"การขยายตัวของเศรษฐกิจไทยในเดือนพฤษภาคม 2562 ได้รับปัจจัยสนับสนุน จากการบริโภคภาคเอกชน สะท้อนจากยอดการจัดเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มซึ่งขยายตัวสูงถึงร้อยละ 5.0 ต่อปี ในขณะที่การลงทุนภาคเอกชนและการส่งออกสินค้ามีสัญญาณชะลอตัว สำหรับเศรษฐกิจไทยด้านอุปทาน ภาคการเกษตรสามารถพลิกกลับมาขยายตัวได้ ขณะที่ภาคอุตสาหกรรมและการท่องเที่ยวชะลอตัว สำหรับเสถียรภาพเศรษฐกิจยังอยู่ในระดับมั่นคง"
นายพรชัย ฐีระเวช ที่ปรึกษาด้านเศรษฐกิจการเงิน ในฐานะโฆษกของ
สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง พร้อมด้วยนาย
พิสิทธิ์ พัวพันธ์ ผู้อำนวยการสำนักนโยบายเศรษฐกิจมหภาค ในฐานะรองโฆษกสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง เปิดเผย
รายงานภาวะเศรษฐกิจการคลังประจำเดือนพฤษภาคม 2562 พบว่า "การขยายตัวของเศรษฐกิจไทยในเดือนพฤษภาคม 2562 ได้รับปัจจัยสนับสนุนจากการบริโภคภาคเอกชน สะท้อนจากยอดการจัดเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มซึ่งขยายตัวสูงถึงร้อยละ 5.0 ต่อปี ในขณะที่การลงทุนภาคเอกชนและการส่งออกสินค้ามีสัญญาณชะลอตัว สำหรับเศรษฐกิจไทยด้านอุปทาน ภาคการเกษตรสามารถพลิกกลับมาขยายตัวได้ ขณะที่ภาคอุตสาหกรรมและการท่องเที่ยวชะลอตัว สำหรับเสถียรภาพเศรษฐกิจยังอยู่ในระดับมั่นคง" โดยมีรายละเอียดสรุปได้ดังนี้
เครื่องชี้เศรษฐกิจด้านการบริโภคภาคเอกชนขยายตัวได้ในภาพรวม สะท้อนได้จากการจัดเก็บภาษีมูลค่าเพิ่ม ซึ่งขยายตัวร้อยละ 5.0 ต่อปี ขณะที่การบริโภคสินค้าคงทนสะท้อนจากปริมาณจำหน่ายรถยนต์นั่งขยายตัวเล็กน้อยที่ร้อยละ 1.3 ต่อปี อย่างไรก็ตาม ปริมาณรถจักรยานยนต์จดทะเบียนใหม่ชะลอตัวที่ร้อยละ -3.8 และปริมาณการนำเข้าสินค้าอุปโภคบริโภคชะลอตัวที่ร้อยละ -1.2 ต่อปี พร้อมกับดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคที่ปรับตัวลดลงปรับตัวลงอยู่ที่ระดับ 64.8 เครื่องชี้เศรษฐกิจด้านการลงทุนภาคเอกชนชะลอตัวเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า (y-o-y) แต่พบว่าหลายเครื่องชี้การลงทุนภาคเอกชนปรับตัวดีขึ้นเทียบกับเดือนก่อนหน้า (m-o-m) ทั้งนี้ การลงทุนภาคเอกชนในหมวดเครื่องมือเครื่องจักร สะท้อนจากปริมาณจำหน่ายรถยนต์เชิงพาณิชย์ขยายตัว ร้อยละ 5.2 ต่อปี ตามการขยายตัวของปริมาณจำหน่ายรถกระบะ 1 ตัน ขณะที่ปริมาณการนำเข้าสินค้าทุนชะลอตัวที่ร้อยละ -6.9 ต่อปี สำหรับการลงทุนภาคเอกชนในหมวดก่อสร้างสะท้อนจากปริมาณจำหน่ายปูนซีเมนต์ภายในประเทศชะลอตัวที่ร้อยละ -3.1 ต่อปี ภาษีการทำธุรกรรมอสังหาริมทรัพย์ชะลอตัวที่ร้อยละ -15.0 ต่อปี อย่างไรก็ตาม ดัชนีราคาวัสดุก่อสร้างขยายตัวที่ร้อยละ 0.3 ต่อปี ภาคการค้าระหว่างประเทศยังคงชะลอตัวต่อเนื่อง โดยมูลค่าการส่งออกสินค้าในรูปเงิน สกุลดอลลาร์สหรัฐฯ ชะลอตัวที่ร้อยละ -5.8 ต่อปี โดยมูลค่าการส่งออกไปประเทศจีนชะลอตัวที่ร้อยละ -7.2 ต่อปี และการส่งออกไปยังภูมิภาคอาเซียนชะลอตัวที่ร้อยละ -10.2 ต่อปี อย่างไรก็ตาม มูลค่าการส่งออก ไปยังสหรัฐอเมริกาขยายตัวที่ร้อยละ 7.8 ต่อปี สำหรับมูลค่าการนำเข้าสินค้าชะลอตัวอยู่ที่ร้อยละ -0.6 ต่อปี ทั้งนี้ ดุลการค้าในเดือนพฤษภาคม 2562 กลับมาเกินดุลที่มูลค่า 0.2 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ
