“จ๊อบไทย” เปิดข้อมูลพฤติกรรมคนทำงาน Gen Z พบ 3 ปัจจัยที่ให้ความสำคัญในการทำงาน คือ “เงินเดือนดี” “งานต้องตรงใจ” “ต้องการเติบโต”

ข่าวประชาสัมพันธ์ »

          จ๊อบไทย (JobThai) ผู้ให้บริการหางาน สมัครงาน ออนไลน์ เผยข้อมูลรายงานผลการสำรวจพฤติกรรมและความคิดของเหล่ามนุษย์เงินเดือนเกี่ยวกับสถานการณ์การทำงานในปัจจุบัน จากกลุ่มตัวอย่างคนทำงานประจำทั่วประเทศกว่า 1,800 คน พบว่ามีกลุ่มคนที่อยากเปลี่ยนงาน คิดเป็น 59.26%โดยในกลุ่มนี้พบว่า Gen Z เป็นกลุ่มคนที่มีแผนจะเปลี่ยนงานภายในระยะเวลาอันใกล้มากที่สุดคือ 1-3 เดือน คิดเป็น 31.82% ในขณะที่คนทำงาน Gen X และ Gen Y มีทิศทางเหมือนกันคือมีแผนจะเปลี่ยนงานแต่ยังไม่มีกำหนดชัดเจน นอกจากนี้ผลสำรวจยังเผยให้เห็น 5 ปัจจัยที่ทำให้คนทำงาน Gen Z อยากเปลี่ยนงานในระยะเวลาอันใกล้นี้ ได้แก่ 1.ไม่พึงพอใจเรื่องเงินเดือน คิดเป็น 66.67% ตามมาด้วย 2.ไม่พึงพอใจเรื่องสวัสดิการ คิดเป็น 56.06% 3.ไม่มีความก้าวหน้าในสายงาน คิดเป็น 53.03% 4.ไม่พึงพอใจเรื่องโบนัส คิดเป็น 39.39% และ 5.ไม่พึงพอใจเรื่องวัฒนธรรมและสภาพแวดล้อมขององค์กร คิดเป็น 24.24% ตามลำดับ ในขณะที่ 3 ปัจจัยแรกที่ Gen Z คาดหวังหลังจากเปลี่ยนงาน คือ ต้องการเงินเดือนที่สูงขึ้น ลักษณะของงานต้องตรงกับทักษะและความสนใจ และมีตำแหน่งงานที่ก้าวหน้าขึ้นกว่าเดิม ตามลำดับ
          นางสาวแสงเดือน ตั้งธรรมสถิตย์ ผู้ร่วมก่อตั้งและหัวหน้าผู้บริหารด้านปฏิบัติการของจ๊อบไทย (JobThai) เปิดเผยว่า จ๊อบไทย (JobThai) ในฐานะผู้ให้บริการหางาน สมัครงาน ออนไลน์ ได้เผยผลสำรวจพฤติกรรมและความคิดของเหล่ามนุษย์เงินเดือนเกี่ยวกับสถานการณ์การทำงานในปัจจุบันจากกลุ่มตัวอย่างคนทำงานประจำทั่วประเทศกว่า 1,800 คน โดยจากการสำรวจพบว่ามีกลุ่มคนที่อยากเปลี่ยนงาน (Active Job Seekers) คิดเป็นจำนวน 59.26% และคนที่ยังไม่มีแผนจะเปลี่ยนงาน (Passive Job Seekers) คิดเป็น 40.74%
          นางสาวแสงเดือน กล่าวต่อว่า ข้อมูลทั้งหมดของกลุ่มคนที่อยากเปลี่ยนงาน พบว่ากลุ่มคนทำงาน Gen Z มีความแตกต่างจากกลุ่มอื่น ๆ มากที่สุด เนื่องจากมีแผนจะเปลี่ยนงานในช่วงเวลาอันใกล้นี้ โดยมีแผนจะเปลี่ยนงานภายใน 1-3 เดือน คิดเป็น 31.82% ตามมาด้วย มีแผนจะเปลี่ยนงานแต่ยังไม่มีกำหนดชัดเจน คิดเป็น 30.30% และ มีแผนจะเปลี่ยนงานภายใน 4-6 เดือน คิดเป็น 13.64% ในขณะที่กลุ่มคนทำงาน Gen X และ Gen Y มีทิศทางเหมือนกันคือ 1.มีแผนจะเปลี่ยนงานแต่ยังไม่มีกำหนดชัดเจน ตามมาด้วย 2.มีแผนจะเปลี่ยนภายในระยะเวลา 1-3 เดือน และ 3.มีแผนจะเปลี่ยนภายใน 1 ปี ตามลำดับ
          นอกจากนี้ผลสำรวจยังเผยให้เห็นถึงข้อมูลที่น่าสนใจของกลุ่ม Gen Z ซึ่งเป็นกลุ่มคนทำงานที่อยากเปลี่ยนงานในระยะเวลาอันใกล้สุดนี้ อาทิ
          5 ปัจจัยแรกที่ทำให้คนทำงาน Gen Z อยากเปลี่ยนงาน ได้แก่
          - ไม่พึงพอใจเรื่องเงินเดือน คิดเป็น 66.67%
          - ไม่พึงพอใจเรื่องสวัสดิการ คิดเป็น 56.06%
          - ไม่มีความก้าวหน้าในสายงาน คิดเป็น 53.03%
          - ไม่พึงพอใจเรื่องโบนัส คิดเป็น 39.39%
          - ไม่พึงพอใจเรื่องวัฒนธรรมและสภาพแวดล้อมขององค์กร คิดเป็น 24.24%
          
