บ๊อชเติบโตมั่นคงด้วยเทคโนโลยีโซลูชั่นอาคารและพลังงานที่รองรับการเชื่อมต่อ พร้อมผสานปัญญาประดิษฐ์ (AI) เป็นอาวุธลับ ขับเคลื่อนการเติบโต

ข่าวประชาสัมพันธ์ »

          - ดร. สเตฟาน ฮาร์ตทุง คณะกรรมการบริหารของบ๊อช เผยว่า "ในขณะที่ทุกคนต่างพูดถึง AI บ๊อชจะเป็นผู้นำมาใช้ให้เห็นผลจริง"
          - กลุ่มธุรกิจเทคโนโลยีอาคารและพลังงานของบ๊อช คาดการณ์รายได้ทะลุ 5,500 ล้านยูโร 
          - บ๊อชเร่งขยายธุรกิจมุ่งสู่แพลตฟอร์มซอฟต์แวร์

          บ๊อช ขยายการเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะด้านโซลูชั่นส์อาคารและพลังงานที่รองรับการเชื่อมต่อ โดยในปีที่ผ่านมา กลุ่มธุรกิจเทคโนโลยีอาคารและพลังงานสามารถจำหน่ายอุปกรณ์ที่รองรับการเชื่อมต่อได้ราว 13 ล้านชิ้น ตั้งแต่ระบบทำความร้อน ระบบทำความเย็น และระบบระบายอากาศที่เชื่อมต่อกันในสำนักงาน ไปจนถึงแอปพลิเคชันสำหรับบ้านอัจฉริยะ โดย ดร. สเตฟาน ฮาร์ตทุง คณะกรรมการบริหาร สายงานเทคโนโลยีอาคารและพลังงาน กล่าวในงานแถลงข่าวที่จัดขึ้นเมื่อเร็ว ๆ นี้ว่า "เทคโนโลยี IoT เป็นปัจจัยขับเคลื่อนหลักสำหรับธุรกิจของเรา ทั้งในวันนี้และอนาคต"
          ทั้งนี้ บ๊อชคาดว่าสายงานธุรกิจนี้จะทำยอดขายได้ถึง 5,500 ล้านยูโรในปี 2561 คิดเป็นการเติบโตร้อยละ 2 หรือเท่ากับร้อยละ 6 หลังปรับผลกระทบจากอัตราแลกเปลี่ยน ดร. สเตฟานยังเสริมด้วยว่าปัญญาประดิษฐ์หรือ AI จะเป็นกุญแจสำคัญในการพัฒนาเทคโนโลยี IoT ด้านต่าง ๆ รวมทั้งขับเคลื่อนการเติบโตของบ๊อชในอนาคต "AI จะทำให้ผลิตภัณฑ์ที่รองรับระบบเชื่อมต่อต่าง ๆ กลายเป็นผู้ช่วยแสนอัจฉริยะของเรา"
          ระบบที่ทั้งฉลาดและเชื่อมต่อถึงกัน: มอบความปลอดภัยมากขึ้น สมรรถนะสูงขึ้น และสะดวกสบายยิ่งขึ้น
          สำหรับเทคโนโลยีอาคารและพลังงานนั้น ความสามารถในการเชื่อมต่อ และเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ มีความสำคัญในการเสริมสร้างศักยภาพด้านความมั่นคงปลอดภัย ประสิทธิภาพ และความสะดวกสบาย ตัวอย่างที่เห็นได้ชัดคือ กลุ่มธุรกิจเทคโนโลยีอาคารของบ๊อช ที่ได้พัฒนากล้องพร้อมระบบอัจฉริยะเพื่อการวิเคราะห์ภาพ ที่สามารถระบุตำแหน่งการเกิดเพลิงไหม้ จึงสามารถตรวจจับเปลวไฟหรือกลุ่มควันได้ในไม่กี่วินาที รวดเร็วฉับไวกว่าเครื่องตรวจจับควันทั่วไป เพราะไม่ต้องรอให้กลุ่มควันก่อตัวหนาแน่นจนถึงเพดาน จนกว่าระบบเตือนภัยจะส่งสัญญาณ เวลาที่เร็วขึ้นหลายวินาทีนี้จะช่วยยับยั้งความเสียหายและอาจรักษาชีวิตผู้คนไว้ได้มากขึ้น 
          "ทุกคนต่างพูดถึงปัญญาประดิษฐ์ (AI) แต่บ๊อชจะเป็นผู้นำมาใช้ให้เห็นผลจริง โดยภายใน 10 ปีนับจากนี้ ผลิตภัณฑ์อิเล็กทรอนิกส์ของบ๊อชทั้งหมดจะใช้เทคโนโลยี AI เป็นตัวขับเคลื่อน หรือไม่ก็จะผลิตและพัฒนาขึ้นจากการที่ใช้ AI เข้ามาช่วย" ดร. ฮาร์ตทุง กล่าว
