สคร.12 ชี้มาตรการป้องกัน ลดอุบัติเหตุปีใหม่

ข่าวประชาสัมพันธ์ »

          องค์การอนามัยโลกประมาณการผู้เสียชีวิตจากอุบัติเหตุทางถนนของประเทศไทยมีแนวโน้มดีขึ้น อัตราการเสียชีวิตอยู่ที่ 32.8 ต่อประชากรแสนคน จำนวน 22,491 คน เฉลี่ยวันละ 60 คน อยู่อันดับที่ 9 ของประเทศสมาชิกทั้งหมด ซึ่งดีขึ้นจากเดิมที่เคยอยู่อันดับ 2 แต่ยังน่าห่วงในวัยอายุ 15-29 ปี โดยเฉพาะอุบัติเหตุจากการใช้รถจักรยานยนต์
          ดร.นายแพทย์ สุวิช ธรรมปาโล ผู้อำนวยการสำนักงานป้องกันควบคุมโรคที่ 12 จังหวัดสงขลา เปิดเผยถึง ภาพรวมสถานการณ์การเกิดอุบัติเหตุในพื้นที่เขต 12 พบจังหวัดที่เสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุสูงสุด คือ พัทลุง ตรัง และสงขลา โดยการบาดเจ็บทางถนนและการเสียชีวิตช่วงเทศกาลปีใหม่ 2561 พบว่าการบาดเจ็บทางถนน เพิ่มขึ้นจากปี 2560 ผู้บาดเจ็บส่วนใหญ่เป็นเพศชาย อายุ 15-19 ปี จากการใช้รถจักรยานยนต์ ส่วนการเสียชีวิตทางถนน ลดลงจากปี 2560 ทั้งยังพบว่า วันที่เกิดเหตุในช่วงเทศกาลปีใหม่ 2561 มีผู้บาดเจ็บมากที่สุดในวันที่ 1 มกราคม 2561 รองลงมาวันที่ 31 ธันวาคม 2560 และมีผู้เสียชีวิตมากที่สุด วันที่ 31 ธันวาคม 2560 รองลงมาวันที่ 2 มกราคม 2561 ช่วงเวลาเกิดเหตุที่มีผู้บาดเจ็บมากที่สุดระหว่างเวลา 16.00 น. – 19.00 น. ถนนที่เกิดเหตุที่ทำให้มีผู้บาดเจ็บ ส่วนใหญ่เป็นถนนทางหลวง รองลงมาเป็นถนนทางหลวงชนบท
"ผู้บาดเจ็บจากเทศกาลปีใหม่ 2561 มีพฤติกรรมเสี่ยงที่พบ คือ ส่วนใหญ่ผู้บาดเจ็บดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เป็นผู้ขับขี่พาหนะ เกิดจากการใช้รถจักรยานยนต์เป็นหลัก รองลงมาเป็นรถยนต์ รวมไปถึงพฤติกรรมการไม่สวมหมวกนิรภัยของผู้บาดเจ็บ"
          ข้อมูลศูนย์อำนวยการความปลอดภัยทางถนน กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ได้จำแนกอำเภอเสี่ยงในช่วงเทศกาลปีใหม่ 2562 จากค่าเฉลี่ยจำนวนครั้งการเกิดอุบัติเหตุทางถนน ช่วงเทศกาลปีใหม่ 2559-2561 โดยในเขตสุขภาพที่ 12 มีอำเภอระดับความเสี่ยงสีแดงและสีส้ม อำเภอเสี่ยงสีแดง (จำนวนเฉลี่ยการเกิดอุบัติเหตุต่อวัน 2 ครั้งขึ้นไป) ได้แก่ อำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา และอำเภอเมืองตรัง จังหวัดตรัง ส่วนอำเภอเสี่ยงสีส้ม (จำนวนเฉลี่ยการเกิดอุบัติเหตุต่อวันน้อยกว่า 2 ครั้ง) ได้แก่ อำเภอเมือง และควนขนุน จังหวัดพัทลุง อำเภอห้วยยอด ย่านตาขาว และปะเหลียน จังหวัดตรัง อำเภอเมืองปัตตานี จังหวัดปัตตานี อำเภอรัตภูมิ จังหวัดสงขลา 
          กรมควบคุมโรค ร่วมกับกรมการขนส่งทางบก สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ผลักดันให้มีการตรวจระดับแอลกอฮอล์ในเลือดของผู้ขับขี่ที่เกิดอุบัติเหตุ โดยในรายที่เป่าลมหายใจผ่านเครื่องตรวจได้ให้ตำรวจดำเนินการ ส่วนรายที่ไม่สามารถเป่าได้ให้ตำรวจส่งตัวไปเจาะเลือดที่โรงพยาบาล ในด้านการป้องกัน จะเน้นการขับเคลื่อนในระดับพื้นที่อำเภอและท้องถิ่น ตำบล ชุมชน โดยใช้กลไกการทำงานของคณะกรรมการพัฒนาคุณภาพชีวิตระดับอำเภอ (พชอ.) และกลไกศูนย์ปฏิบัติการความปลอดภัยทางถนนอำเภอและท้องถิ่น (ศปถ.อำเภอ/ท้องถิ่น/ตำบล) เพื่อบูรณาการการทำงานในระดับพื้นที่
