อนันดาฯ ย้ำพัฒนาโครงการคอนโดมิเนียมใกล้รถไฟฟ้าต่อเนื่อง พร้อมโครงการเซอร์วิส อพาร์ทเม้นท์ หนุนสร้างรายได้ประจำอย่างต่อเนื่อง รับรู้รายได้ประจำในปี 2565 กว่า 1,800 ล้านบาท

19 Jun 2019
บริษัท อนันดา ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) หรือ ANAN ผู้นำแห่งวงการพัฒนาที่อยู่อาศัยสำหรับคนเมือง ครองตำแหน่งผู้นำตลาดคอนโดมิเนียมติดรถไฟฟ้า มั่นใจผลงานโดดเด่นเป็นไปตามเป้าที่วางไว้แน่นอน หลังผลประกอบการไตรมาส 1/2562 มีกำไรสุทธิเป็นจำนวน 232 ล้านบาท เติบโต 61% จากไตรมาสเดียวกันของปีก่อนหน้า เป็นผลมาจากกำไรที่แข็งแกร่งจากโครงการร่วมทุน ส่วนยอดโอนกรรมสิทธิ์มีจำนวน 5,631 ล้านบาท สูงกว่าเป้าหมาย 39% และเพิ่มมากขึ้น 47% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า และยอดขายมีจำนวน 4,815 ล้านบาท สูงกว่าเป้าหมาย 19% เชื่อผลงานครึ่งปีหลังเติบโตกว่าครึ่งปีแรก จากการเปิดตัวโครงการที่มากขึ้น พร้อมพัฒนาโครงการเซอร์วิส อพาร์ทเม้นท์ หนุนสร้างรายได้ประจำอย่างต่อเนื่อง
อนันดาฯ ย้ำพัฒนาโครงการคอนโดมิเนียมใกล้รถไฟฟ้าต่อเนื่อง พร้อมโครงการเซอร์วิส อพาร์ทเม้นท์ หนุนสร้างรายได้ประจำอย่างต่อเนื่อง รับรู้รายได้ประจำในปี 2565 กว่า 1,800 ล้านบาท

ดร. ชัยยุทธ ชุณหะชา ประธานเจ้าหน้าที่สายงานการเงิน บริษัท อนันดา ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า "ในช่วงครึ่งปีหลังคาดว่ายอดโอน ยอดขายยังมีเข้ามาอย่างต่อเนื่อง และเติบโตกว่าช่วงครึ่งปีแรก มาจากทั้งโครงการเปิดใหม่และโครงการเดิม ซึ่งบริษัทมียอดขายรอโอน (Backlog) ในมือมูลค่ารวม 37,000 ล้านบาท จะทยอยรับรู้ในช่วงที่เหลือของปี 62 จนถึงปี 64"

ในส่วนของการสร้างรายได้ประจำ (Recurring Income) นั้น ปัจจุบันบริษัทฯ มีโครงการเซอร์วิส อพาร์ทเม้นท์ อยู่ในแผนพัฒนาทั้งหมด 5 โครงการ โดย 4 โครงการอยู่ในระหว่างดำเนินการก่อสร้าง คือ SOMERSET RAMA 9, LYF SUKHUMVIT 8, ASCOTT EMBASSY SATHORN, ASCOTT THONGLOR BANGKOK และอีก 1โครงการ คือ SOMERSET PATTAYA จะเริ่มดำเนินการก่อสร้างในช่วงครึ่งปีหลังของปี 2562 โดยโครงการ SOMERSET RAMA 9 และ LYF SUKHUMVIT 8 นั้นคาดว่าจะก่อสร้างแล้วเสร็จ เปิดดำเนินการ และรับรู้รายได้ในช่วงครึ่งปีแรกของปี 2563 โดยคาดว่าจะสร้างรายได้ประจำในปี 2565 กว่า 1,800 ล้านบาท

"อย่างไรก็ตาม ความท้าทายของตลาดอสังหายังคงมีอยู่ ทั้งจากปัจจัยภายในประเทศและภายนอกประเทศ โดยบริษัทฯรับทราบและคอยติดตามสถานการณ์อย่างต่อเนื่อง และเตรียมพร้อมปรับแผนธุรกิจหากมีความจำเป็นเพื่อรักษาเสถียรภาพในระยะยาวของบริษัท ทั้งนี้แผนธุรกิจทั้งหมดของบริษัทนั้น ยังคงสนับสนุนการเติบโตอย่างต่อเนื่อง และเน้นย้ำการเป็นผู้นำในตลาดคอนโดมิเนียมติดรถไฟฟ้าในประเทศไทย พร้อมทั้งยังคงรักษาวินัยทางการเงินไว้อย่างเข้มงวด โดยจะรักษาอัตราส่วนหนี้สินที่มีภาระดอกเบี้ยสุทธิต่อทุนไว้ที่ 1 เท่า เป็นเป้าหมายระยะยาว และเราต้องมั่นใจว่าการเติบโตของบริษัทจะไม่เพิ่มความเสี่ยงซึ่งมีผลกระทบต่อความมั่นคงของบริษัทในระยะยาว" ดร. ชัยยุทธ กล่าวเพิ่มเติม

สำหรับไตรมาส 2 บริษัทได้เปิดตัว โครงการ ไอดีโอ คิว พหลฯ-สะพานควาย เป็นโครงการไฮไลท์ที่ร่วมทุนกับมิตซุย ฟูโดซัง ซึ่งมีมูลค่าโครงการสูงที่สุดที่บริษัทเคยพัฒนา โดยสามารถสร้างยอดขายได้ถึง 39% ของจำนวนยูนิตที่เปิดขาย ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่าคอนโดติดรถไฟฟ้านั้น ตลาดยังคงมีความต้องการอย่างต่อเนื่อง ผู้บริโภคก็ยังพร้อมที่จะซื้อสินค้าหากสินค้านั้นสามารถตอบโจทย์การอยู่อาศัยและราคาสามารถจับจองเป็นเจ้าของได้ และเปิดตัวโครงการยูนิโอ ทาวน์ ประชาอุทิศ 76 ซึ่งเป็นโครงการแนวราบอีกด้วย