          บริษัทฯ มีแผนลงทุนด้านเทคโนโลยี AI โดยจะใช้งบประมาณราว 300 ล้านยูโรในการขยายศูนย์วิจัยและพัฒนาด้าน AI ของบ๊อช (Bosch Center for Artificial intelligence: BCAI) ภายในพ.ศ.2564 ซึ่งปัจจุบันศูนย์ BCAI มีผู้เชี่ยวชาญราว 170 คนทั่วโลก และคาดว่าจะเพิ่มเป็น 400 คนในอนาคต ศูนย์ฯ นี้มีโครงการพัฒนาราว 80 โครงการ ตั้งแต่โครงการระบบขับขี่อัตโนมัติ ไปจนถึงแอปพลิเคชันทางการแพทย์และการผลิต หลายโครงการเป็นความร่วมมือกับสถาบันทางวิชาการ เช่น มหาวิทยาลัยทูบิงเง็น มหาวิทยาลัยชตุ๊ทการ์ต และมหาวิทยาลัยอัมสเตอร์ดัม
          มุ่งสู่ความเป็นเลิศด้านการสร้างโอเพ่นแพลตฟอร์ม พันธมิตร และการทำงานร่วมกันบนระบบข้อมูลที่แตกต่างกัน
บ๊อชให้ความสำคัญกับการสร้างแพลตฟอร์มและพันธมิตรทางธุรกิจ ของกลุ่มธุรกิจเทคโนโลยีอาคารและพลังงาน โดยดร. ฮาร์ตทุง อธิบายว่า "ระบบการเชื่อมต่อในปัจจุบัน มีอุปกรณ์และบริการจากผู้ผลิตหลากหลายราย บริษัทจึงต้องทำให้อุปกรณ์และบริการเหล่านี้สามารถสื่อสารและทำงานร่วมกันได้ เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดแก่ผู้ใช้"
          ด้วยเหตุนี้เอง บริษัทฯ จึงก่อตั้ง Security and Safety Things GmbH (SAST) เป็นบริษัทย่อยในเครือของบ๊อชเมื่อไม่กี่สัปดาห์ก่อน SAST เป็นกิจการสตาร์ทอัพเจ้าของโครงการโอเพ่นแพลตฟอร์ม IoT สำหรับแอปฯ กล้องรักษาความปลอดภัย ซึ่ง SAST ต้องการพัฒนาระบบปฏิบัติการรุ่นใหม่ที่ไม่เคยมีใครทำมาก่อน ที่สามารถตั้งโปรแกรมและควบคุมแอปฯ ต่างๆ ของกล้องรักษาความปลอดภัยสารพัดรุ่นได้ในคราวเดียว ซึ่งจะทำให้การอัพเดตซอฟต์แวร์ของกล้องที่มาจากผู้ผลิตรายต่างๆ กัน สามารถทำได้จบในเวอร์ชั่นเดียว "SAST หวังสร้างตลาดสำหรับแอปพลิเคชันที่รองรับความหลากหลายของกล้องรักษาความปลอดภัยในตลาดโลก ด้วยการใช้ระบบปฏิบัติการแบบเปิดและเป็นมาตรฐานเดียวกัน" ดร. ฮาร์ตทุง กล่าว
          การเปลี่ยนแปลงในทีมบริหาร
          เป็นเวลาร่วม 5 ปีที่มร. ฮาร์ตทุงกุมบังเหียนกลุ่มธุรกิจเทคโนโลยีอาคารและพลังงานของบริษัทฯ และเขากำลังจะส่งมอบภารกิจนี้ต่อไปยัง ดร. คริสเตียน ฟิชเชอร์ ในวันที่ 1 มกราคม 2562 โดยก่อนหน้าที่ ดร. ฟิชเชอร์จะมาดำรงตำแหน่งเป็นกรรมการบริหารของบ๊อชเมื่อวันที่ 1 ตุลาคม 2561 เขายังเคยเป็นหุ้นส่วนอาวุโสของกิจการที่ปรึกษา โรแลนด์ เบอร์เกอร์ มาก่อน ทั้งนี้ ดร. ฟิชเชอร์ สำเร็จการศึกษาระดับดุษฎีบัณฑิตในสาขาเศรษฐศาสตร์ เขากล่าวว่า "บ๊อชเริ่มต้นโอกาสใหม่ๆ ในด้าน IoT ตั้งแต่เมื่อ 10 ปีที่แล้ว ซึ่งถือได้ว่าเป็นก้าวสำคัญแห่งการบุกเบิกในอุตสาหกรรม จึงถือว่าบ๊อชมีความพร้อมอย่างยิ่งที่จะก้าวต่อไปอย่างมั่นคงในช่วงเปลี่ยนผ่านสู่ยุคดิจิทัล ซึ่งผมมีความยินดีอย่างยิ่งที่ได้เป็นส่วนหนึ่งของเส้นทางนี้"
บ๊อชเติบโตมั่นคงด้วยเทคโนโลยีโซลูชั่นอาคารและพลังงานที่รองรับการเชื่อมต่อ พร้อมผสานปัญญาประดิษฐ์ (AI) เป็นอาวุธลับ ขับเคลื่อนการเติบโต
 
