นอกจากจะมีการจัดแสดงสินค้า เทคโนโลยีและบริการ ทางด้านอาหารแล้ว งานนี้ยังเปิดโอกาสให้ผู้ชมงานได้มาอัพเดตสถานการณ์และเทรนด์ของธุรกิจอาหารที่มีความทันสมัย และมีนวัตกรรมที่น่าสนใจ ผ่านกิจกรรมพิเศษ นิทรรศการ การประกวด และการสัมมนา อาทิ การแข่งขันทำอาหาร การสัมมนาเกี่ยวกับนวัตกรรมและเทคโนโลยีในอุตสาหกรรมอาหารและเครื่องดื่ม กิจกรรมส่งเสริมภาพลักษณ์อาหารไทยในการเป็นครัวของโลก กิจกรรมส่งเสริมผลิตภัณฑ์อาหารไทยสำเร็จรูปและร้านอาหารไทยในต่างประเทศที่ได้รับตราสัญลักษณ์ Thai Select การสาธิตปรุงอาหารโดยเชฟคนไทยที่มีชื่อเสียงระดับโลก กิจกรรมส่งเสริมนวัตกรรมและการออกแบบในกลุ่มอุตสาหกรรมอาหาร การนำเสนอผลิตภัณฑ์อาหารสำหรับผู้สูงอายุ การแสดงผลิตภัณฑ์ที่ได้รับรางวัลนวัตกรรมดีเด่น นิทรรศการเทรนด์อาหารของโลก
"กิจกรรมปีนี้ยังมีความพิเศษกว่าทุกปีเนื่องจากมีกิจกรรมใหม่ที่จัดขึ้นเป็นครั้งแรก อาทิ การจัดแสดงของผู้ประกอบการที่มีศักยภาพรายใหม่ที่ได้รับการคัดสรรจากพาณิชย์จังหวัดกว่า 104 บริษัท กิจกรรมสำหรับสินค้าอาหารอนาคตและสตาร์ทอัป และสัมผัสประสบการณ์และเทรนด์อาหารอาเซียน งานนี้จึงเป็นงานที่ผู้ผลิต ผู้นำเข้า ผู้ส่งออก และผู้สนใจในธุรกิจอาหาร ตลอดจนร้านค้าปลีก-ค้าส่ง ห้างสรรพสินค้า ซูเปอร์มาร์เก็ต ร้านอาหาร และโรงแรม ไม่ควรพลาด ที่จะเข้ามาชม" นางสาวบรรจงจิตต์ กล่าว
นายกลินท์ สารสิน ประธานกรรมการหอการค้าไทย กล่าวว่า เทรนด์ของอุตสาหกรรมอาหารมีการเปลี่ยนแปลงไปอย่างชัดเจน สืบเนื่องจากผู้บริโภคหันมาให้ความสำคัญกับการเลือกอาหารที่มีผลกระทบกับสิ่งแวดล้อมน้อยที่สุด และเลือกอาหารที่ดีต่อสุขภาพ ส่งผลให้ผู้ประกอบการมีความตื่นตัวในการผลิตสินค้าที่คำนึงถึงความต้องการในด้านดังกล่าวเพิ่มขึ้น นอกจากนี้ เทรนด์เรื่องเทคโนโลยีและดิจิทัลยังเป็นเรื่องที่ผู้บริโภคสนใจ ซึ่งขณะนี้ ผู้ประกอบการได้เร่งพัฒนาเทคโนโลยีเพื่อตอบโจทย์ผู้บริโภค จากการศึกษาการเปลี่ยนแปลงของธุรกิจ SME ในอาเซียน พบว่าประเทศไทยให้ความสำคัญกับการลงทุนด้านเทคโนโลยีมากที่สุดในอาเซียน โดยเฉพาะการลงทุนทางด้านซอฟต์แวร์ต่าง ๆ เช่น แอปพลิเคชั่นบนมือถือที่พร้อมให้บริการและอำนวยความสะดวกแก่ผู้บริโภค ดังนั้นงาน THAIFEX - World of Food Asia ปีนี้จึงได้รวบรวมเทรนด์สินค้าอาหารที่อยู่ในกระแสความสนใจมานำเสนอ รวมทั้งมีการสัมมนาให้ความรู้ด้านนวัตกรรมอาหารและเทคโนโลยีที่จะทำให้ผลิตภัณฑ์อาหารและบริการมีมูลค่าสูงขึ้น