ทั้งนี้ กฎกระทรวงฉบับที่ 21 พ.ศ. 2560 ออกตามความใน พ.ร.บ. จราจรทางบก พ.ศ. 2522 กำหนดไว้ว่า หากพบว่าผลการตรวจวัดแอลกอฮอล์จากลมหายใจหรือปริมาณแอลกอฮอล์ในเลือดของผู้ขับขี่มีค่าเกิน 50 มิลลิกรัมเปอร์เซ็นต์ หรือกรณีผู้ขับขี่ที่มีอายุไม่ถึง 20 ปี ผู้ขับขี่ที่ไม่มีใบอนุญาตขับรถ หรือผู้ขับขี่ซึ่งได้รับอนุญาตขับรถแบบชั่วคราว มีปริมาณแอลกอฮอล์ในเลือดเกินกว่า 20 มิลลิกรัมเปอร์เซ็นต์ให้ถือว่าเมาสุราเช่นกัน
          นอกจากนี้ เพื่อลดความสูญเสียจากอุบัติเหตุ สำนักงานตำรวจแห่งชาติได้ออกมาตรการป้องกันเหตุช่วงปีใหม่ ผ่านการบังคับใช้กฎหมายอย่างเข้มงวดจริงจังและต่อเนื่อง 10 ข้อหาหลักได้แก่ ข้อหาขับขี่โดยใช้ความเร็วเกินกว่ากฎหมายกำหนด ข้อหาขับขี่รถย้อนศร ข้อหาฝ่าฝืนสัญญาณไฟจราจร ข้อหาไม่คาดเข็มขัดนิรภัย ข้อหาไม่มีใบขับขี่ ข้อหาแซงในที่คับขัน ข้อหาขับรถเมาสุรา ข้อหาไม่สวมหมวกนิรภัย ข้อหาขับขี่รถโดยไม่คำนึงถึงความปลอดภัย และข้อหาใช้โทรศัพท์ขณะขับรถ หากขับรถขณะเมาสุราระวางโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี หรือปรับตั้งแต่ 5,000-20,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และพักใบอนุญาตขับขี่ไม่น้อยกว่า 6 เดือน หรือเพิกถอนใบอนุญาตขับขี่ แต่หากเป็นเหตุให้ผู้อื่นได้รับอันตรายแก่กายหรือจิตใจ จะมีระวางโทษจำคุกตั้งแต่ 1-5 ปี ปรับตั้งแต่ 20,000-100,000 บาท และพักใช้ใบอนุญาตขับขี่ไม่น้อยกว่า 1 ปี หรือเพิกถอนใบอนุญาตขับขี่ ถ้าเป็นเหตุให้ผู้อื่นได้รับอันตรายสาหัสระวางโทษจำคุกตั้งแต่ 2-6 ปี ปรับตั้งแต่ 40,000-120,000 บาท และพักใช้ใบอนุญาตขับขี่ไม่น้อยกว่า 2 ปี หรือเพิกถอนใบอนุญาตขับขี่ แต่ถ้าเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ 3-10 ปี ปรับตั้งแต่ 60,000-200,000 บาท และเพิกถอนใบอนุญาตขับขี่
          อย่างไรก็ตาม ขอความร่วมมือประชาชนก่อนเดินทางปีใหม่นี้ ดื่มไม่ขับ ง่วงไม่ขับ โทรไม่ขับ สวมหมวกนิรภัย และคาดเข็มขัดนิรภัยทุกครั้ง กรณีที่ดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ไม่ควรขับขี่ยานพาหนะ ควรนอนพักให้หายเมา รวมทั้งหลีกเลี่ยงการเดินทางในช่วงระยะเวลาที่เกิดอุบัติเหตุสูงสุด ที่สำคัญขอให้ประชาชนทุกท่านเดินทางโดยสวัสดิภาพและปลอดภัยในเทศกาลส่งท้ายปีเก่า และต้อนรับปีใหม่ 2562 นี้โดยทั่วกัน หากพบเห็นอุบัติเหตุให้รีบโทรแจ้งขอความช่วยเหลือจากทีมแพทย์กู้ชีพ โทร.1669 สอบถามเพิ่มเติมได้ที่เบอร์โทร 1422 สายด่วนกรมควบคุมโรค
สคร.12 ชี้มาตรการป้องกัน ลดอุบัติเหตุปีใหม่
 