บ๊อชเติบโตมั่นคงด้วยเทคโนโลยีโซลูชั่นอาคารและพลังงานที่รองรับการเชื่อมต่อ พร้อมผสานปัญญาประดิษฐ์ (AI) เป็นอาวุธลับ ขับเคลื่อนการเติบโต
          เกี่ยวกับบ๊อชในประเทศไทย
          บ๊อชได้เริ่มเข้ามามีบทบาทในประเทศไทยตั้งแต่ปี พ.ศ. 2466 ปัจจุบัน บ๊อชสร้างความหลากหลายในธุรกิจถึงสี่ด้าน ได้แก่ โซลูชั่นส์แห่งการขับเคลื่อน เทคโนโลยีอุตสาหกรรม สินค้าอุปโภคบริโภค และเทคโนโลยีพลังงานและอาคาร บริษัทมีโรงงานผลิตในธุรกิจโซลูชั่นส์แห่งการขับเคลื่อนถึงสามแห่ง พร้อมทั้งศูนย์วิจัยและพัฒนา อีกทั้งสำนักงานขายและศูนย์บริการสำหรับอุปกรณ์ไฮดรอลิกและเครื่องจักรในจังหวัดระยอง และสายการผลิตโซลูชั่นส์และการบริการส่วนเครื่องจักรเพื่อบรรจุภัณฑ์ในจังหวัดชลบุรี ในปีที่ผ่านมา บ๊อชในประเทศไทยมียอดขายถึง 12.8 พันล้านบาท (335 ล้านยูโร) และมีพนักงานมากกว่า 1,400 คน           
          ข้อมูลเพิ่มเติม http://www.bosch.co.th และ https://www.facebook.com/BoschThailand.

          เกี่ยวกับกลุ่มบ๊อช
          กลุ่มบริษัทบ๊อช ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายเทคโนโลยีและบริการชั้นนำของโลก มีพนักงานทั่วโลกกว่า 402,000 คน (ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2560) ในปี 2559 บริษัทมียอดขายรวมทั้งสิ้นกว่า 78.1 พันล้านยูโร โดยแบ่งการดำเนินงานออกเป็น 4 กลุ่มธุรกิจสำคัญได้แก่ กลุ่มโซลูชั่นส์แห่งการขับเคลื่อน กลุ่มเทคโนโลยีอุตสาหกรรม กลุ่มสินค้าอุปโภคบริโภค และกลุ่มเทคโนโลยีพลังงานและอาคาร ในฐานะผู้นำทางด้าน IoT (Internet of Things) บ๊อชนำเสนอนวัตกรรมแห่งโซลูชั่นส์เพื่อบ้านอัจฉริยะ เมืองอัจฉริยะ ยานยนต์ และ อุตสาหกรรมที่สามารถเชื่อมต่อถึงกัน ด้วยความเชี่ยวชาญในเทคโนโลยีเซนเซอร์ ซอฟท์แวร์ และการให้บริการ รวมถึงไอโอทีคลาวด์ของบ๊อชเอง เราจึงสามารถให้บริการโซลูชั่นส์ที่เชื่อมต่อแบบข้ามโดเมนได้เบ็ดเสร็จจากแหล่งเดียว เป้าหมายกลยุทธ์ของเรา คือการส่งมอบนวัตกรรมและสร้างแรงบันดาลใจเพื่อชีวิตที่เชื่อมต่อถึงกัน ผลิตภัณฑ์และบริการทั้งหมดได้รับการออกแบบมาเพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิต โดยการเสนอคำตอบที่ล้ำสมัยและเป็นประโยชน์ที่นับได้ว่าเป็น "เทคโนโลยีเพื่อชีวิต" กลุ่มบ๊อช ประกอบด้วยบริษัท โรเบิร์ต บ๊อช จีเอ็มบีเอช และบริษัทในเครืออีกกว่า 440 บริษัท รวมถึงสำนักงานระดับภูมิภาคในประเทศต่าง ๆ อีกกว่า 60 ประเทศ หากรวมบริษัทคู่ค้าผู้จัดจำหน่ายและให้บริการต่าง ๆ ทั้งส่วนการผลิต งานวิศวกรรม และเครือข่ายด้านการขาย บ๊อชครอบคลุมอยู่เกือบทุกประเทศทั่วโลก เพราะพื้นฐานสำคัญสำหรับการขยายตัวในอนาคตของบริษัทขึ้นอยู่กับความแข็งแกร่งด้านนวัตกรรม บริษัทจึงมีพนักงานในส่วนการวิจัยและพัฒนากว่า 64,500 คน ในศูนย์วิจัยกว่า 125 แห่งทั่วโลกในปัจจุบัน 
          ข้อมูลเพิ่มเติม: www.bosch.com, www.iot.bosch.com www.bosch-press.com, twitter.com/BoschPresse
 