"งานนี้มีเป้าหมายที่จะเป็นสื่อกลางและสร้างโอกาสทางธุรกิจให้กับผู้ประกอบการไทยให้ก้าวไปสู่ระดับสากล โดยเปิดโอกาสให้ผู้ประกอบการนำสินค้าใหม่มานำเสนอแก่ผู้ซื้อที่มีศักยภาพจากทั่วโลก อีกทั้งยังเป็นโอกาสที่จะได้รวบรวมข้อเสนอแนะจากผู้ซื้อ เพื่อนำไปพัฒนาสินค้าให้ตรงกับความต้องการมากขึ้น กล่าวได้ว่างานนี้มีบทบาทสำคัญในการขับเคลื่อนแผนยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปีของประเทศไทย เป็นการตอกย้ำการเป็นงานแสดงสินค้าอาหารและเครื่องดื่มอันดับหนึ่งในเอเชียสำหรับผู้ซื้อทั้งในภูมิภาคนี้และทั่วโลก" นายกลินท์ กล่าวทางด้าน นายแมธเธียส คูเปอร์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท โคโลญเมสเซ่ จำกัด ได้เปิดเผยถึงกิจกรรมการเจรจาธุรกิจภายในงานว่า งาน THAIFEX-World of Food Asia ให้ความสำคัญกับการเจรจาทางธุรกิจเป็นอันดับหนึ่ง โดยปีนี้ได้เพิ่มช่องทางออนไลน์เพื่อให้เกิดการจับคู่ทางธุรกิจได้สะดวกยิ่งขึ้น และเกิดประสิทธิภาพสูงสุด รวมถึงให้ความสำคัญกับการบริการ โดยอำนวยความสะดวกในการลงทะเบียนและการเดินทางให้กับผู้ร่วมเจรจาธุรกิจรวมทั้งผู้เข้าร่วมงานทุกคน อาทิ การตั้งตู้รับบัตรเข้างานอัตโนมัติกว่า 20 เครื่อง เพื่ออำนวยความสะดวกแก่ผู้ลงทะเบียนล่วงหน้าให้สามารถใช้บริการ Self-Check-in ได้โดยไม่เสียเวลา และการจัดทำบัตรสมาชิก THAIFEXclusive สำหรับผู้ที่เข้าชมงานติดต่อกัน 2 ปี ให้สามารถเข้ารับบริการและใช้สิ่งอำนวยความสะดวกต่าง ๆ ภายในงาน และไม่ต้องลงทะเบียนเข้าชมงานในครั้งต่อไป นอกจากนี้ ยังมีการอำนวยความสะดวกในด้านการเดินทางทุกรูปแบบ รวมถึงการเดินทางโดยเรือ (Shuttle Boat) ซึ่งปีนี้จัดขึ้นเป็นครั้งแรก เพื่อให้ผู้เข้าชมงานจากต่างประเทศได้ผ่อนคลายและชื่นชมธรรมชาติและสถานที่สำคัญริมแม่น้ำเจ้าพระยา อีกทั้งยังเป็นการลดปัญหาการจราจรและส่งเสริมการท่องเที่ยวของประเทศไทยด้วย
สำหรับงาน THAIFEX - World of Food Asia 2019 จัดขึ้นบนพื้นที่กว่า 131,000 ตารางเมตร ที่ IMPACT Challenger Hall 1-3 และ IMPACT EXHIBITION Hall 5-12 อิมแพ็ค เมืองทองธานี ระหว่างวันที่ 28 พฤษภาคม - 1 มิถุนายน 2562 โดยวันที่ 28–31 พฤษภาคม เวลา 10.00 – 18.00 น. เป็นวันเจรจาธุรกิจ ส่วนวันที่ 1 มิถุนายน เวลา 10.00 – 20.00 น. เป็นวันเจรจาธุรกิจและจำหน่ายปลีก
ติดต่อเราได้ที่ facebook.com/newswit