เครื่องชี้เศรษฐกิจไทยด้านอุปทานพบว่า ภาคการเกษตรสามารถพลิกกลับมาขยายตัวได้ ขณะที่ภาคอุตสาหกรรมและการท่องเที่ยวชะลอตัว โดยดัชนีผลผลิตสินค้าเกษตรขยายตัวร้อยละ 0.6 ต่อปี จากหมวดพืชผลสำคัญขยายตัวร้อยละ 1.1 ต่อปี และหมวดปศุสัตว์ขยายตัวร้อยละ 1.5 ต่อปี สำหรับดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรมชะลอตัวอยู่ที่ร้อยละ -4.0 ต่อปี ขณะที่ดัชนีความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรมอยู่ที่ระดับ 95.9 ปรับตัวเพิ่มขึ้นจากเดือนก่อนหน้า สำหรับภาคการท่องเที่ยวสะท้อนจากนักท่องเที่ยวต่างประเทศที่เดินทางเข้าประเทศไทยในเดือนพฤษภาคม 2562 มีจำนวน 2.73 ล้านคน ชะลอตัวที่ร้อยละ -1.0 ต่อปี ซึ่งเป็นผลจากนักท่องเที่ยวชาวจีนเป็นสำคัญ ทำให้รายได้จากนักท่องเที่ยวต่างชาติมีมูลค่ารวม 134,560 ล้านบาท ชะลอตัวร้อยละ -1.0 ต่อปี อย่างไรก็ตาม ภาคการท่องเที่ยวได้รับปัจจัยสนับสนุนจากนักท่องเที่ยวประเทศอื่นๆ ที่ขยายตัวได้ดี เช่น มาเลเซีย อินเดีย และญี่ปุ่น เป็นต้น เสถียรภาพเศรษฐกิจภายในประเทศยังอยู่ในเกณฑ์ดี สะท้อนจากอัตราเงินเฟ้อทั่วไป อยู่ที่ร้อยละ 1.1 ต่อปี ขณะที่อัตราเงินเฟ้อพื้นฐานอยู่ที่ร้อยละ 0.5 ต่อปี สำหรับอัตราการว่างงานอยู่ที่ร้อยละ 1.1 ของกำลังแรงงาน สัดส่วนหนี้สาธารณะต่อ GDP ณ สิ้นเดือนเมษายน 2562 อยู่ที่ร้อยละ 42.0 ต่อ GDP ซึ่งอยู่ภายใต้กรอบวินัยการเงินการคลังที่ตั้งไว้ตามพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. 2561 สำหรับเสถียรภาพภายนอกยังอยู่ในระดับมั่นคง และสามารถรองรับความเสี่ยงจากความผันผวนของเศรษฐกิจโลกได้ สะท้อนจากทุนสำรองระหว่างประเทศ ณ สิ้นเดือนพฤษภาคม 2562 อยู่ในระดับสูงที่ 210.0 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ
"การขยายตัวของเศรษฐกิจไทยในเดือนพฤษภาคม 2562 ได้รับปัจจัยสนับสนุนจากการบริโภคภาคเอกชน สะท้อนจากยอดการจัดเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มซึ่งขยายตัวสูงถึงร้อยละ 5.0 ต่อปี ในขณะที่การลงทุนภาคเอกชนและการส่งออกสินค้ามีสัญญาณชะลอตัว สำหรับเศรษฐกิจไทยด้านอุปทาน ภาคการเกษตรสามารถพลิกกลับมาขยายตัวได้ ขณะที่ภาคอุตสาหกรรมและการท่องเที่ยวชะลอตัว สำหรับเสถียรภาพเศรษฐกิจยังอยู่ในระดับมั่นคง"
1. เครื่องชี้เศรษฐกิจด้านการบริโภคภาคเอกชนขยายตัวได้ในภาพรวม สะท้อนได้จากการจัดเก็บภาษีมูลค่าเพิ่ม ซึ่งขยายตัวร้อยละ 5.0 ต่อปี และเมื่อปรับผลทางฤดูกาลออกพบว่าขยายตัวที่ร้อยละ 3.0 ต่อเดือน ขณะที่การบริโภคสินค้าคงทนสะท้อนจากปริมาณจำหน่ายรถยนต์นั่งขยายตัวเล็กน้อยที่ร้อยละ 1.3 ต่อปี แต่เมื่อปรับผลทางฤดูกาลออกพบว่าชะลอตัวร้อยละ -7.1 ต่อเดือน เนื่องจากการเร่งซื้อรถยนต์ในช่วงก่อนหน้า อย่างไรก็ตาม ปริมาณรถจักรยานยนต์จดทะเบียนใหม่ชะลอตัวที่ร้อยละ -3.8 ต่อปี และเมื่อปรับผลทางฤดูกาลออกพบว่าชะลอตัวร้อยละ -6.5 ต่อเดือน เป็นการชะลอตัวทั้งในเขต กทม. และเขตภูมิภาคที่ร้อยละ -0.8 และร้อยละ -4.7 ต่อปี ตามลำดับ และปริมาณการนำเข้าสินค้าอุปโภคบริโภคชะลอตัวที่ร้อยละ -1.2 ต่อปี พร้อมกับดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคที่ปรับตัวลดลงปรับตัวลงอยู่ที่ระดับ 64.8 ปรับตัวลงเล็กน้อยเนื่องจากผู้บริโภคมีความกังวลเกี่ยวกับเสถียรภาพทางการเมือง ภาวะของเศรษฐกิจไทยที่ยังฟื้นตัวช้า และสถานการณ์ของเศรษฐกิจโลกอันเนื่องมาจากสงครามการค้าระหว่างจีนกับสหรัฐ