          5 ปัจจัยแรกที่คนทำงาน Gen Z คาดหวังหลังจากเปลี่ยนงาน ได้แก่
          - ต้องการเงินเดือนสูงขึ้น คิดเป็น 75.76%
          - ลักษณะงานตรงกับทักษะและความสนใจ คิดเป็น 65.15%
          - ตำแหน่งงานก้าวหน้าขึ้น คิดเป็น 62.12%
          - สวัสดิการที่ดี คิดเป็น 59.09%
          - องค์กรมีความมั่นคง และ มีโอกาสในการเรียนรู้งานมากขึ้น คิดเป็น 46.97%
          อย่างไรก็ตามข้อมูลจากการสำรวจข้างต้นจะช่วยให้ผู้ประกอบการสามารถมองเห็นภาพรวมเกี่ยวกับแนวโน้มพฤติกรรม รวมไปถึงความคิดของคนทำงานในปัจจุบัน โดยเฉพาะคนทำงานในกลุ่ม Gen Z ที่เริ่มเข้ามามีบทบาทในโลกการทำงานมากขึ้น ซึ่งสามารถนำข้อมูลที่ได้รับไปประยุกต์ใช้เป็นแนวทางในการบริหารและดูแลพนักงาน เพื่อเสริมสร้างศักยภาพขององค์กรให้สามารถแข่งขันในตลาดแรงงานได้อย่างยั่งยืนต่อไป นางสาวแสงเดือน กล่าวทิ้งท้าย
          สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ จ๊อบไทย (JobThai) โทรศัพท์ 02-353-6900 หรือเข้าไปที่ www.jobthai.com
“จ๊อบไทย” เปิดข้อมูลพฤติกรรมคนทำงาน Gen Z พบ 3 ปัจจัยที่ให้ความสำคัญในการทำงาน คือ  “เงินเดือนดี” “งานต้องตรงใจ” “ต้องการเติบโต”
 
“จ๊อบไทย” เปิดข้อมูลพฤติกรรมคนทำงาน Gen Z พบ 3 ปัจจัยที่ให้ความสำคัญในการทำงาน คือ  “เงินเดือนดี” “งานต้องตรงใจ” “ต้องการเติบโต”
“จ๊อบไทย” เปิดข้อมูลพฤติกรรมคนทำงาน Gen Z พบ 3 ปัจจัยที่ให้ความสำคัญในการทำงาน คือ  “เงินเดือนดี” “งานต้องตรงใจ” “ต้องการเติบโต”
 
 
 
 

ข่าวมนุษย์เงินเดือน+ทั่วประเทศวันนี้

"แรบบิท ประกันชีวิต" เดินหน้าเทคแคร์กลุ่ม "มนุษย์เงินเดือน" เสริมช่องว่างสวัสดิการออฟฟิศ ด้วย 'Health Smile' ประกันสุขภาพแบบเหมาจ่าย คุ้มครองค่ารักษาพยาบาลสูงสุด 20 ล้านบาท ครอบคลุมการรักษาโรคทางกายภาพ

บริษัท แรบบิท ประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) หรือ Rabbit Life บริษัทในเครือ บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) เดินหน้าส่งมอบความห่วงใยรุกปิด Pain Point ด้านสุขภาพและภาระค่าใช้จ่ายช่วงฤดูฝนของพนักงานออฟฟิศ ชูแผนประกันสุขภาพเหมาจ่าย "Health Smile" ที่ออกแบบมาเพื่อเสริมช่องว่างของสวัสดิการเดิมที่อาจจะไม่ครอบคลุม และช่วยลดภาระค่ารักษาพยาบาลที่อาจเกินความคุ้มครอง ผ่านแนวคิด "จัดการค่ารักษาพยาบาลให้ชีวิตดี" ด้วยจุดเด่นของความคุ้มครองค่ารักษาพยาบาลแบบเหมาจ่าย แต่จ่ายเบี้ยประกันรายเดือนในราคาเบา ๆ

ถึงเทศกาลยื่นภาษีทีไร ใครหลายคนอาจต้องถอน... 5 เคล็ดไม่ลับ…ช่วยจัดการเรื่องภาษีให้เป็นเรื่อง 'ง่าย' — ถึงเทศกาลยื่นภาษีทีไร ใครหลายคนอาจต้องถอนหายใจ เพราะต้องจัดการเรื่องการเงินครั้งสำคัญในรอบปีกันอี...

ช่วงเวลายื่นภาษีประจำปีใกล้เข้ามาอีกครั้ง... เปิด 4 เช็กลิสต์ฉบับมนุษย์เงินเดือน เตรียมพร้อมลดหย่อนภาษี วางแผนอย่างไรให้สมาร์ท — ช่วงเวลายื่นภาษีประจำปีใกล้เข้ามาอีกครั้ง เหล่ามนุษย์เงินเดือนเตรียมตั...

Leaping from corporate to be a startup ดร... จากมนุษย์เงินเดือนสู่โลกแห่งสตาร์ทอัพที่น่าจับตามอง — Leaping from corporate to be a startup ดร.มนธ์สินี กีรติไกรนนท์ (เหมียว) ผู้มีประสบการณ์ในวงการองค์...