไตรมาส 3/2561 มีอัตราเช่าพื้นที่เฉลี่ยเพิ่มขึ้นเป็น 95% จากไตรมาสก่อนหน้าอยู่ที่ 93.7% หลังมีอุปทานใหม่เพิ่มขึ้นเพียง 1.03 หมื่นตารางเมตร 
          ด้านภาพรวมอสังหาริมทรัพย์ให้เช่าในเอเชีย-แปซิฟิก เริ่มจากประเทศสิงคโปร์ประเมินว่าการลงทุนใน REIT ยังเป็นทางเลือกที่น่าสนใจในภาวะดอกเบี้ยต่ำ จากปัจจัยด้านอุปทานใหม่ที่ลดลงทุกกลุ่ม โดยภาพรวมออฟฟิศให้เช่าจะมีอุปทานใหม่เข้าสู่ตลาดลดลงนับจากปี 2561 – 2565 ส่งผลดีต่อค่าเช่าที่มีโอกาสฟื้นตัว อย่างไรก็ตามยังต้องเน้นการลงทุนใน REIT เป็นรายหลักทรัพย์ที่มีแนวโน้มเติบโตได้ดีและมีผลการดำเนินงานที่แข็งแกร่ง เช่นเดียวกับภาพรวมธุรกิจ Business Park (เขตธุรกิจ) ที่จะมีอุปทานใหม่ลดลงเป็นปัจจัยบวกต่อการปรับขึ้นค่าเช่า 
          ขณะที่ภาพรวมตลาดค้าปลีกเริ่มเห็นค่าเช่าเพิ่มขึ้นในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2561 โดยในย่านออร์ชาร์ด ค่าเช่าเฉลี่ยอยู่ที่ 31.7 เหรียญสิงคโปร์ต่อตารางฟุตต่อเดือน และพื้นที่รอบนอกเฉลี่ยอยู่ที่ 29.15 เหรียญสิงคโปร์ต่อตารางฟุตต่อเดือน เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 1.3% และ 1.2% ตามลำดับ ส่วนภาพรวมธุรกิจโรงแรมและกลุ่มโรงงานและคลังสินค้าให้เช่า คาดว่าอุปทานใหม่ที่ลดลงหลังปี 2561 อาจเป็นปัจจัยบวกต่อธุรกิจและการปรับขึ้นค่าเช่า 
          ส่วนประเทศญี่ปุ่น คาดว่าอัตราดอกเบี้ยที่มีแนวโน้มอยู่ในระดับต่ำและการคงมาตรการ QE จะส่งผลดีต่อ REIT ในประเทศญี่ปุ่น และประเทศออสเตรเลียถือว่ามี REIT ที่ลงทุนในสินทรัพย์คุณภาพดีและมีระยะเวลาสัญญาเช่าระยะยาว และอัตราดอกเบี้ยที่อยู่ในระดับต่ำจะเป็นปัจจัยบวกต่อการลงทุน 
          ประธานเจ้าหน้าที่การลงทุน บลจ.ซีไอเอ็มบี พรินซิเพิล กล่าวว่า ในปี 2562 ทีมบริหารจัดการยังคงแนะนำให้แบ่งพอร์ต
การลงทุนในกองทุนเปิดซีไอเอ็มบี-พรินซิเพิล พร็อพเพอร์ตี้ อินคัม หรือ CIMB-Principal Property Income Fund (CIMB-PRINCIPAL iPROP) ซึ่งภายใต้สถานการณ์ปัจจุบัน จะเน้นการลงทุนในประเทศไทย ได้แก่ การลงทุน Property Fund และ REIT กลุ่มออฟฟิศและ
          ค้าปลีก ที่มีอุปทานใหม่ค่อนข้างจำกัดและค่าเช่าปรับขึ้นอย่างต่อเนื่อง ส่วนในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก เน้นการลงทุน REIT ในประเทศสิงคโปร์ที่มีการจ่ายปันผลดี และมีมุมมองเชิงบวกกับกลุ่ม Business Park และดาต้า เซ็นเตอร์ ที่มีซัพพลายใหม่จำกัด อย่างไรก็ตาม
          ในภาวะที่ตลาดผันผวนจากเฟดปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย จะใช้กลยุทธ์เลือกลงทุนเป็นรายตัวที่มีพื้นฐานดีและขายทำกำไรเมื่อมูลค่าหน่วยทรัสต์สูงเกินปัจจัยพื้นฐาน โดยคาดหวังโอกาสรับผลตอบแทนการลงทุน 5 – 7% ต่อปี 
          ทั้งนี้ ณ สิ้นปี 2561 หลักทรัพย์ที่เข้าลงทุน 4 อันดับแรก ได้แก่ 1.Capitaland Mall Trust ซึ่งเป็น REIT ขนาดใหญ่ที่สุดในสิงคโปร์ อัตราผลตอบแทน 5.03% 2.กองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานโทรคมนาคม ดิจิทัล (DIF) อัตราผลตอบแทน 5.00% 3.Frasers Centrepoint Trust (สิงคโปร์) อัตราผลตอบแทน 4.66% 4.กองทุนรวมสิทธิการเช่าอสังหาริมทรัพย์ ซี.พี.ทาวเวอร์ โกรท อัตราผลตอบแทน 4.63% 
          ทั้งนี้ กองทุน CIMB-PRINCIPAL iPROP-R ได้รับการจัดอันดับมอร์นิ่งสตาร์ 5 ดาวสำหรับประเภทชนิดขายคืนหน่วยลงทุนอัตโนมัติ โดยกองทุนฯ ให้อัตราผลตอบแทนเฉลี่ยย้อนหลัง 3 เดือน 6 เดือน 1 ปี 3 ปี 5 ปี และนับตั้งแต่จัดตั้งกองทุน อยู่ที่ 4.70%, 4.16% 9.63% 9.74% 10.51% และ 10.18% ตามลำดับ ส่วนดัชนีชี้วัด 3 เดือน 6 เดือน 1 ปี 3 ปี 5 ปี และนับตั้งแต่จัดตั้งกองทุน อยู่ที่ 4.51% 44.36% 10.88% 10.63% 10.15% และ 12.66% (ข้อมูล ณ 28 กุมภาพันธ์ 2562) โดยนับจากปี 2557 – 2561 กองทุน 
          CIMB-PRINCIPAL iPROP–D (จ่ายเงินปันผล) และ CIMB-PRINCIPAL iPROP – R (ขายคืนหน่วยลงทุนอัตโนมัติ) ให้อัตราผลตอบแทนจากเงินปันผลเฉลี่ย 6.5% ต่อปี และ 5.91% ตามลำดับ 
          นอกจากนี้ กองทุน CIMB-PRINCIPAL iPROP-D ชนิดจ่ายเงินปันผลยังสามารถจ่ายเงินปันผลให้แก่ผู้ถือหน่วยลงทุนทุก
ไตรมาส นับตั้งแต่ไตรมาส 2/2552–ไตรมาส 4/2561 รวม 27 ครั้ง รวมเป็นเงินปันผลทั้งสิ้น 5.185 บาทต่อหน่วยประธานเจ้าหน้าที่การลงทุน บลจ.ซีไอเอ็มบี พรินซิเพิล กล่าวเพิ่มเติมว่า มุมมองในอนาคตสำหรับการลงทุนในกองทุน Property Fund และ REIT ยังคาดหวังว่าจะให้โอกาสรับผลตอบแทนในรูปของ Income ในอัตราประมาณ 5-7% ต่อปี โดยกองทุนเปิดซีไอเอ็มบี-พรินซิเพิล พร็อพเพอร์ตี้ อินคัม เหมาะสมสำหรับนักลงทุนที่ต้องการรับผลตอบแทนอย่างเหมาะสมในภาวะตลาดหุ้นผันผวน แนะนำให้ถือลงทุนระยะยาวไม่ต่ำกว่า 3-5 ปี เชื่อว่ากองทุนนี้จะมีโอกาสสร้างผลตอบแทนที่ดีให้กับนักลงทุน 
          สำหรับนักลงทุนที่สนใจสามารถขอหนังสือชี้ชวนและรายละเอียดกองทุนได้ที่ธนาคารซีไอเอ็มบี ไทย ทุกสาขาทั่วประเทศ หรือผู้สนับสนุนการขายฯ และบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนซีไอเอ็มบี-พรินซิเพิล 0 2686 9595 www.cimb-principal.co.th (Benchmark : SETPFUND TRI Index 50.00% + FSTREI TRI Index (THB) 50.00%
 