 
 

ข่าวสำนักงานป้องกันควบคุมโรคที่+สำนักงานป้องกันควบคุมโรควันนี้

ลุยน้ำ ย่ำโคลน เสี่ยง เลปโตสไปโรสิส (โรคไข้ฉี่หนู) สคร. 12 สงขลา เตือน มีไข้ ปวดน่อง อย่าซื้อยาทานเอง ให้รีบพบแพทย์

สำนักงานป้องกันควบคุมโรคที่ 12 จังหวัดสงขลา (สคร.12 สงขลา) เตือนประชาชน ระวัง โรคเลปโตสไปโรสิส (โรคไข้ฉี่หนู) โดยเฉพาะพื้นที่น้ำท่วมขัง หลังน้ำลด ไม่ควรเดินลุยน้ำ ย่ำดินโคลน พื้นที่ชื้นแฉะด้วยเท้าเปล่า หรือแช่น้ำเป็นเวลานาน แนะสวมรองเท้าบูททุกครั้ง หากมีไข้เฉียบพลันหลังลุยน้ำ 1-2 สัปดาห์ มีอาการปวดศีรษะ ปวดน่องและกล้ามเนื้อโคนขา อย่าซื้อยากินเอง ให้รีบไปพบแพทย์ทันที โรคเลปโตสไปโรสิส (Leptospirosis) หรือโรคไข้ฉี่หนู เกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรีย "เลปโตสไปร่า" (Leptospira) เข้าสู่ร่างกายทางบาดแผล

สำนักงานป้องกันควบคุมโรคที่ 12 จังหวัดสงข... สคร.12 สงขลา เตือน ระวังป่วยโรค มือ เท้า ปาก พบบ่อยในเด็กเล็ก — สำนักงานป้องกันควบคุมโรคที่ 12 จังหวัดสงขลา (สคร.12 สงขลา) เตือนระวังเด็กเล็กป่วยโรคมือ เท...

สำนักงานป้องกันควบคุมโรคที่ 12 จังหวัดสงข... สคร.12 สงขลา เตือน ระวังป่วยโรคเมลิออยโดสิส เสี่ยงอันตรายถึงชีวิต — สำนักงานป้องกันควบคุมโรคที่ 12 จังหวัดสงขลา (สคร.12 สงขลา) เตือนประชาชนในพื้นที่ภาคใต้...