 

ข่าวสเตฟาน ฮาร์ตทุง+ระบบทำความเย็นวันนี้

บี.กริม เพาเวอร์ ผนึกกำลัง SCGC ศึกษาโมเดลธุรกิจใหม่ ปฏิวัติวงการคลังสินค้าห้องเย็นด้วย CHILLOX โซลูชันประหยัดพลังงาน

บริษัทบี.กริม เพาเวอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ BGRIM และบริษัทเท็กซ์พลอร์ จำกัด ในกลุ่มธุรกิจเอสซีจี เคมิคอลส์ หรือ SCGC ร่วมลงนามบันทึกความเข้าใจ (MOU) เพื่อศึกษาความเป็นไปได้ในการสร้างโมเดลธุรกิจใหม่ มุ่งต่อยอดและขยายตลาด CHILLOX (ชิลล็อกซ์) โซลูชันประหยัดพลังงานสำหรับคลังสินค้าห้องเย็น ซึ่งจะช่วยลดการใช้พลังงานไฟฟ้า และเพิ่มประสิทธิภาพของระบบทำความเย็น รวมถึงการนำโซลูชัน CHILLOX ไปใช้ในอุตสาหกรรมอื่น ๆ ที่ต้องการการรักษาอุณหภูมิให้คงที่และมุ่งเน้นเรื่องการใช้พลังงานอย่างคุ้มค่า การลงนามร่วมกัน

บีไอจี ผู้นำด้านนวัตกรรมก๊าซอุตสาหกรรมและ... บีไอจี - โคปแลนด์ นำอาร์กอนคาร์บอนต่ำสู่การผลิตคอมเพรสเซอร์ครั้งแรกในไทย — บีไอจี ผู้นำด้านนวัตกรรมก๊าซอุตสาหกรรมและเทคโนโลยีลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก (Cli...

นายโคซุเกะ ยามาโมโต้ (ที่ 2 จากซ้าย) กรรม... MAYEKAWA จับมือ CPF เซ็น MOU พัฒนาระบบทำความเย็น ลดการใช้พลังงาน บรรลุเป้าหมายการเป็น Net-Zero — นายโคซุเกะ ยามาโมโต้ (ที่ 2 จากซ้าย) กรรมการผู้จัดการ บริ...

แคเรียร์ (ประเทศไทย) เปิดตัวนวัตกรรมเครื่... แคเรียร์ (ประเทศไทย) เปิดตัว VRF XCT8 นวัตกรรมแอร์ใหม่ล่าสุด — แคเรียร์ (ประเทศไทย) เปิดตัวนวัตกรรมเครื่องปรับอากาศระบบใหม่ล่าสุด XCT8 จากระบบ Variable Re...

ตู้เย็นทีซีแอล อาร์พี 320 ซีรีส์ใหม่ พร้อ... ทีซีแอลเปิดตัวตู้เย็นซีรีส์อาร์พี 320 พร้อมเทคโนโลยีเฟรช คอนเวอร์เตอร์ ในสหราชอาณาจักร — ตู้เย็นทีซีแอล อาร์พี 320 ซีรีส์ใหม่ พร้อมเทคโนโลยีเฟรช คอนเวอร์เ...

HARN เซ็น MOU ความร่วมมือทางวิชาการกับ SANYO และ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนือ เพื่อพัฒนาต้นแบบระบบทำความเย็นเชิงพาณิชย์ในประเทศไทย

คุณวิรัฐ สุขชัย ประธานกรรมการบริหาร และประธานเจ้าหน้าที่การตลาดธุรกิจระบบทำความเย็น และคุณกิตติพงษ์ กิตติเมธาวีนันท์ ผู้อำนวยการสายงานขายธุรกิจระบบทำความ...