ตารางผลการดำเนินงานย้อนหลัง
 
ผลตอบแทนย้อนหลัง (%)                3 เดือน   6 เดือน       1 ปี      3 ปี       5 ปี           ตั้งแต่จัดตั้งกองทุน
CIMB-PRINCIPAL iPROP – A            4.71       4.18      9.58     9.59    10.45                   10.67
CIMB-PRINCIPAL iPROP – D            4.72       4.21      9.71     9.73    10.51                   10.32
CIMB-PRINCIPAL iPROP – R              4.7       4.16      9.63     9.74    10.51                   10.18
เกณฑ์มาตรฐาน                              4.51       4.36    10.88    10.63   10.15                       
 
           % ต่อปี (Annualized Return) หากกองทุนจัดตั้งมาแล้ว 1 ปีขึ้นไป
          ข้อมูล ณ วันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2562
          เกณฑ์มาตรฐาน : SETPFUND TRI Index 50.00% + FSTREI TRI Index (THB) 50.00%
          * CIMB-PRINCIPAL iPROP-R ได้รับการจัดอันดับ 5 ดาว จากมอร์นิ่งสตาร์ ข้อมูล ณ 28 กุมภาพันธ์ 2562 ที่มา www.morningstarthailand.com
 

ข่าวอสังหาริมทรัพย์+มอร์นิ่งสตาร์วันนี้

SC Asset x Jo Malone London เปิดประสบการณ์ความหรูหราผ่านกลิ่นหอมและการออกแบบบนคฤหาสน์หรู Grand Bangkok Boulevard 15 ทำเลศักยภาพ เอกสิทธิ์เพียง 10 ครอบครัว พร้อมเซ็ทของขวัญมูลค่ารวมกว่า 300,000 บาท*

บริษัท เอสซี แอสเสท คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ผู้นำอสังหาริมทรัพย์คุณภาพสูงและมีนวัตกรรม จับมือ 'Jo Malone London' (โจ มาโลน ลอนดอน) แบรนด์น้ำหอมสุดหรูจากอังกฤษ เปิดตัวแคมเปญสุดพิเศษ "The Art of Scented Living with Jo Malone London" ยกระดับการอยู่อาศัยเหนือระดับ ผ่านการผสานเสน่ห์ของคฤหาสน์หรูภายใต้แบรนด์ โครงการ แกรนด์ บางกอก บูเลอวาร์ด (Grand Bangkok Boulevard ที่ออกแบบจากแรงบันดาลใจทางสถาปัตยกรรมอันทรงคุณค่า 6 สไตล์ บน 15 ทำเลศักยภาพทั่วกรุงเทพฯ เข้ากับศิลปะแห่งกลิ่นอันเป็นเอกลักษณ์ ในราคา